ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเพิ่มการแสดงสรุปข้อมูลซื้อขายหุ้นของกลุ่มโบรกเกอร์แบบรายวันในวันที่ 5 ตุลาคม ส่วนข้อมูลรายสัปดาห์ประเดิมเผยแพร่ตั้งแต่ 14 ก.ย.นี้ ด้านบล.งง! โดนหักคอบังคับแยกพอร์ต อ้อนขอเปิดข้อมูลแบบรายเดือนแทน หวั่นนักลงทุนเห็นข้อมูลผิด ตกใจเล่นตามกระทบภาวะตลาดหุ้น แต่ประธานตลท.ทุบโต๊ะยุติประชุมหลังเกิดข้อโต้แย้ง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า จะปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มผู้ลงทุน โดยแยกข้อมูลการซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ออกจากข้อมูลการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ ซึ่งจะทำให้สรุปข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มผู้ลงทุน เพิ่มจาก 3 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.นักลงทุนสถาบันในประเทศ 2.บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 3.นักลงทุนต่างประเทศ และ 4.นักลงทุนทั่วไปในประเทศ
โดยตลาดหลักทรัพย์จะเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายของวันที่ 7 กันยายน - 2 ตุลาคม เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มเผยแพร่ข้อมูลของสัปดาห์แรก (7-11 ก.ย.) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ย.เป็นต้นไป พร้อมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ ตลท.
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม เป็นต้นไป ในทุกระบบ จะมีการเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุนที่ปรับปรุงใหม่เป็นรายวัน รวมทั้งจะมีการแสดงข้อมูลส่วนแบ่งตลาดของบล. ที่แยกข้อมูลซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบล.ออกจากการคำนวณโดยจะแสดงข้อมูลเป็นรายวันเช่นกัน
ด้าน แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ได้เปิดเผยถึง การประชุมวิสามัญระหว่างตลท. และบล.สมาชิกวานนี้ (1 ก.ย.) ว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ได้แจ้งให้ทราบว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีซื้อขายพอร์ตโบรกเกอร์โดยจะแยกออกจากบัญชีซื้อขายนักลงทุนสถาบัน และจะเปิดเผยรายชื่อโบรกเกอร์ 10 อันดับรายแรกที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดโดยไม่นับรวมบัญชีซื้อขายพอร์ตโบรกเกอร์ ซึ่งจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่าเมื่อผู้ลงทุนเห็นข้อมูลของ บล.แล้วอาจกลายเป็นการกระตุ้นให้ผู้ลงทุนซื้อขายเป็นรายวันมากขึ้น ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสมากเกินไปอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ลงทุนได้ และทำให้โบรกเกอร์ไม่สะดวกใจในการลงทุน และอาจทำให้โบรกเกอร์ไม่เทรดพอร์ต และทำให้สัดส่วนการซื้อขายโบรกเกอร์ต่ำลงจากปัจจุบันที่ระดับ 13% ของการซื้อขายทั้งหมด จึงเสนอว่าควรเปิดเผยข้อมูลเป็นรายเดือนน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะตลาดทุนไทยเองก็อยากส่งเสริมให้โบรกเกอร์มีการลงทุน เพื่อเป็นแหล่งเสริมรายได้จากค่านายหน้าที่อาจลดลงเมื่อมีการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ระหว่างที่มีการหารือ การโต้แย้งของโบรกเกอร์ต้องยุติลงทันทีที่ นายสมพล ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และในฐานะประธานของการประชุม กล่าวขึ้นมาว่า เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีมติแล้วและถือเป็นเพียงเรื่องแจ้งให้ทราบเท่านั้น จากก่อนหน้าที่เข้าใจว่าเป็นการขอลงมติ และยุติการประชุมกลางคัน
นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) CGS กล่าวว่า การแยกบัญชีรายงานการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีของโบรกเกอร์ (พอร์ต) ออกจากข้อมูลการซื้อขายของสถาบันนั้น ที่ประชุมโบรกเกอร์มีความกังวลว่าหากมีการแยกออกมาจะทำให้นักลงทุนทราบข้อมูลการซื้อขายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนนำข้อมูลดังกล่าวไปประเมินการลงทุนที่ผิด เช่น หากนักลงทุนเห็นบลจ.มีการขายหุ้น และกังวลหุ้นจะลงแรงจึงรีบขายหุ้นออกมา อาจทำให้ภาวะตลาดไม่ดี และจะส่งผลกระทบทำให้โบรกเกอร์มีการซื้อขายพอร์ตการลงทุนลดลงด้วย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า จะปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มผู้ลงทุน โดยแยกข้อมูลการซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ออกจากข้อมูลการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ ซึ่งจะทำให้สรุปข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มผู้ลงทุน เพิ่มจาก 3 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.นักลงทุนสถาบันในประเทศ 2.บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 3.นักลงทุนต่างประเทศ และ 4.นักลงทุนทั่วไปในประเทศ
โดยตลาดหลักทรัพย์จะเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายของวันที่ 7 กันยายน - 2 ตุลาคม เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มเผยแพร่ข้อมูลของสัปดาห์แรก (7-11 ก.ย.) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ย.เป็นต้นไป พร้อมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ ตลท.
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม เป็นต้นไป ในทุกระบบ จะมีการเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุนที่ปรับปรุงใหม่เป็นรายวัน รวมทั้งจะมีการแสดงข้อมูลส่วนแบ่งตลาดของบล. ที่แยกข้อมูลซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบล.ออกจากการคำนวณโดยจะแสดงข้อมูลเป็นรายวันเช่นกัน
ด้าน แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ได้เปิดเผยถึง การประชุมวิสามัญระหว่างตลท. และบล.สมาชิกวานนี้ (1 ก.ย.) ว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ได้แจ้งให้ทราบว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีซื้อขายพอร์ตโบรกเกอร์โดยจะแยกออกจากบัญชีซื้อขายนักลงทุนสถาบัน และจะเปิดเผยรายชื่อโบรกเกอร์ 10 อันดับรายแรกที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดโดยไม่นับรวมบัญชีซื้อขายพอร์ตโบรกเกอร์ ซึ่งจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่าเมื่อผู้ลงทุนเห็นข้อมูลของ บล.แล้วอาจกลายเป็นการกระตุ้นให้ผู้ลงทุนซื้อขายเป็นรายวันมากขึ้น ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสมากเกินไปอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ลงทุนได้ และทำให้โบรกเกอร์ไม่สะดวกใจในการลงทุน และอาจทำให้โบรกเกอร์ไม่เทรดพอร์ต และทำให้สัดส่วนการซื้อขายโบรกเกอร์ต่ำลงจากปัจจุบันที่ระดับ 13% ของการซื้อขายทั้งหมด จึงเสนอว่าควรเปิดเผยข้อมูลเป็นรายเดือนน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะตลาดทุนไทยเองก็อยากส่งเสริมให้โบรกเกอร์มีการลงทุน เพื่อเป็นแหล่งเสริมรายได้จากค่านายหน้าที่อาจลดลงเมื่อมีการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ระหว่างที่มีการหารือ การโต้แย้งของโบรกเกอร์ต้องยุติลงทันทีที่ นายสมพล ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และในฐานะประธานของการประชุม กล่าวขึ้นมาว่า เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีมติแล้วและถือเป็นเพียงเรื่องแจ้งให้ทราบเท่านั้น จากก่อนหน้าที่เข้าใจว่าเป็นการขอลงมติ และยุติการประชุมกลางคัน
นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) CGS กล่าวว่า การแยกบัญชีรายงานการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีของโบรกเกอร์ (พอร์ต) ออกจากข้อมูลการซื้อขายของสถาบันนั้น ที่ประชุมโบรกเกอร์มีความกังวลว่าหากมีการแยกออกมาจะทำให้นักลงทุนทราบข้อมูลการซื้อขายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนนำข้อมูลดังกล่าวไปประเมินการลงทุนที่ผิด เช่น หากนักลงทุนเห็นบลจ.มีการขายหุ้น และกังวลหุ้นจะลงแรงจึงรีบขายหุ้นออกมา อาจทำให้ภาวะตลาดไม่ดี และจะส่งผลกระทบทำให้โบรกเกอร์มีการซื้อขายพอร์ตการลงทุนลดลงด้วย