ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทย โชว์ความเขลา อ้าง “อภิสิทธิ์” ละเมิดพิธีกรรมอ่านพระบรมราชโองการฯ ในรัฐสภา ส่งผลให้เกิดอาเพศไฟไหม้ซานติก้าผับ และเสือป่าพลาซ่า เหน็บคุณสมบัตินายกฯ แต่หน้าแหกกลับเอาผิดไม่ได้ ตั้งฉายา “รัฐบาลคาหนังคาเขา”
วันนี้ (5 ม.ค.) นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายรัฐบาลนอกสภา โดยได้นำรายงานของ นสพ.คมชัดลึก เรื่องทหารแก่ไม่มีวันตาย ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงว่า การอภิปรายของตนนั้นต้องใช้จินตนาการประกอบด้วยเพราะขาดข้อเท็จจริงบางอย่าง ข้อบังคับการประชุมและเอกสิทธิ์ ส.ส.นั้นไม่ใช่สิทธิพิเศษเพียงแต่ให้ ส.ส.สอบถามรัฐบาลได้เท่านั้น การแถลงนโยบายรัฐบาลแบบรวบรัดตัดความนั้น คนเสื้อแดงที่ล้อมรัฐสภาไม่มีคาร์บอมบ์ ระเบิดปิงปอง และอาวุธ รวมทั้งไม่ขัดขวางการเข้าสภาเพื่อ เเต่ต้องแสดงความรู้สึกที่นายอภิสิทธิ์เข้ามาโดยไม่ถูกต้อง การนัดประชุมครั้งนั้นเตรียมพร้อมไว้แล้วและส่งเอสเอ็มเอสมาล่วงหน้า 1 ชั่วโมง เท่ากับละเมิดผลประโยชน์ของประชาชน และสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ไม่คิดเลย คือ ละเมิดพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการอ่านพระบรมราชโองการฯ ในรัฐสภา และเรื่องนี้ส่งผลแล้วคือเพลิงไหม้ซานติก้าผับ และเสือป่าพลาซ่า
นายสุนัย กล่าวว่า ข้อจำกัดในการอภิปรายที่ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองนั้น ตนจะพยายามอภิปรายในวันที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เพราะคนสำคัญบางคนในบ้านเมืองออกมาชมนายอภิสิทธิ์ ที่ผ่านมามีการพูดเรื่องคุณธรรมกันเยอะ แต่มันคือคุณธรรมหลอกลวง แต่จุดเริ่มต้นของนายอภิสิทธิ์ก็มีปัญหาเรื่องคุณธรรมแล้วคือการไม่เข้ารับการเกณฑ์ทหาร หลักฐานที่ตนพบแม้จะเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าเป็นจริงก็จะรู้ว่านายอภิสิทธิ์มีพฤติกรรมคดในข้อ งอในกระดูกมานานแล้ว คือ นายอภิสิทธิ์เป็น ส.ส.ครั้งแรกในเดือน มี.ค.2535 รัฐธรรมนุญ 2534 กำหนดว่าผู้สมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรค แต่นายอภิสิทธิ์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 15 มิ.ย.2535 คือเป็นสมาชิกพรรคหลังเป็น ส.ส.
นายสุนัย กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ผู้จัดการสำคัญคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ต้องไปถามนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และนายเนวิน ชิดชอบ ที่ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายบรรหาร ศิลปอาชา ว่าสองคนนี้มีคุณธรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งนายกรณ์เป็น รมว.คลัง เพราะมีความสามารถ แต่จริงๆ แล้วนายกรณ์เป็นคู่เขยกับนายอภิสิทธิ์
“ขอถามว่าคุณธรรมของนายกรณ์นั้น นายไกรศรี จาติกวณิช อดีตอธิบดีกรมศุลกากร และบิดาของนายกรณ์ที่โดนให้ออกจากราชการกรณีการนำรถยนต์โดยไม่เสียภาษี ที่ผ่านมานายกรณ์วิจารณ์อดีตนายกฯ ประจำในเรื่องคุณธรรมและการเสียภาษี แต่กรณีที่ตนพูดขึ้นมานั้นตนรู้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่เกี่ยวกันระหว่างพ่อกับลูก แต่คำพังเพยไทยบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”
นายสุนัย กล่าวต่อว่า มือหนึ่งการแก้ไขเศรษฐกิจนั้น แต่นายกรณ์มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับนายปิ่น จักกะพาก ผู้ต้องหาคดีบีบีซี ที่ชวนนายกรณ์เข้าสู่วงการการเงิน ต้องสอบสวนว่านายกรณ์พูดเรื่องคุณธรรมเสมอๆ แต่วันนี้นายกรณ์จะนำนายปิ่นซึ่งเป็นญาติ แต่เป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจกลับมาลงโทษหรือไม่ เพราะนายปิ่นวิจารณ์การทำงานของศาลไทยที่น่าจะละเมิดอำนาจศาลและปฏิเสธอำนาจของพระมหากษัตริย์ ถามว่านายปิ่น นายกรณ์ และนายอภิสิทธิ์มีสายสัมพันธ์และเป็นญาติกันนั้นจะจัดการอย่างไร
นายสุนัย กล่าวด้วยว่า ตนยังพบหลักฐานที่นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งรัฐมนตรีคนหนึ่งที่สะสมคู่สมรสอยู่หนึ่งคน และร้ายที่สุดคือการขึ้นเป็นนายกฯของนายอภิสิทธิ์ในวันที่ 15 ธ.ค.2551 นั้น มันแยกไม่ออกกับการที่นายอภิสิทธิ์เรียกร้องนายกฯ มาตรา 7 ที่สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯในช่วงก่อนและหลังวันที่ 2 เม.ย.2549 การชุมนุมในตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ระดมมวลชนมาชุมนุมจนเกิดการรัฐประหาร เพราะตนพูดเรื่องนี้ในสภาก็โดนประท้วงจนรู้ว่ามันเกี่ยวพันกัน และความกระสันต์ที่อยากเป็นนายกฯที่น่าจะเก็บอาการไว้ไม่ได้อย่างกระเหี้ยนกระหือรือนั้น ความเสียหายของบ้านเมืองและสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมานั้นมันสอดรับกับความอยากเป็นนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ตนขอตั้งฉายารัฐบาลชุดนี้ว่ารัฐบาลคาหนังคาเขาที่ไปปล้นอำนาจประชาธิปไตยมาอย่างชัดเจน
ย้อนรอย :“ลิ่วล้อแม้ว” ไม่เข็ดมั่วข้อมูลดิสเครดิตการเมือง
อนึ่ง กรณีนายไกรศรี จาติกวณิช ที่นายสุนัยอ้างว่า โดนให้ออกจากราชการกรณีเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์นั้น เป็นประเด็นเก่า ทั้งยังเป็นประเด็ที่เป็นเท็จ เนื่องจากคดี “คดีโตโยต้าซอเรอร์” นั้น นายไกรศรีไม่ได้ถูกลงโทษให้ออกจากราชการ แต่ถูกพักราชการในปี พ.ศ. 2529 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2531 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้มีหนังสือถึงนายไกรศรียืนยันว่ามีสิทธิยื่นหนังสือ ขอกลับเข้ารับราชการได้ แต่นายไกรศรีไม่ได้ยื่นหนังสือ เนื่องจากใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว
ในส่วนของคดีอาญาจากคดีดังกล่าวอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในปี พ.ศ.2544 ส่วนคดีแพ่ง ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิดและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 พร้อมกับให้เหตุผลว่า การกระทำของนายไกรสีห์ ไม่ถึงขั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ด้วยความประมาทเลินเล่อ หรือจงใจ การกระทำจึงไม่เป็นการละเมิด ประกอบกับกรมศุลกากรได้ยึดรถยนต์ของกลางไว้แล้ว นายไกรศรี จึงไม่ต้องร่วมชดใช้ใดๆ และนอกจากคดีแพ่งนี้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2549 นายจตุพร พรหมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย เคยนำคดีโตโยต้าซอเรอร์นี้มาโจมตีนายกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังตอบโต้กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกนายกรณ์ในฐานะ ประธานคณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่ามีการซุกหุ้นและหลีกเลี่ยงภาษี
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้นายกรณ์ได้เรื่องฟ้องร้องต่อศาลว่า นายจตุพร หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จนในที่สุดนายจตุพร ได้ยอมรับต่อศาลว่าได้ให้สัมภาษณ์ตามข้อความที่ฟ้องจริง แต่เป็นไปตามที่มีผู้ให้ข้อมูลมา และได้แถลงข่าวขอโทษเพื่อยุติเรื่องราว
"สากกะเบือ"ขุดเรื่องเก่าเหน็บ"มาร์ค"
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายในลำดับต่อมาและเริ่มว่า ตนเริ่มเป็น ส.ส.ครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์และลาออกมาเพราะรู้ว่าร่วมงานด้วยไม่ได้ นายกฯ คนที่ 27 นี้นั้น คุณธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตมีความสำคัญที่สุดและพรรคประชาธิปัตย์นำเรื่องนี้มาเป็นจุดขาย แต่ที่ผ่านมาอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งได้รับเงิน 72 ล้านบาทมาและไปฝากไว้กับเลขานุการส่วนตัว ต่อมาคนนั้นๆ เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ อดีตรัฐมนตรีคนนั้นก็ไปร่วมงานศพแต่ไปถามน้องชายผู้ตายว่าเงินที่ฝากไว้นั้นขอคืน และยังถามถึงดอกเบี้ยด้วย ตำนานนี้กล่าวขานมาหลายทอด และพระรูปหนึ่งยังเล่าให้ตนฟังว่า มีการวิ่งเต้นของข้าราชการกรมป่าไม้และ ส.ส.เรียกเงินสี่แสนบาทในการเป็นป่าไม้จังหวัด ตนขอเรียนไปยังนายกฯ ว่าบังเอิญว่า ส.ส.คนนั้นเป็นรัฐมนตรีใน ครม.ชุดนี้ที่เรียกเงินจากข้าราชการกรมป่าไม้แบบผ่อนส่ง
ครม.ชุดนี้เข้ามาแบบไม่ถูกต้อง และนายกฯ ยังติดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ผิดด้วย นายกฯ ชอบพูดเรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเสมอนั้น ตนใช้ยศ ร.ต.ท.ตั้งแต่ปี 2518 มาจนถึงวันนี้แต่นายกฯ มียศทางทหารทำไมไม่ใส่ยศเพราะคนที่ไม่ใช่ยศคือ โดนถอดยศเพราะประพฤติผิดอย่างร้ายแรง นายกฯ จะตอบคำถามนี้อย่างไรและการที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมเวทีพันธมิตรฯ โดยด่าว่าสภาเลวนั้น ทำไมยังให้คนแบบนี้อยู่ในพรรคและไม่จัดการ เมื่อนายกฯ พูดถึงการจัดการกับอดีตนายกฯ นั้น คดีการซื้อที่ดินรัชดานั้นฯ ผลการตัดสินออกมา5 ต่อ 4 โดยไม่เป็นเอกฉันท์ แสดงว่าเสียงข้างน้อยมองว่าอดีตนายกฯ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และไม่มีความผิดในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำฟ้องของ คตส.
ร.ต.ท.เชาวรินทร์ กล่าวอีกว่า ตนเสนอให้อดีตนายกฯ หนีคดี เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะรู้ว่ามีธงล่วงหน้ามาจัดการกับอดีตนายกฯ วันที่ 11 ก.ค.2551 รู้มาว่าผู้พิพากษาคนหนึ่งไปพูดกับพันธมิตรฯ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรีว่าจะจัดการอดีตนายกฯ ในคดีความต่างๆ โดยไม่มีการรอลงอาญา คดีใดเสร็จก่อนก็ต้องจัดการเลย และช่วงที่อดีตนายกฯ ไปชมพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์นั้น จะกลับมาทำไม เพราะกลับมาก็โดนกุญแจมือสับ ฉะนั้นสิ่งที่อดีตนายกฯ ทำไปนั้นถูกต้อง
ส.ส.เจ้าของฉายาสากกระเบือ กล่าวต่อว่า การใส่ร้ายอดีตนายกฯ ว่าไม่จงรักภักดีนั้น ตนจะล่ารายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นให้ประธานวุฒิสภาเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยที่มาของนายกฯ และ ครม.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะรัฐบาลนี้มีที่มาและเป็นการร่วมมือของอามาตยาธิปไตยและกลุ่มทุนบางกลุ่ม ตนมีหลักฐานการให้เงินพรรคประชาธิปัตย์ ขอถามศาลรัฐธรรมนูญว่าคิดอย่างไรกับการยุบ 3 พรรคแล้วต้องการให้มันเป็นแบบนี้หรือ คนที่โดนตัดสิทธิทางการเมืองนั้นมีสิทธิร่วมตั้งรัฐบาลหรือ จะถามเรื่องนี้ต่อศาลด้วย เพราะภาพถ่ายของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น มันคือแฝดอินจัน ตนเป็นลูกคนจีนและมีภาษิตจีนที่แปลเป็นไทยว่า พรรคการเมืองไทยปัจจุบันก้าวหน้าเพราะความสามารถของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีอะไรก็แบ่งกันกินกันใช้ สมบัติผลัดกันชม สร้างเวรกรรมไว้เยอะ ระวังกฎแห่งกรรมจะตามมา