ASTVผู้จัดการรายวัน - ไฟเขียวพัฒนาพื้นที่สนามบินดอนเมือง เป็น 4 ส่วน เพื่อรองรับการเป็นศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่ ย้ำ 2 แอร์ไลน์ไม่ย้ายไปสุวรรณภูมิ เป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้แต่บินไทยแจ้งย้ายแล้วเริ่ม 29 มี.ค.นี้ พร้อมนำเสนอ "โสภณ" พิจารณาต่อไป
นายวุฒิชัย สิงหมณี รองอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ในฐานะประธานคณะทำงานพัฒนาพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อให้เป็นศูนย์อุตสาหกรรมการบินของประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือวานนี้(20ก.พ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการพัฒนาพื้นที่สนามบินดอนเมืองตามแผนที่ได้เสนอมาด้วยการให้มีการแบ่งพื้นที่ในส่วนของคาร์โก้ออกเป็น 4 ส่วน อาทิ พัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน อะไหล่เครื่องบินเช่น โรลส์รอยส์ และจีอีที่สนใจลงทุนในไทย ,เป็นพื้นที่ของคาร์โก้ภายในประเทศสินค้าด้านการเกษตร ,พื้นที่จอดซ่อมเครื่องบินขนาดเล็ก-กลาง และเป็นพื้นที่ฟรีโซนด้านซ่อมบำรุง
ส่วนแนวทางที่จะส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น บริษัทท่าอากาศยานไทย (จำกัด) มหาชน หรือทอท. คาดว่าคงจะไม่เข้าร่วมทุนด้วย แต่จะมีแนวทางที่จะให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ และเป็นลักษณะของการแบ่งรายได้ให้กับทอท. ส่วนสายการบินอาทิ สายการบินนกแอร์ และสายการบินวันทูโก ที่ขณะนี้ยังให้บริการการบินที่สนามบินดอนเมืองนั้น คณะกรรมการเห็นว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าทั้ง 2 สายการบินจะย้ายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งขอย้ายกลับไปสุวรรณภูมิ ส่วนสายการบินไทยนั้น ได้มีการแจ้งแล้วว่าจะย้ายมาทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มีนาคม2552
"อาคารผู้โดยสาร 1 จะปรับเปลี่ยนเพื่อใช้รองรับกรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหาหรือเกิดเหตุสุดวิสัยไม่สามารถทำการลงจอดได้ ก็จะใช้พื้นที่ดังกล่าวรองรับนอกจากนี้ ในส่วนของอาคารผู้โดยสาร2 จะใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการด้านการบิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์กลางของการซื้อขายเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะนำรายละเอียดดังกล่าวเสนอต่อ นายศรีสุข จันทรางศุ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค ก่อนจะนำเสนอต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจาณาและกำหนดนโยบายต่อไป
**สายการบินย้ายกลับไม่กระทบรายได้ ทอท.
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้สายการบินต้นทุนต่ำที่ให้บริการที่ดอนเมืองย้ายกลับมาที่สุวรรณภูมิ ตามความสมัครใจนั้น ขณะนี้ ทอท. พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับทุกสายการบินที่จะย้ายกลับมาใช้บริการสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.นี้ และมั่นใจว่าการที่สายการบินไทย จะย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศกลับมาที่สุวรรณภูมิจะไม่ทำให้รายได้ของ ทอท.ลดลงเพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็อยู่ภายใต้การบริหารของทอท. เช่นเดียวกัน
**บินไทยเร่งลดรายจ่าย
เรืออากาศโท นรหัช พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีมาตรการควบคุมและลดรายจ่าย โดยดำเนิน การบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับฝ่ายต่างๆ ในบริษัทฯ ซึ่งผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือน (มกราคม- ธันวาคม 2551) ตามแผนดังกล่าว ทำให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 35,497 ตัน ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมได้ต่ำกว่างบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 955 ล้านบาท
นอกจากนี้ การควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการปฏิบัติการบิน (Total Route Expense) จาก มาตรการดังกล่าว ทั้งการปรับลดเที่ยวบิน การปรับลดจำนวนนักบินและลูกเรือ รวมทั้งวันพักค้างคืนตามสถานีต่างๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2551 ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมได้ต่ำกว่าการคาดการณ์เป็นจำนวนเงิน 605.1 ล้านบาท
นอกจากบริษัทฯ ได้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ โดยการขายชั่วโมงเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) ให้กับนักบินต่างชาติ เพื่อทำการฝึกบิน โดยมี สายการบินลูกค้าที่ใช้ อาทิ ศรีลังกาแอร์ไลนส์ Qatar แอร์มาฮาล อียิปต์แอร์ ฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์ ไบมานแอร์ ลุฟท์ฮันซา เป็นต้น รวมทั้ง การให้เช่าสถานที่ หรือการฝึกอบรบลูกเรือและความปลอดภัย ที่ศูนย์ฝึกอบรม หลักสี่ ฯลฯ โดยในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) ประมาณ 105.8 ล้านบาท ห้องฝึกปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินประมาณ 5.46 ล้านบาท ห้องฝึกอบรมปฏิบัติการจำลองและการฝึกอบรมลูกเรือประมาณ 1.5 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 112.7 ล้านบาท
นายวุฒิชัย สิงหมณี รองอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ในฐานะประธานคณะทำงานพัฒนาพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อให้เป็นศูนย์อุตสาหกรรมการบินของประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือวานนี้(20ก.พ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการพัฒนาพื้นที่สนามบินดอนเมืองตามแผนที่ได้เสนอมาด้วยการให้มีการแบ่งพื้นที่ในส่วนของคาร์โก้ออกเป็น 4 ส่วน อาทิ พัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน อะไหล่เครื่องบินเช่น โรลส์รอยส์ และจีอีที่สนใจลงทุนในไทย ,เป็นพื้นที่ของคาร์โก้ภายในประเทศสินค้าด้านการเกษตร ,พื้นที่จอดซ่อมเครื่องบินขนาดเล็ก-กลาง และเป็นพื้นที่ฟรีโซนด้านซ่อมบำรุง
ส่วนแนวทางที่จะส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น บริษัทท่าอากาศยานไทย (จำกัด) มหาชน หรือทอท. คาดว่าคงจะไม่เข้าร่วมทุนด้วย แต่จะมีแนวทางที่จะให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ และเป็นลักษณะของการแบ่งรายได้ให้กับทอท. ส่วนสายการบินอาทิ สายการบินนกแอร์ และสายการบินวันทูโก ที่ขณะนี้ยังให้บริการการบินที่สนามบินดอนเมืองนั้น คณะกรรมการเห็นว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าทั้ง 2 สายการบินจะย้ายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งขอย้ายกลับไปสุวรรณภูมิ ส่วนสายการบินไทยนั้น ได้มีการแจ้งแล้วว่าจะย้ายมาทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มีนาคม2552
"อาคารผู้โดยสาร 1 จะปรับเปลี่ยนเพื่อใช้รองรับกรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหาหรือเกิดเหตุสุดวิสัยไม่สามารถทำการลงจอดได้ ก็จะใช้พื้นที่ดังกล่าวรองรับนอกจากนี้ ในส่วนของอาคารผู้โดยสาร2 จะใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการด้านการบิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์กลางของการซื้อขายเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะนำรายละเอียดดังกล่าวเสนอต่อ นายศรีสุข จันทรางศุ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค ก่อนจะนำเสนอต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจาณาและกำหนดนโยบายต่อไป
**สายการบินย้ายกลับไม่กระทบรายได้ ทอท.
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้สายการบินต้นทุนต่ำที่ให้บริการที่ดอนเมืองย้ายกลับมาที่สุวรรณภูมิ ตามความสมัครใจนั้น ขณะนี้ ทอท. พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับทุกสายการบินที่จะย้ายกลับมาใช้บริการสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.นี้ และมั่นใจว่าการที่สายการบินไทย จะย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศกลับมาที่สุวรรณภูมิจะไม่ทำให้รายได้ของ ทอท.ลดลงเพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็อยู่ภายใต้การบริหารของทอท. เช่นเดียวกัน
**บินไทยเร่งลดรายจ่าย
เรืออากาศโท นรหัช พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีมาตรการควบคุมและลดรายจ่าย โดยดำเนิน การบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับฝ่ายต่างๆ ในบริษัทฯ ซึ่งผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือน (มกราคม- ธันวาคม 2551) ตามแผนดังกล่าว ทำให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 35,497 ตัน ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมได้ต่ำกว่างบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 955 ล้านบาท
นอกจากนี้ การควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการปฏิบัติการบิน (Total Route Expense) จาก มาตรการดังกล่าว ทั้งการปรับลดเที่ยวบิน การปรับลดจำนวนนักบินและลูกเรือ รวมทั้งวันพักค้างคืนตามสถานีต่างๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2551 ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมได้ต่ำกว่าการคาดการณ์เป็นจำนวนเงิน 605.1 ล้านบาท
นอกจากบริษัทฯ ได้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ โดยการขายชั่วโมงเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) ให้กับนักบินต่างชาติ เพื่อทำการฝึกบิน โดยมี สายการบินลูกค้าที่ใช้ อาทิ ศรีลังกาแอร์ไลนส์ Qatar แอร์มาฮาล อียิปต์แอร์ ฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์ ไบมานแอร์ ลุฟท์ฮันซา เป็นต้น รวมทั้ง การให้เช่าสถานที่ หรือการฝึกอบรบลูกเรือและความปลอดภัย ที่ศูนย์ฝึกอบรม หลักสี่ ฯลฯ โดยในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) ประมาณ 105.8 ล้านบาท ห้องฝึกปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินประมาณ 5.46 ล้านบาท ห้องฝึกอบรมปฏิบัติการจำลองและการฝึกอบรมลูกเรือประมาณ 1.5 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 112.7 ล้านบาท
