ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์"ไม่ห่วงฝ่ายค้านขู่อภิปรายลามถึงแม่และภรรยา หามีอะไรที่เข้าใจผิดก็พร้อมชี้แจง "เทพไท"เย้ยเป็นแค่ลูกไม้ตื้นๆ เพื่อแย่งพื้นที่ข่าว ท้าส.ส.เพื่อไทยกล้ายันไม่มีกิ๊กหรือไม่ แนะให้ยื่นถอดยศ"แม้ว" ที่กำลังหนีคดี ด้าน"สุเทพ"ลั่น ไม่มีการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะมีการนำเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน และการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับมารดา และภรรยา มาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คงต้องรอดูตัวญัตติ มีอะไรตน และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ต้องพร้อมที่จะชี้แจง
ส่วนที่เชื่อมโยงไปถึงมารดา และภรรยาของตนนั้น ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะอย่างภรรยาของตน ก็เป็นข้าราชการสอนหนังสือ ไม่เคยมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ส่วนคุณแม่ก็เกษียณไปนานแล้ว และไม่ได้เป็นนักธุรกิจ ตนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านอ้างว่าภรรยานายอภิสิทธิ์ มีบริษัทด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่มี แต่เดี๋ยวจะต้องฟังว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร เมื่อถามว่าได้มีการสอบถามไปยังภรรยาและมารดาแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สอบถาม แต่ของภรรยาตน ไม่มีเรื่องบริษัทหรืออะไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าตอนนี้ภรรยาได้บ่นอะไรหรือไม่กับเรื่องที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเราอยู่กับความจริง เรารู้ว่าเราทำอะไร ไม่ได้ทำอะไร ฉะนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีหน้าที่ชี้แจงอย่างเดียว เมื่อถามว่า เวลานี้มีการดึงครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องคิดว่าชีวิตส่วนตัวกำลังถูกขุดคุ้ยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็แค่รู้สึกเสียใจว่า ครอบครัวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เขาได้ข้อมูลมา เข้าใจผิดอะไรผิดมา เมื่ออภิปรายมาก็ต้องชี้แจงไปเท่านั้นเอง และตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบ ข้องใจอะไรก็ต้องสอบถาม ต้องตรวจสอบ ตนก็มีหน้าที่ชี้แจง แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นข้อมูลอะไร เห็นเพียงข่าวสั้นๆ เท่านั้น
ต่อข้อถามว่า ข่าวที่ฝ่ายค้านเปิดออกมาทำให้แปลกใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บังเอิญที่ผ่านมาก็เห็นฝ่ายค้านหยิบเรื่องนั้น เรื่องนี้มาเรื่อย เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกใจว่าพูดไปถึงเรื่องอะไรบ้าง เพราะเมื่อไปดูแล้วเขาก็ไปหยิบเรื่องต่างๆ ที่เราก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเป็นราว เช่น เรื่องรถยนต์ หรือเรื่องอะไรต่างๆ ซึ่งเรื่องรถก็ขาย และโอนไปแล้ว จึงไม่ได้อยู่ในชื่อของตน ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว จะให้แสดงทรัพย์สินอีกตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เมื่อถามว่ามองอย่างที่ไรที่ฝ่ายค้านเปลี่ยนหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจไปเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปตื่นเต้น รอให้เขายื่นญัตติ และรอฟังข้อมูลในวันอภิปราย เมื่อถามว่าคิดว่าฝ่ายค้านกำลังปั่นกระแสหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาก็ทำหน้าที่และให้คนสนใจในสิ่งที่เขาทำ ส่วนสังคมจะสับสนหรือไม่ ตนคิดว่าสังคมคงรอฟังวันจริงมากกว่า ก่อนหน้านี้บางเรื่องเขาพูดมาแล้วก็ผ่านไป อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมั่นใจที่จะชี้แจงได้ทุกอย่างรวมทั้งเรื่องการหนีทหารด้วย
**แค่กลยุทธ์แย่งพื้นที่ข่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในประเด็นที่เกี่ยวกับแม่ และภริยาของนายกรัฐมนตรี ว่า แค่เป็นการเปิดประเด็นเพื่อแย่งพื้นที่ข่าว แต่ยังปิดบังประเด็นที่จะอภิปรายโจมตี ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเล่นนอกเกมของพรรคฝ่ายค้านที่พยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของนายกฯเท่านั้น และในขณะนี้ก็มีโฆษกพรรคเพื่อไทย ไปยื่นหนังสือให้ปลัดกระทรวงกลาโหม ถอดยศของนายกฯ อีก ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ ที่จะดำเนินการถอดยศในกรณีนี้ได้ จึงขอให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการเร่งรัดการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่มีความผิดคดีอาญา และมีโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องถอดยศ ของอดีตตำรวจที่ปฏิบัติตัวเสื่อมเสีย มีคดีติดตัว แต่กรณีนี้กลับถูกส.ส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน โดยแก้เกี้ยวว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งที่มีระเบียบระบุไว้ชัดเจน
"หากนายอภิสิทธิ์ ไม่ใสสะอาดจริงๆ ก็คงจะไม่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายกฯได้ ทั้งที่ได้ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด ตั้งแต่กรณีที่ดินหัวหิน ที่ถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี ในที่สุดก็พิสูจน์ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การเปิดประเด็นสร้างกระแสเช่นนี้ เพื่อต้องการความสนใจเหมือนการสร้างข่าวเรื่องกิ๊ก เมื่อถูกเปิดโปงว่าจะเป็นบูมเมอร์แรง ย้อนกลับมาหาตัวเองก็ออกมาตีโพยตีพายว่า พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบเก่าๆ จะย้อนศรเรื่องกิ๊กในสภาฯ ถ้าเราจะเล่นเรื่องนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ก็ไม่รอดพ้นการอภิปรายไปได้ เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอโจ๋งครึม และอยากถามว่าในพรรคเพื่อไทยจะมีใครสักกี่คนที่ไม่มีกิ๊กบ้าง" นายเทพไท กล่าว
**เย้ยหน.ทีมซักฟอกไม่น่าเชื่อถือ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาปฏิเสธว่า การไปฮ่องกงไม่ได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็มีคำยืนยันจาก ส.ส.พรรคเดียวกันว่า ร.ต.อ.เฉลิม และส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้ร่วมรับประทานอาหารจีน ที่ห้องวีไอพี โรงแรมในเกาะฮ่องกงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่ทราบว่าใครพูดเท็จ ใครโกหกกันแน่ เพราะคนอย่างร.ต.อ.เฉลิม ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็จะทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ปฏิเสธตลอดข้อหา จึงขอให้สังคมพิจารณาข้อมูลและตัวของร.ต.อ.เฉลิม มีความน่าเชื่อมากน้อยเพียงใดที่จะเป็นแม่ทัพนำทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในครั้งนี้
**ฝ่ายค้านจัดทีมงานซักฟอก
น.ส.วิสารดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แถลงว่า มติที่ประชุมคณะทำงานฯที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นประธาน มีมติตั้งคณะทำงาน 3 ชุด เพื่อยกร่าง ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี และ ยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี อาทิ นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน นายประเกียรติ นาสิมา ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น
ส่วนคณะทำงานยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี อาทิ นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายวรวัจน์ เอื้อภิญญากุล ส.ส.แพร่ เป็นต้น และคณะทำงานที่ปรึกษา อาทิ ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี เป็นต้น
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมข้อมูลในการอภิปรายทั้งจาก ส.ส.และจากประชาชนที่ให้ข้อมูลมาให้ซึ่งพรรคมีความพร้อมในการเปิดอภิปรายและมั่นใจในข้อมูลหลักฐานในการอภิปรายโดยเชื่อว่า จะยกมาตรฐานการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เหนือกว่าสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ส่วนรายชื่อนายกรัฐมนตรี ที่จะเสนอในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น พรรคได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารพรรค เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจซึ่งเบื้องต้นมีรายชื่อแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย จนกว่าจะมีการยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จเรียบร้อย
**"สุเทพ"ยันไม่มี"รัฐบาลแห่งชาติ"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเรียกเข้าพบบุคคลชั้นสูง เพื่อพูดคุยถึงแนวคิดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่า "ไม่มี เป็นแค่ข่าวลือ"
เมื่อถามย้ำว่า มีคนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ พูดคุยกับชนชั้นสูงถึงการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว นายสุเทพ ถามกลับเสียงดังว่า"ใครพูด" ผู้สื่อข่าวได้ตอบว่า ฝ่ายค้านพูด นายสุเทพ จึงกล่าวต่อว่า "สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดไม่น่าเชื่อถือ นี่คือคำพูดของนายสุเทพ" เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าแนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด นายสุเทพ ส่ายหน้าหนักแน่น แทนคำตอบ
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยในอีกไม่กี่เดือน หากจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติสำเร็จ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กล้ากลับมา ถ้ากลับเข้ามาก็ติดคุกก่อน 2 ปี หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี จึงคิดว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวไปเรื่อยๆ มาวนเวียนใกล้ประเทศแล้วก็โฉบออกไป พอได้เวลาทำกิจกรรมอะไรก็โฉบเข้ามา ตนคิดว่าเป็นการกล่าวชิมลาง โยนหินถามทางมากกว่า
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านอ้างถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็เพื่อ 1. แก้ปัญหาการที่ฝ่ายค้านไม่มีตัวเลือกที่เป็นส.ส.ที่สามารถเสนอชื่อที่ประชาชนมั่นใจพอที่จะเป็นนายกฯได้จริง 2. พยายามสร้างปัญหาความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเปิดช่องให้ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดการสลับขั้ว และ 3. เป็นข้ออ้างว่าการเมืองถึงทางตันอีกครั้ง และสอดรับกับภาพการเมืองที่กลับสู่ท้องถนน ซึ่งมีส่วนทำลายความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยของไทย ในสายตาทั่วโลกต่อไปอีก
"แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การผูกเรื่องนี้เข้ากับการปฏิรูปการเมืองโดยคนกลาง เพราะจะทำให้กระบวนการปฏิรูปการเมืองถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว และเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดจากคดีและกลับสู่อำนาจ" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
**"ภูมิใจไทย"เย้ย"เพื่อแม้ว"เพิ่งคิดได้
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจกับการจุดกระแสประเด็นจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องเก่าที่มีการเสนอมานานแล้ว เพราะในช่วงที่พรรคเพื่อไทย สมัยที่เป็นพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล ก็เคยปฎิเสธแนวคิดนี้ ถึงวันนี้ทำไมจึงเพิ่งคิดได้ อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ได้เดินไปตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว หากคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องให้คนนอก หรือคนกลาง มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะไปกันใหญ่ ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะยังมีรัฐบาลและฝ่ายค้านในสภาอยู่ตามระบบรัฐสภา จะให้เป็นรัฐบาลทั้งหมด คงเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในพรรคร่วมรัฐบาล ยังทำงานร่วมกันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร จึงไม่มีความจำเป็นจะใช้แนวคิดนี้
**"อีสานพัฒนา"ชี้ รบ.แห่งชาติ เกิดยาก
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า แนวคิดเรื่องนี้ในกลุ่มยังไม่เคยมีการพูดคุยกัน และไม่มั่นใจว่าได้รับสัญญาณอะไรในการจุดกระแสประเด็นนี้ ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก ในท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน เพราะเท่าที่ดูหลายๆฝ่ายรวมทั้งแกนนำรัฐบาลชุดนี้ มีท่าทีไม่เห็นด้วย จึงเกิดขึ้นยาก แต่หากสามารถทำแล้วบ้านเมืองสงบคนทั้งชาติปรองดองกันได้ ก็เป็นเรื่องดี ดังนั้น เรื่องนี้ควรได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลและทุกฝ่าย เพื่อมีการศึกษาข้อดีข้อเสียเพื่อนำไปสู่การแก้ไขให้บ้านเมืองสงบสุขโดยยึดหลักนิติธรรม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะมีการนำเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน และการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับมารดา และภรรยา มาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คงต้องรอดูตัวญัตติ มีอะไรตน และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ต้องพร้อมที่จะชี้แจง
ส่วนที่เชื่อมโยงไปถึงมารดา และภรรยาของตนนั้น ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะอย่างภรรยาของตน ก็เป็นข้าราชการสอนหนังสือ ไม่เคยมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ส่วนคุณแม่ก็เกษียณไปนานแล้ว และไม่ได้เป็นนักธุรกิจ ตนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านอ้างว่าภรรยานายอภิสิทธิ์ มีบริษัทด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่มี แต่เดี๋ยวจะต้องฟังว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร เมื่อถามว่าได้มีการสอบถามไปยังภรรยาและมารดาแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สอบถาม แต่ของภรรยาตน ไม่มีเรื่องบริษัทหรืออะไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าตอนนี้ภรรยาได้บ่นอะไรหรือไม่กับเรื่องที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเราอยู่กับความจริง เรารู้ว่าเราทำอะไร ไม่ได้ทำอะไร ฉะนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีหน้าที่ชี้แจงอย่างเดียว เมื่อถามว่า เวลานี้มีการดึงครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องคิดว่าชีวิตส่วนตัวกำลังถูกขุดคุ้ยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็แค่รู้สึกเสียใจว่า ครอบครัวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เขาได้ข้อมูลมา เข้าใจผิดอะไรผิดมา เมื่ออภิปรายมาก็ต้องชี้แจงไปเท่านั้นเอง และตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบ ข้องใจอะไรก็ต้องสอบถาม ต้องตรวจสอบ ตนก็มีหน้าที่ชี้แจง แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นข้อมูลอะไร เห็นเพียงข่าวสั้นๆ เท่านั้น
ต่อข้อถามว่า ข่าวที่ฝ่ายค้านเปิดออกมาทำให้แปลกใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บังเอิญที่ผ่านมาก็เห็นฝ่ายค้านหยิบเรื่องนั้น เรื่องนี้มาเรื่อย เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกใจว่าพูดไปถึงเรื่องอะไรบ้าง เพราะเมื่อไปดูแล้วเขาก็ไปหยิบเรื่องต่างๆ ที่เราก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเป็นราว เช่น เรื่องรถยนต์ หรือเรื่องอะไรต่างๆ ซึ่งเรื่องรถก็ขาย และโอนไปแล้ว จึงไม่ได้อยู่ในชื่อของตน ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว จะให้แสดงทรัพย์สินอีกตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เมื่อถามว่ามองอย่างที่ไรที่ฝ่ายค้านเปลี่ยนหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจไปเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปตื่นเต้น รอให้เขายื่นญัตติ และรอฟังข้อมูลในวันอภิปราย เมื่อถามว่าคิดว่าฝ่ายค้านกำลังปั่นกระแสหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาก็ทำหน้าที่และให้คนสนใจในสิ่งที่เขาทำ ส่วนสังคมจะสับสนหรือไม่ ตนคิดว่าสังคมคงรอฟังวันจริงมากกว่า ก่อนหน้านี้บางเรื่องเขาพูดมาแล้วก็ผ่านไป อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมั่นใจที่จะชี้แจงได้ทุกอย่างรวมทั้งเรื่องการหนีทหารด้วย
**แค่กลยุทธ์แย่งพื้นที่ข่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในประเด็นที่เกี่ยวกับแม่ และภริยาของนายกรัฐมนตรี ว่า แค่เป็นการเปิดประเด็นเพื่อแย่งพื้นที่ข่าว แต่ยังปิดบังประเด็นที่จะอภิปรายโจมตี ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเล่นนอกเกมของพรรคฝ่ายค้านที่พยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของนายกฯเท่านั้น และในขณะนี้ก็มีโฆษกพรรคเพื่อไทย ไปยื่นหนังสือให้ปลัดกระทรวงกลาโหม ถอดยศของนายกฯ อีก ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ ที่จะดำเนินการถอดยศในกรณีนี้ได้ จึงขอให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการเร่งรัดการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่มีความผิดคดีอาญา และมีโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องถอดยศ ของอดีตตำรวจที่ปฏิบัติตัวเสื่อมเสีย มีคดีติดตัว แต่กรณีนี้กลับถูกส.ส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน โดยแก้เกี้ยวว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งที่มีระเบียบระบุไว้ชัดเจน
"หากนายอภิสิทธิ์ ไม่ใสสะอาดจริงๆ ก็คงจะไม่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายกฯได้ ทั้งที่ได้ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด ตั้งแต่กรณีที่ดินหัวหิน ที่ถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี ในที่สุดก็พิสูจน์ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การเปิดประเด็นสร้างกระแสเช่นนี้ เพื่อต้องการความสนใจเหมือนการสร้างข่าวเรื่องกิ๊ก เมื่อถูกเปิดโปงว่าจะเป็นบูมเมอร์แรง ย้อนกลับมาหาตัวเองก็ออกมาตีโพยตีพายว่า พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบเก่าๆ จะย้อนศรเรื่องกิ๊กในสภาฯ ถ้าเราจะเล่นเรื่องนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ก็ไม่รอดพ้นการอภิปรายไปได้ เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอโจ๋งครึม และอยากถามว่าในพรรคเพื่อไทยจะมีใครสักกี่คนที่ไม่มีกิ๊กบ้าง" นายเทพไท กล่าว
**เย้ยหน.ทีมซักฟอกไม่น่าเชื่อถือ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาปฏิเสธว่า การไปฮ่องกงไม่ได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็มีคำยืนยันจาก ส.ส.พรรคเดียวกันว่า ร.ต.อ.เฉลิม และส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้ร่วมรับประทานอาหารจีน ที่ห้องวีไอพี โรงแรมในเกาะฮ่องกงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่ทราบว่าใครพูดเท็จ ใครโกหกกันแน่ เพราะคนอย่างร.ต.อ.เฉลิม ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็จะทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ปฏิเสธตลอดข้อหา จึงขอให้สังคมพิจารณาข้อมูลและตัวของร.ต.อ.เฉลิม มีความน่าเชื่อมากน้อยเพียงใดที่จะเป็นแม่ทัพนำทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในครั้งนี้
**ฝ่ายค้านจัดทีมงานซักฟอก
น.ส.วิสารดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แถลงว่า มติที่ประชุมคณะทำงานฯที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นประธาน มีมติตั้งคณะทำงาน 3 ชุด เพื่อยกร่าง ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี และ ยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี อาทิ นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน นายประเกียรติ นาสิมา ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น
ส่วนคณะทำงานยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี อาทิ นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายวรวัจน์ เอื้อภิญญากุล ส.ส.แพร่ เป็นต้น และคณะทำงานที่ปรึกษา อาทิ ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี เป็นต้น
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมข้อมูลในการอภิปรายทั้งจาก ส.ส.และจากประชาชนที่ให้ข้อมูลมาให้ซึ่งพรรคมีความพร้อมในการเปิดอภิปรายและมั่นใจในข้อมูลหลักฐานในการอภิปรายโดยเชื่อว่า จะยกมาตรฐานการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เหนือกว่าสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ส่วนรายชื่อนายกรัฐมนตรี ที่จะเสนอในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น พรรคได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารพรรค เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจซึ่งเบื้องต้นมีรายชื่อแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย จนกว่าจะมีการยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จเรียบร้อย
**"สุเทพ"ยันไม่มี"รัฐบาลแห่งชาติ"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเรียกเข้าพบบุคคลชั้นสูง เพื่อพูดคุยถึงแนวคิดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่า "ไม่มี เป็นแค่ข่าวลือ"
เมื่อถามย้ำว่า มีคนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ พูดคุยกับชนชั้นสูงถึงการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว นายสุเทพ ถามกลับเสียงดังว่า"ใครพูด" ผู้สื่อข่าวได้ตอบว่า ฝ่ายค้านพูด นายสุเทพ จึงกล่าวต่อว่า "สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดไม่น่าเชื่อถือ นี่คือคำพูดของนายสุเทพ" เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าแนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด นายสุเทพ ส่ายหน้าหนักแน่น แทนคำตอบ
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยในอีกไม่กี่เดือน หากจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติสำเร็จ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กล้ากลับมา ถ้ากลับเข้ามาก็ติดคุกก่อน 2 ปี หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี จึงคิดว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวไปเรื่อยๆ มาวนเวียนใกล้ประเทศแล้วก็โฉบออกไป พอได้เวลาทำกิจกรรมอะไรก็โฉบเข้ามา ตนคิดว่าเป็นการกล่าวชิมลาง โยนหินถามทางมากกว่า
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านอ้างถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็เพื่อ 1. แก้ปัญหาการที่ฝ่ายค้านไม่มีตัวเลือกที่เป็นส.ส.ที่สามารถเสนอชื่อที่ประชาชนมั่นใจพอที่จะเป็นนายกฯได้จริง 2. พยายามสร้างปัญหาความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเปิดช่องให้ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดการสลับขั้ว และ 3. เป็นข้ออ้างว่าการเมืองถึงทางตันอีกครั้ง และสอดรับกับภาพการเมืองที่กลับสู่ท้องถนน ซึ่งมีส่วนทำลายความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยของไทย ในสายตาทั่วโลกต่อไปอีก
"แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การผูกเรื่องนี้เข้ากับการปฏิรูปการเมืองโดยคนกลาง เพราะจะทำให้กระบวนการปฏิรูปการเมืองถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว และเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดจากคดีและกลับสู่อำนาจ" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
**"ภูมิใจไทย"เย้ย"เพื่อแม้ว"เพิ่งคิดได้
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจกับการจุดกระแสประเด็นจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องเก่าที่มีการเสนอมานานแล้ว เพราะในช่วงที่พรรคเพื่อไทย สมัยที่เป็นพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล ก็เคยปฎิเสธแนวคิดนี้ ถึงวันนี้ทำไมจึงเพิ่งคิดได้ อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ได้เดินไปตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว หากคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องให้คนนอก หรือคนกลาง มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะไปกันใหญ่ ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะยังมีรัฐบาลและฝ่ายค้านในสภาอยู่ตามระบบรัฐสภา จะให้เป็นรัฐบาลทั้งหมด คงเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในพรรคร่วมรัฐบาล ยังทำงานร่วมกันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร จึงไม่มีความจำเป็นจะใช้แนวคิดนี้
**"อีสานพัฒนา"ชี้ รบ.แห่งชาติ เกิดยาก
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า แนวคิดเรื่องนี้ในกลุ่มยังไม่เคยมีการพูดคุยกัน และไม่มั่นใจว่าได้รับสัญญาณอะไรในการจุดกระแสประเด็นนี้ ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก ในท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน เพราะเท่าที่ดูหลายๆฝ่ายรวมทั้งแกนนำรัฐบาลชุดนี้ มีท่าทีไม่เห็นด้วย จึงเกิดขึ้นยาก แต่หากสามารถทำแล้วบ้านเมืองสงบคนทั้งชาติปรองดองกันได้ ก็เป็นเรื่องดี ดังนั้น เรื่องนี้ควรได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลและทุกฝ่าย เพื่อมีการศึกษาข้อดีข้อเสียเพื่อนำไปสู่การแก้ไขให้บ้านเมืองสงบสุขโดยยึดหลักนิติธรรม