ASTV ผู้จัดการรายวัน – กลุ่มเตชะอุบล ซื้อหุ้น”ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม” จาก ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ เจซี แอสเซท”132.35 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.76% มูลค่า 72.79 ล้านบาท ส่งผลเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ1 หวังต่อยอดธุรกิจด้านสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 1 พันยูนิต ด้านก.ล.ต.ผ่อนเกณฑ์ให้บล.แอ๊ดคินซัน ปิดสมุดทะเบียน ผู้ถือหุ้นในนามบริษัทแทนลูกค้าบัญชีมาร์จิ้น เพื่อนำเงินที่ได้จากการลดทุนไปลดหนี้ของลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น
แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นางชลิดา เตชะอุบล ได้เข้าซื้อหลักทรัพย์บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ TFD ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 10.33 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.62 % ราคาหุ้นละ 0.55 บาท จากบริษัท เจซี แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของTFD ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นถือหุ้นเพิ่มเป็น 15.35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.41%
ขณะที่นายอภิชัย เตชะอุบล ได้ซื้อหุ้น TFD จาก บริษัทเจซี แอสเซท จำนวน 122.01 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 19.14% ราคาหุ้นละ 0.55 บาท ทำให้ภายหลังการเสนอขายถือหุ้นเพิ่มเป็น 126.19 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 24.5% และเมื่อรวมกับหุ้นที่ถือโดยบริษัท วี.ซี.เอ.แอล. บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด ที่ถืออยู่ 91.79 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 14.40% บริษัท วีเอสเอสแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ถือหุ้นอยู่ 52.74 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.27% ส่งผลให้กลุ่มเตชะอุบลถือหุ้น TFD รวมทั้งสิ้น 316.09 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 49.58% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
การดำเนินการดังกล่าวของตระกูลเตชะอุบลครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายกลุ่มเตชะอุบล ที่นายบี เตชะอุบล กรรมการ บริษัท แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และในฐานะผู้ดูแลการลงทุนกลุ่มเตชะอุบล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่า กลุ่มเตชะอุบลมีแผนที่จะเข้าไปซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 1-2 บริษัท ซึ่งทำธุรกิจด้านไอที อสังหาริมทรัยพ์ เพราะมองว่าราคาหุ้นของหลายบริษัทปรับตัวลดลงต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (บุ๊กแวลู) ทำให้การลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงมากนัก
ทั้งนี้ ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเข้าไปลงทุนในลักษณะเก็งกำไรราคาหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายการลงทุนของกลุ่มนั้นจะเน้นลงทุนระยะยาว โดยการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อที่จะทำธุรกิจในการสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 1,000 ยูนิต ราคา 1-3 ล้านบาท
สำหรับกลุ่ม เตชะอุบล ในปีนี้ที่จะใช้เงินลงทุน กว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2540 เนื่องจาก มองว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนการลงทุนในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น
ปัจจุบันกลุ่มเตชะอุบล ได้มีการลงทุนในธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจการเงิน ซึ่งได้มีการลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และบลจ.เอ็มเอฟซี ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 บ ริษัท คือ บริษัท คันทรีกรุ๊ป ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำคันทรีกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ก.ล.ต.ผ่อนASLปิดสมุดทะเบียน
พร้อมกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้หารือกับก.ล.ต.เกี่ยวกับกรณีที่บริษัหทลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL จะมีการลดทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว และคืนเงินลดทุนให้ผู้ถือหุ้น อันจะส่งผลให้มูลค่าหุ้น ASL ที่เป็นประกันการให้กู้ยืมเงินในบัญชีมาร์จิ้นลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจมีผลกระทบกับหลักประกันของลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น และการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ดังนั้น
ทั้งนี้ จึงขอผ่อนผันการปฏิบัติตามหนังสือเวียนที่ก.ล.ต. ธ.(ว) 54/2549 เรื่องซักซ้อมความเข้าในกรณีการแจ้งรายชื่อเจ้าของหลักทรัพย์กรณีที่มีการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 17 พศจิกายน 2549 ที่กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามลูกค้า เป็นดำเนินการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อบริษัทหลักทรัพย์จะนำเงินที่ได้จากการลดทุนไปลดหนี้ของลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น
สำหรับก.ล.ต.ของชี้แจงว่า หนักงสือเวียนที่ ก.ล.ต.ธ.(ว)54/2549 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นมีความโปร่งใสและถูกต้อง อย่างไรก็ตามสำนักงานพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีการลดทุนของASLเป็นการลดทุนมูลค่าค่อนข้างสูง และอาจจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับมูลค่าหุ้นที่เป็นหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ ดังนั้น ก.ล.ต.จึงไม่ขัดข้องที่บริษัทหลักทรัพย์จะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามบริษัทหลักทรัพย์ แทนลูกค้าบัญชีมาร์จิ้นเฉพาะกรณีหุ้น ASL โดยบริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการดังนี้
1.การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจะต้องไม่กระทบสิทธิของลูกค้า โดยบริษัทหลักทรัพย์จะต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าก่อน 2. บริษัทหลักทรัพย์ต้องประสารงานกับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเปิดเผยรายชื่อลูกค้าซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริงให้เสมือนเป็นการปิดสมุดทะเบียนในนามลูกค้าด้วย 3. การดำเนินการดังกล่าวของบริษัทหลักทรัพย์จะต้องไม่หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆเช่น การปิดสมุดทะเบียนในนามบริษัทหลักทรัพย์แทนลูกค้าที่มีสัญชาติต่างประเทศซึ่งถือหุ้นในกระดานหลัก เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์ได้รับสิทธิประโยชน์แทนลูกค้าต่างประเทศดังกล่าวซึ่งอาจเป็นการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติบริษัทหมาชนจำกัด พ.ศ.2535
แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นางชลิดา เตชะอุบล ได้เข้าซื้อหลักทรัพย์บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ TFD ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 10.33 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.62 % ราคาหุ้นละ 0.55 บาท จากบริษัท เจซี แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของTFD ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นถือหุ้นเพิ่มเป็น 15.35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.41%
ขณะที่นายอภิชัย เตชะอุบล ได้ซื้อหุ้น TFD จาก บริษัทเจซี แอสเซท จำนวน 122.01 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 19.14% ราคาหุ้นละ 0.55 บาท ทำให้ภายหลังการเสนอขายถือหุ้นเพิ่มเป็น 126.19 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 24.5% และเมื่อรวมกับหุ้นที่ถือโดยบริษัท วี.ซี.เอ.แอล. บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด ที่ถืออยู่ 91.79 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 14.40% บริษัท วีเอสเอสแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ถือหุ้นอยู่ 52.74 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.27% ส่งผลให้กลุ่มเตชะอุบลถือหุ้น TFD รวมทั้งสิ้น 316.09 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 49.58% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
การดำเนินการดังกล่าวของตระกูลเตชะอุบลครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายกลุ่มเตชะอุบล ที่นายบี เตชะอุบล กรรมการ บริษัท แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และในฐานะผู้ดูแลการลงทุนกลุ่มเตชะอุบล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่า กลุ่มเตชะอุบลมีแผนที่จะเข้าไปซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 1-2 บริษัท ซึ่งทำธุรกิจด้านไอที อสังหาริมทรัยพ์ เพราะมองว่าราคาหุ้นของหลายบริษัทปรับตัวลดลงต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (บุ๊กแวลู) ทำให้การลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงมากนัก
ทั้งนี้ ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเข้าไปลงทุนในลักษณะเก็งกำไรราคาหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายการลงทุนของกลุ่มนั้นจะเน้นลงทุนระยะยาว โดยการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อที่จะทำธุรกิจในการสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 1,000 ยูนิต ราคา 1-3 ล้านบาท
สำหรับกลุ่ม เตชะอุบล ในปีนี้ที่จะใช้เงินลงทุน กว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2540 เนื่องจาก มองว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนการลงทุนในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น
ปัจจุบันกลุ่มเตชะอุบล ได้มีการลงทุนในธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจการเงิน ซึ่งได้มีการลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL และบลจ.เอ็มเอฟซี ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 บ ริษัท คือ บริษัท คันทรีกรุ๊ป ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำคันทรีกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ก.ล.ต.ผ่อนASLปิดสมุดทะเบียน
พร้อมกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้หารือกับก.ล.ต.เกี่ยวกับกรณีที่บริษัหทลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)หรือ ASL จะมีการลดทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว และคืนเงินลดทุนให้ผู้ถือหุ้น อันจะส่งผลให้มูลค่าหุ้น ASL ที่เป็นประกันการให้กู้ยืมเงินในบัญชีมาร์จิ้นลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจมีผลกระทบกับหลักประกันของลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น และการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ดังนั้น
ทั้งนี้ จึงขอผ่อนผันการปฏิบัติตามหนังสือเวียนที่ก.ล.ต. ธ.(ว) 54/2549 เรื่องซักซ้อมความเข้าในกรณีการแจ้งรายชื่อเจ้าของหลักทรัพย์กรณีที่มีการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 17 พศจิกายน 2549 ที่กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามลูกค้า เป็นดำเนินการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อบริษัทหลักทรัพย์จะนำเงินที่ได้จากการลดทุนไปลดหนี้ของลูกค้าในบัญชีมาร์จิ้น
สำหรับก.ล.ต.ของชี้แจงว่า หนักงสือเวียนที่ ก.ล.ต.ธ.(ว)54/2549 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นมีความโปร่งใสและถูกต้อง อย่างไรก็ตามสำนักงานพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีการลดทุนของASLเป็นการลดทุนมูลค่าค่อนข้างสูง และอาจจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับมูลค่าหุ้นที่เป็นหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ ดังนั้น ก.ล.ต.จึงไม่ขัดข้องที่บริษัทหลักทรัพย์จะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในนามบริษัทหลักทรัพย์ แทนลูกค้าบัญชีมาร์จิ้นเฉพาะกรณีหุ้น ASL โดยบริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการดังนี้
1.การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจะต้องไม่กระทบสิทธิของลูกค้า โดยบริษัทหลักทรัพย์จะต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าก่อน 2. บริษัทหลักทรัพย์ต้องประสารงานกับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเปิดเผยรายชื่อลูกค้าซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริงให้เสมือนเป็นการปิดสมุดทะเบียนในนามลูกค้าด้วย 3. การดำเนินการดังกล่าวของบริษัทหลักทรัพย์จะต้องไม่หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆเช่น การปิดสมุดทะเบียนในนามบริษัทหลักทรัพย์แทนลูกค้าที่มีสัญชาติต่างประเทศซึ่งถือหุ้นในกระดานหลัก เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์ได้รับสิทธิประโยชน์แทนลูกค้าต่างประเทศดังกล่าวซึ่งอาจเป็นการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติบริษัทหมาชนจำกัด พ.ศ.2535