ครูเปรียบเสมือนเรือจ้างทำหน้าที่อบรมบ่มนิสัยลูกศิษย์ให้เป็นคนดีมีคุณธรรมเพื่อเติบโตไปพัฒนาประเทศชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่งถือเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของสังคมไทย เราให้ความสำคัญกับบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นครูอย่างมาก ดังจะเห็นได้ว่าเราให้เกียรติครูบาอาจารย์ โดยให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปี เป็นวันครู แต่ในสังคมยุคปัจจุบัน จะเห็นว่าพฤติกรรมไม่ดีไม่งามระหว่างครูกับศิษย์เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
แล้วเหตุการณ์ฉาวโฉ่เกิดขึ้นในแวดวงการศึกษาอีกครั้ง เมื่อผู้ปกครองจูงมือลูกชายวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านยานนาวา กทม.เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี(บก.ปดส.)ว่าบุตรชายถูก น.ส.น้ำค้าง ( นามสมมติ) อายุ 29 ปี อาจารย์สาวสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนเดียวกันกระทำชำเรา
เรื่องกระทืบจริยธรรมแวดวงการศึกษาเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ด.ช.เอ (นามสมมติ) ซึ่งอยู่ในวัยนมเพิ่งแตกพาน เกิดไปปิ๊งรักกับครูสาวคนสวยสอนภาษาอังกฤษ เขามักแซวเธอและตีสนิทคิดไปในทางชู้สาว แต่ด้วยความที่เป็นผู้มีวิชาชีพครู เธอจึงมอบความสัมพันธ์ให้กับเขาได้เพียงความเป็นศิษย์เท่านั้น
จากความรักระหว่างวัย เมื่อไม่สามารถแยกถูก แยกผิด แยกความดี แยกชั่วได้ ทำให้ความสนิทสนมขั้นพิเศษได้เกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเธอรับงานสอนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับลูกศิษย์คนนี้!
เมื่อสอนพิเศษในวันเสาร์เสร็จ ด.ช.เอ มักขอติดรถเก๋งของเธอ กลับบ้านด้วยเสมอ และแล้วในวันหนึ่ง เขากลับขอเธอไปเล่นเกมส์ที่อพาร์เม้นท์ที่เธอเช่าอยู่ใกล้โรงเรียน เธอปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ถูกรบเร้า จากศิษย์รัก จนอ่อนอกอ่อนใจ จึงตกลงขับรถพาเขาไปในห้องพัก
ทันทีประตูห้องถูกปิดลง ภายในมีเพียงผู้ชายกับผู้หญิง ความเป็นครูเป็นศิษย์ถูกถอดวางลงเมื่อเขาเริ่มรุกเร้า โอ้โลมปฏิโลม ในความอ่อนไหวซึ่งมีอยู่ในเพศหญิงทุกคน เธอก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากคนทั้งหลาย ใจเตลิดอ่อนปวกเปียกยอมกระทืบจรรยาบรรณผู้ที่ได้ชื่อว่าเรือจ้างจนจมดิน เธอปล่อยให้อารมณ์ใฝ่ต่ำบงการเพียงฝ่ายเดียว แล้วทั้งสองก็บรรเลงเพลงรักระหว่างหนุ่มสาวและมีสัมพันธ์กันเลยเถิดจนลืมว่าเขาและเธอเป็นครูและศิษย์กัน
เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้ง 2,3,4 ไม่จบเพียงแค่นั้น ด.ช.เอ โทรไปขอมีเพศสัมพันธ์กับเธออีก ซึ่งเธอพยามยามปฏิเสธบอกว่าให้มันจบเพียงแค่นั้น ไม่อยากกระทำในสิ่งที่น่าอับอายอีกแล้ว แต่ ด.ช.เอ กลับข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจะนำเรื่องระหว่างเขากับเธอไปโพนทนาให้ครูและเพื่อนที่โรงเรียนทราบ เธอจึงต้องทำตามคำขู่ลูกศิษย์โดยจำยอม
แล้วเรื่องของเธอก็ถูกประจานไปทั่วโรงเรียน ด้วยความคะนองปากตามประสาวัยหื่นห่าม เรื่องที่บัดสีบัดเถลิงไปเข้าหูเพื่อนชายร่วมห้อง แล้วเพื่อนบางคนกลับนำไปบอกเล่าเรื่องไม่ดีงามระหว่างศิษย์กับอาจารย์ให้ผู้ปกครอง ด.ช.เอ ทราบ แล้วเธอก็ถูกผู้อำนวยการ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ด้วยความอับอาย เดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงซุบซิบนินทาทั้งจากเพื่อนครูและลูกศิษย์ลูกหา เธอจึง ลาออกจากโรงเรียน เพื่อหลีกหนีหน้าไปให้พ้นเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ถูก พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปดส.นำหมายจับศาลอาญาที่ 389/2552 ลงวันที่ 16 ก.พ. ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร โดยกระทำทารุณกรรม ไปแสดงและจับกุม เธอที่สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ย่านสาธร กทม.เมื่อช่วงพลบค่ำวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา
"สิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง เป็นไปตามที่สื่อลงข่าว ฉันไม่ได้บังคับข่มขืนใจใคร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามก่อนเกิดเหตุนั้น เด็กมาเรียนพิเศษกับดิฉัน แล้วขอมาเรียนต่อที่ห้องพักสองต่อสอง ก่อนใช้มือลูบไล้และกอด เขารบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง ซึ่งฉันทนรบเร้าไม่ไหวจึงร่วมเพศกับเขา หลังจากนั้น เด็กคนนี้พยายามติดต่อขอมีเพศสัมพันธ์อีก พร้อมทั้งข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจะนำเรื่องบัดสีไปบอกกล่าวเล่าให้อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นทราบ ฉันกลัวถูกแฉให้อับอาย จึงยอมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอีก 2-3 ครั้ง ต่อมาเรื่องกลับไปถึงหูอาจารย์จึงถูกตั้งกรรมการสอบสวน ฉันอายมากและเครียดมากจึงลาออกไป คิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี แต่มาถูกจับกุมในที่สุด" น.ส.น้ำค้าง กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
ด้าน พ.ต.ท.มนัส ทองศรีม่วง พนักงานสอบสวน บก.ปดส.เจ้าของคดีกล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยให้การว่าเด็กรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามกฏหมายแล้วหากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ถึงแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตามก็ถือว่ามีความผิด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันดีระหว่างครูกับลูกศิษย์ ซึ่งไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคมไทย
อันที่จริงบทรักเรื่องนี้...เราจะไปโทษเธอเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ยุติธรรมนัก เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการยินยอมและสมัครใจทั้งสองฝ่าย แต่มีข้อแม้ว่าถ้าหากทั้งสองไม่ได้เป็นครูเป็นศิษย์กัน อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนชีวิตราคาแพงสำหรับเธอ เพราะไม่รู้ว่า เมื่อแฟนหนุ่มของเธอทราบเรื่องอันน่าอับอาย เขาจะยอมรับในตัวเธอได้หรือไม่!
แล้วเหตุการณ์ฉาวโฉ่เกิดขึ้นในแวดวงการศึกษาอีกครั้ง เมื่อผู้ปกครองจูงมือลูกชายวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านยานนาวา กทม.เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี(บก.ปดส.)ว่าบุตรชายถูก น.ส.น้ำค้าง ( นามสมมติ) อายุ 29 ปี อาจารย์สาวสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนเดียวกันกระทำชำเรา
เรื่องกระทืบจริยธรรมแวดวงการศึกษาเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ด.ช.เอ (นามสมมติ) ซึ่งอยู่ในวัยนมเพิ่งแตกพาน เกิดไปปิ๊งรักกับครูสาวคนสวยสอนภาษาอังกฤษ เขามักแซวเธอและตีสนิทคิดไปในทางชู้สาว แต่ด้วยความที่เป็นผู้มีวิชาชีพครู เธอจึงมอบความสัมพันธ์ให้กับเขาได้เพียงความเป็นศิษย์เท่านั้น
จากความรักระหว่างวัย เมื่อไม่สามารถแยกถูก แยกผิด แยกความดี แยกชั่วได้ ทำให้ความสนิทสนมขั้นพิเศษได้เกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเธอรับงานสอนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับลูกศิษย์คนนี้!
เมื่อสอนพิเศษในวันเสาร์เสร็จ ด.ช.เอ มักขอติดรถเก๋งของเธอ กลับบ้านด้วยเสมอ และแล้วในวันหนึ่ง เขากลับขอเธอไปเล่นเกมส์ที่อพาร์เม้นท์ที่เธอเช่าอยู่ใกล้โรงเรียน เธอปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ถูกรบเร้า จากศิษย์รัก จนอ่อนอกอ่อนใจ จึงตกลงขับรถพาเขาไปในห้องพัก
ทันทีประตูห้องถูกปิดลง ภายในมีเพียงผู้ชายกับผู้หญิง ความเป็นครูเป็นศิษย์ถูกถอดวางลงเมื่อเขาเริ่มรุกเร้า โอ้โลมปฏิโลม ในความอ่อนไหวซึ่งมีอยู่ในเพศหญิงทุกคน เธอก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากคนทั้งหลาย ใจเตลิดอ่อนปวกเปียกยอมกระทืบจรรยาบรรณผู้ที่ได้ชื่อว่าเรือจ้างจนจมดิน เธอปล่อยให้อารมณ์ใฝ่ต่ำบงการเพียงฝ่ายเดียว แล้วทั้งสองก็บรรเลงเพลงรักระหว่างหนุ่มสาวและมีสัมพันธ์กันเลยเถิดจนลืมว่าเขาและเธอเป็นครูและศิษย์กัน
เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้ง 2,3,4 ไม่จบเพียงแค่นั้น ด.ช.เอ โทรไปขอมีเพศสัมพันธ์กับเธออีก ซึ่งเธอพยามยามปฏิเสธบอกว่าให้มันจบเพียงแค่นั้น ไม่อยากกระทำในสิ่งที่น่าอับอายอีกแล้ว แต่ ด.ช.เอ กลับข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจะนำเรื่องระหว่างเขากับเธอไปโพนทนาให้ครูและเพื่อนที่โรงเรียนทราบ เธอจึงต้องทำตามคำขู่ลูกศิษย์โดยจำยอม
แล้วเรื่องของเธอก็ถูกประจานไปทั่วโรงเรียน ด้วยความคะนองปากตามประสาวัยหื่นห่าม เรื่องที่บัดสีบัดเถลิงไปเข้าหูเพื่อนชายร่วมห้อง แล้วเพื่อนบางคนกลับนำไปบอกเล่าเรื่องไม่ดีงามระหว่างศิษย์กับอาจารย์ให้ผู้ปกครอง ด.ช.เอ ทราบ แล้วเธอก็ถูกผู้อำนวยการ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ด้วยความอับอาย เดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงซุบซิบนินทาทั้งจากเพื่อนครูและลูกศิษย์ลูกหา เธอจึง ลาออกจากโรงเรียน เพื่อหลีกหนีหน้าไปให้พ้นเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ถูก พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปดส.นำหมายจับศาลอาญาที่ 389/2552 ลงวันที่ 16 ก.พ. ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร โดยกระทำทารุณกรรม ไปแสดงและจับกุม เธอที่สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ย่านสาธร กทม.เมื่อช่วงพลบค่ำวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา
"สิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง เป็นไปตามที่สื่อลงข่าว ฉันไม่ได้บังคับข่มขืนใจใคร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามก่อนเกิดเหตุนั้น เด็กมาเรียนพิเศษกับดิฉัน แล้วขอมาเรียนต่อที่ห้องพักสองต่อสอง ก่อนใช้มือลูบไล้และกอด เขารบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง ซึ่งฉันทนรบเร้าไม่ไหวจึงร่วมเพศกับเขา หลังจากนั้น เด็กคนนี้พยายามติดต่อขอมีเพศสัมพันธ์อีก พร้อมทั้งข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจะนำเรื่องบัดสีไปบอกกล่าวเล่าให้อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นทราบ ฉันกลัวถูกแฉให้อับอาย จึงยอมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอีก 2-3 ครั้ง ต่อมาเรื่องกลับไปถึงหูอาจารย์จึงถูกตั้งกรรมการสอบสวน ฉันอายมากและเครียดมากจึงลาออกไป คิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี แต่มาถูกจับกุมในที่สุด" น.ส.น้ำค้าง กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
ด้าน พ.ต.ท.มนัส ทองศรีม่วง พนักงานสอบสวน บก.ปดส.เจ้าของคดีกล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยให้การว่าเด็กรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามกฏหมายแล้วหากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ถึงแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตามก็ถือว่ามีความผิด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันดีระหว่างครูกับลูกศิษย์ ซึ่งไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคมไทย
อันที่จริงบทรักเรื่องนี้...เราจะไปโทษเธอเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ยุติธรรมนัก เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการยินยอมและสมัครใจทั้งสองฝ่าย แต่มีข้อแม้ว่าถ้าหากทั้งสองไม่ได้เป็นครูเป็นศิษย์กัน อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนชีวิตราคาแพงสำหรับเธอ เพราะไม่รู้ว่า เมื่อแฟนหนุ่มของเธอทราบเรื่องอันน่าอับอาย เขาจะยอมรับในตัวเธอได้หรือไม่!
