ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มอาคเนย์ประกาศจุดยืน เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองในหลักประกันและการบริการที่มั่นคง พร้อมทุ่ม 65 ล้านบาทรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ เผยผลประกอบการปี 51 ยังมีการเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ยันวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่กระทบเพราะไม่มีพอร์ตลงทุนในต่างประเทศ
นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานคณะบริหารจัดการ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน อาคเนย์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมากลุ่มอาคเนย์ ซึ่งประกอบด้วย อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์แคปปิตอล ยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด ยังคงมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตปีแรกสูงถึง 49% ขณะที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย ก็มีอัตราการเติบโตเบี้ยประกันภัยสูงถึง 10.6% ส่วนบริษัท อาคเนย์แคปปิตอล ก็มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13.5% เช่นกัน ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งสำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ธุรกิจประกันวินาศภัย 5 %และธุรกิจรถเช่า 8.4% ตามลำดับ
จากภาวะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก กลุ่มอาคเนย์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวมากนัก เนื่องจากไม่มีการลงทุนใด ๆ ในต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังคงดำรงความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนไว้ได้สูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด โดยที่อาคเนย์ประกันชีวิตมีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงถึง 434% ซึ่งตามเกณฑ์ของกฎหมาย อาคเนย์ประกันชีวิตต้องดำรงเงินกองทุน 134 ล้านบาท และต้องดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์ ใหม่ของคปภ. ที่กำหนด 201 ล้านบาท หรือ 150% ของเงินกองทุนปกติตามกฎหมาย แต่อาคเนย์มีเงินกองทุนสูงถึง 582 ล้านบาท
ส่วนในด้านบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ก็มีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงกว่าที่ คปภ.กำหนดไว้ถึง 600% หรือ 6 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีเงินกองทุน 739 ล้านบาท จึงแสดงให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่ทำประกันไว้กับอาคเนย์ประกันชีวิตและประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองในชีวิตและทรัพย์สินตามพันธสัญญาในกรมธรรม์โดยไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งอย่างไรก็ดีทั้งนี้กลุ่มอาคเนย์ ก็จะยังคงมุ่งมั่นในนโยบายการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือผู้ถือกรมธรรม์ได้รับหลักประกันความคุ้มครองที่ยั่งยืนตลอดไป
นายโชติพัฒน์กล่าวว่า ในปี 2552 จะเป็นยุคใหม่ของอาคเนย์ประกันชีวิต ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงิน และการประกันชีวิตอย่างมืออาชีพ โดยโครงการสำคัญในปี 2552 ได้แก่ โครงการพัฒนาตัวแทน Cyber Agent และ Office On-line กลยุทธ์ในการยกระดับตัวแทนอาคเนย์ให้มีความทันสมัย เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และสามารถติดตามงานผ่านอินเตอร์เนตในการติดต่อประสานงานกับสำนักงานใหญ่ เป็นต้น และขยายช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายเพิ่มเติมจากช่องทางตัวแทน ได้แก่ Bancassurance Worksite Marketing Tele-Sales และ Multi Channel โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 44 %
สำหรับทางด้านอาคเนย์ประกันภัย ตั้งเป้าเติบโต 11 % มุ่งเน้นกลยุทธ์ “ Anywhere Anytime ” ซึ่งเป็นการให้บริการทุกที่ทุกเวลาด้วยสินค้าและบริการหลังการขาย ที่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ลูกค้าได้อย่างสะดวก ภายใน 5 ปีมีแผนงานที่จะเปิดสาขาให้ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และนอกจากสำนักงานสาขาเหล่านี้จะเป็นจุดจำหน่ายสินค้าของอาคเนย์ได้อย่างทั่วถึงแล้ว ยังเป็นจุดแข็งของอาคเนย์ที่จะทำให้ทุกสาขาเป็นจุดให้บริการลูกค้าในทุกๆ ด้านตามกลยุทธ์บริการทุกที่ทุกเวลาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนบริษัทอาคเนย์แคปปิตอล จะเน้นกลยุทธ์ Customer Centric นี้เพื่อความพึงพอใจสูงสุด โดยตั้งเป้าเติบโต 18% จากฐานเดิมของลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นายโชติพัฒน์ กล่าวว่าในปีนี้กลุ่มอาคเนย์ยังมีโครงการรีแบรนด์กลุ่มอาคเนย์เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งนี้ อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินได้เติบโตและรับใช้สังคมไทยมายาวนานถึง 63 ปี จึงมีนโยบายปรับตำแหน่งด้านภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพขององค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณเบื้องต้นในปีนี้เป็นการเริ่มต้นการรีแบรนด์ประมาณ 65 ล้านบาท
"ในปี 2552 ซึ่งนับเป็นปีที่ประชาชนคนไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีคนว่างงานมากขึ้น จึงเป็นจังหวะและโอกาสของอาคเนย์ ที่จะปรับกลยุทธ์พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยใช้จังหวะเวลาที่คนไทยแสวงหาความมั่นคงนี้ มุ่งสร้างยุทธวิธีทางการตลาดให้มากที่สุด ทั่วทุกจุด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รองรับเป้าหมายท็อปไนน์ ( Top 9 ) ภายในปี 2556"
นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานคณะบริหารจัดการ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน อาคเนย์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมากลุ่มอาคเนย์ ซึ่งประกอบด้วย อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์แคปปิตอล ยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด ยังคงมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตปีแรกสูงถึง 49% ขณะที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย ก็มีอัตราการเติบโตเบี้ยประกันภัยสูงถึง 10.6% ส่วนบริษัท อาคเนย์แคปปิตอล ก็มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13.5% เช่นกัน ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งสำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ธุรกิจประกันวินาศภัย 5 %และธุรกิจรถเช่า 8.4% ตามลำดับ
จากภาวะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก กลุ่มอาคเนย์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวมากนัก เนื่องจากไม่มีการลงทุนใด ๆ ในต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังคงดำรงความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนไว้ได้สูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด โดยที่อาคเนย์ประกันชีวิตมีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงถึง 434% ซึ่งตามเกณฑ์ของกฎหมาย อาคเนย์ประกันชีวิตต้องดำรงเงินกองทุน 134 ล้านบาท และต้องดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์ ใหม่ของคปภ. ที่กำหนด 201 ล้านบาท หรือ 150% ของเงินกองทุนปกติตามกฎหมาย แต่อาคเนย์มีเงินกองทุนสูงถึง 582 ล้านบาท
ส่วนในด้านบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ก็มีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงกว่าที่ คปภ.กำหนดไว้ถึง 600% หรือ 6 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีเงินกองทุน 739 ล้านบาท จึงแสดงให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่ทำประกันไว้กับอาคเนย์ประกันชีวิตและประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองในชีวิตและทรัพย์สินตามพันธสัญญาในกรมธรรม์โดยไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งอย่างไรก็ดีทั้งนี้กลุ่มอาคเนย์ ก็จะยังคงมุ่งมั่นในนโยบายการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือผู้ถือกรมธรรม์ได้รับหลักประกันความคุ้มครองที่ยั่งยืนตลอดไป
นายโชติพัฒน์กล่าวว่า ในปี 2552 จะเป็นยุคใหม่ของอาคเนย์ประกันชีวิต ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงิน และการประกันชีวิตอย่างมืออาชีพ โดยโครงการสำคัญในปี 2552 ได้แก่ โครงการพัฒนาตัวแทน Cyber Agent และ Office On-line กลยุทธ์ในการยกระดับตัวแทนอาคเนย์ให้มีความทันสมัย เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และสามารถติดตามงานผ่านอินเตอร์เนตในการติดต่อประสานงานกับสำนักงานใหญ่ เป็นต้น และขยายช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายเพิ่มเติมจากช่องทางตัวแทน ได้แก่ Bancassurance Worksite Marketing Tele-Sales และ Multi Channel โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 44 %
สำหรับทางด้านอาคเนย์ประกันภัย ตั้งเป้าเติบโต 11 % มุ่งเน้นกลยุทธ์ “ Anywhere Anytime ” ซึ่งเป็นการให้บริการทุกที่ทุกเวลาด้วยสินค้าและบริการหลังการขาย ที่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ลูกค้าได้อย่างสะดวก ภายใน 5 ปีมีแผนงานที่จะเปิดสาขาให้ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และนอกจากสำนักงานสาขาเหล่านี้จะเป็นจุดจำหน่ายสินค้าของอาคเนย์ได้อย่างทั่วถึงแล้ว ยังเป็นจุดแข็งของอาคเนย์ที่จะทำให้ทุกสาขาเป็นจุดให้บริการลูกค้าในทุกๆ ด้านตามกลยุทธ์บริการทุกที่ทุกเวลาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนบริษัทอาคเนย์แคปปิตอล จะเน้นกลยุทธ์ Customer Centric นี้เพื่อความพึงพอใจสูงสุด โดยตั้งเป้าเติบโต 18% จากฐานเดิมของลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นายโชติพัฒน์ กล่าวว่าในปีนี้กลุ่มอาคเนย์ยังมีโครงการรีแบรนด์กลุ่มอาคเนย์เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งนี้ อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินได้เติบโตและรับใช้สังคมไทยมายาวนานถึง 63 ปี จึงมีนโยบายปรับตำแหน่งด้านภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพขององค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณเบื้องต้นในปีนี้เป็นการเริ่มต้นการรีแบรนด์ประมาณ 65 ล้านบาท
"ในปี 2552 ซึ่งนับเป็นปีที่ประชาชนคนไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีคนว่างงานมากขึ้น จึงเป็นจังหวะและโอกาสของอาคเนย์ ที่จะปรับกลยุทธ์พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยใช้จังหวะเวลาที่คนไทยแสวงหาความมั่นคงนี้ มุ่งสร้างยุทธวิธีทางการตลาดให้มากที่สุด ทั่วทุกจุด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รองรับเป้าหมายท็อปไนน์ ( Top 9 ) ภายในปี 2556"