รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาออกมาให้คำมั่นเมื่อวันจันทร์(23)ว่า เขาจะลดยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯลงเหลือครึ่งหนึ่งภายในเวลาสี่ปีแห่งวาระการดำรงตำแหน่งของเขา พร้อมกับกล่าวย้ำว่าสหรัฐฯอาจจะเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง หากว่าไม่รีบแก้ไขปัญหาหนี้เสียโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้คณะรัฐบาลโอบามาได้ผลักดันให้กฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์ผ่านรัฐสภาออกมาแล้ว เพื่อมุ่งฉุดดึงให้เศรษฐกิจของประเทศพ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง โอบามากล่าวในวันจันทร์ว่าการที่รัฐบาลจะต้องใช้จ่ายมหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มิได้หมายความว่าจะต้องเลื่อนการแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณออกไปก่อน
"หากว่าเราเผชิญหน้าต่อสู้กับวิกฤตโดยไม่สนใจจะแก้ไขปัญหาการขาดดุล ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของปัญหา เราก็กำลังเสี่ยงต่อการดิ่งลงสู่วิกฤตครั้งใหม่ในอนาคต" โอบามากล่าวต่อผู้ที่เข้าร่วมการประชุมที่ทำเนียบขาว ในพิธีเปิดการประชุมซัมมิตเรื่อง "ความรับผิดชอบด้านการคลัง"
บรรดาผู้นำทั้งจากภาคธุรกิจ แรงงาน ตลอดจนพรรคการเมืองทั้งสอง คือ เดโมแครต และรีพับลิกัน ต่างเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ซึ่งประเด็นหลักๆของการหารือคือ การสะสางปัญหางบประมาณ โดยมีหลักใหญ่ ๆคือการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข, ปฏิรูปการจัดซื้อของกองทัพ, และปรับเปลี่ยนนโยบายการจัดเก็บภาษีเสียใหม่
โอบามาเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับปัญหาอย่างเร่งด่วน และย้ำว่ารัฐบาลของเขาได้รับสืบทอดการขาดดุลงบประมาณมาถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 250,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่างบประมาณการศึกษาของประเทศถึงสามเท่า
"เราไม่สามารถ และจะไม่ทนต่อการขาดดุลที่ไม่เห็นทางสิ้นสุดเช่นนี้" เขากล่าว "ในวันนี้ผมให้คำมั่นว่าจะลดการขาดดุลที่เราได้รับสืบทอดมาลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นวาระการเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกของผม"
ประธานาธิบดีโอบามาเน้นว่าการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศจะเป็นหนทางหนึ่งที่ยกระดับสถานะการเงินของประเทศให้ดีขึ้นได้ โดยที่เขาก็ได้ชูประเด็นเรื่องปฏิรูประบบสาธารณสุขนี้ มาตั้งแต่ตอนที่รณรงค์หาเสียงแล้ว
เขายังได้ประกาศด้วยว่าจะมีการประชุมซัมมิตเรื่องระบบสาธารณสุขในสัปดาห์หน้า และยังบอกว่าด้วยว่าทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันเห็นพ้องกันว่า จะต้องเริ่มแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ภายในปีนี้ให้ได้
ประธานาธิบดีโอบามายังได้แสดงความสงสัยต่อโครงการที่บริษัทล็อกฮีด มาร์ติน เป็นผู้ชนะ ในการเปลี่ยนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ประจำตัวประธานาธิบดี ให้เป็นเครื่องไฮเทคสุดทันสมัย ทว่าต้องใช้จ่ายงบประมาณก้อนมหึมา
"เฮลิคอปเตอร์ที่ผมใช้ตอนนี้ก็ดีพอสำหรับผมแล้ว" เขากล่าวซึ่งเรียกเสียงหัวเราะได้จากผู้ฟังรวมทั้งจอห์น แมคเคน ผู้เป็นคู่แข่งสมัยหาเสียงเป็นประธานาธิบดี แมคเคนเป็นสมาชิกรัฐสภาที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายจัดซื้อของกองทัพมากที่สุดคนหนึ่ง
โอบามาต้องการทำให้ตลาดมั่นใจว่าเขาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดดุล และแสดงให้เห็นถึงความมีวินัยทางการคลัง อันอาจจะช่วยทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในสภาพดีดังเดิม
อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์(23) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ต่างดำดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี เพราะนักลงทุนพากันเทขายหุ้น อันเนื่องมาจากความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพ
โฆษกทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิบส์ ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าวที่ว่ารัฐบาลอาจจะเข้าไปโอนกิจการธนาคารใหญ่หลายแห่งเป็นของรัฐ เขาย้ำว่าโอบามานั้นอยากเห็นกิจการธนาคารอยู่ในมือของเอกชนมากกว่า
เวลานี้ นักการเมืองและชาวอเมริกันจำนวนมากทีเดียว ไม่เห็นด้วยกับการโอนกิจการธนาคารเป็นของรัฐเลยแม้แต่น้อย นักการเมืองบางคนถึงกับกล่าวว่าหากทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นสังคมนิยมไปแล้ว
ก่อนหน้านี้คณะรัฐบาลโอบามาได้ผลักดันให้กฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์ผ่านรัฐสภาออกมาแล้ว เพื่อมุ่งฉุดดึงให้เศรษฐกิจของประเทศพ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง โอบามากล่าวในวันจันทร์ว่าการที่รัฐบาลจะต้องใช้จ่ายมหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มิได้หมายความว่าจะต้องเลื่อนการแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณออกไปก่อน
"หากว่าเราเผชิญหน้าต่อสู้กับวิกฤตโดยไม่สนใจจะแก้ไขปัญหาการขาดดุล ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของปัญหา เราก็กำลังเสี่ยงต่อการดิ่งลงสู่วิกฤตครั้งใหม่ในอนาคต" โอบามากล่าวต่อผู้ที่เข้าร่วมการประชุมที่ทำเนียบขาว ในพิธีเปิดการประชุมซัมมิตเรื่อง "ความรับผิดชอบด้านการคลัง"
บรรดาผู้นำทั้งจากภาคธุรกิจ แรงงาน ตลอดจนพรรคการเมืองทั้งสอง คือ เดโมแครต และรีพับลิกัน ต่างเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ซึ่งประเด็นหลักๆของการหารือคือ การสะสางปัญหางบประมาณ โดยมีหลักใหญ่ ๆคือการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข, ปฏิรูปการจัดซื้อของกองทัพ, และปรับเปลี่ยนนโยบายการจัดเก็บภาษีเสียใหม่
โอบามาเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับปัญหาอย่างเร่งด่วน และย้ำว่ารัฐบาลของเขาได้รับสืบทอดการขาดดุลงบประมาณมาถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 250,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่างบประมาณการศึกษาของประเทศถึงสามเท่า
"เราไม่สามารถ และจะไม่ทนต่อการขาดดุลที่ไม่เห็นทางสิ้นสุดเช่นนี้" เขากล่าว "ในวันนี้ผมให้คำมั่นว่าจะลดการขาดดุลที่เราได้รับสืบทอดมาลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นวาระการเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกของผม"
ประธานาธิบดีโอบามาเน้นว่าการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศจะเป็นหนทางหนึ่งที่ยกระดับสถานะการเงินของประเทศให้ดีขึ้นได้ โดยที่เขาก็ได้ชูประเด็นเรื่องปฏิรูประบบสาธารณสุขนี้ มาตั้งแต่ตอนที่รณรงค์หาเสียงแล้ว
เขายังได้ประกาศด้วยว่าจะมีการประชุมซัมมิตเรื่องระบบสาธารณสุขในสัปดาห์หน้า และยังบอกว่าด้วยว่าทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันเห็นพ้องกันว่า จะต้องเริ่มแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ภายในปีนี้ให้ได้
ประธานาธิบดีโอบามายังได้แสดงความสงสัยต่อโครงการที่บริษัทล็อกฮีด มาร์ติน เป็นผู้ชนะ ในการเปลี่ยนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ประจำตัวประธานาธิบดี ให้เป็นเครื่องไฮเทคสุดทันสมัย ทว่าต้องใช้จ่ายงบประมาณก้อนมหึมา
"เฮลิคอปเตอร์ที่ผมใช้ตอนนี้ก็ดีพอสำหรับผมแล้ว" เขากล่าวซึ่งเรียกเสียงหัวเราะได้จากผู้ฟังรวมทั้งจอห์น แมคเคน ผู้เป็นคู่แข่งสมัยหาเสียงเป็นประธานาธิบดี แมคเคนเป็นสมาชิกรัฐสภาที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายจัดซื้อของกองทัพมากที่สุดคนหนึ่ง
โอบามาต้องการทำให้ตลาดมั่นใจว่าเขาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดดุล และแสดงให้เห็นถึงความมีวินัยทางการคลัง อันอาจจะช่วยทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในสภาพดีดังเดิม
อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์(23) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ต่างดำดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี เพราะนักลงทุนพากันเทขายหุ้น อันเนื่องมาจากความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพ
โฆษกทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิบส์ ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าวที่ว่ารัฐบาลอาจจะเข้าไปโอนกิจการธนาคารใหญ่หลายแห่งเป็นของรัฐ เขาย้ำว่าโอบามานั้นอยากเห็นกิจการธนาคารอยู่ในมือของเอกชนมากกว่า
เวลานี้ นักการเมืองและชาวอเมริกันจำนวนมากทีเดียว ไม่เห็นด้วยกับการโอนกิจการธนาคารเป็นของรัฐเลยแม้แต่น้อย นักการเมืองบางคนถึงกับกล่าวว่าหากทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นสังคมนิยมไปแล้ว
