ญาติเศรษฐีนีเงินกู้ ร้องสื่อล่าตัวโชเฟอร์แท็กซี่ใจโหดเบี้ยวหนี้ ลวงผู้เสียหายหวังฆ่าล้างหนี้ ขวานจามมันสมองไหล ตาซ้ายบอด กรามร้าวอาการโคม่า เพื่อนบ้านแฉผู้ต้องหาขู่ฆ่าและเผาบ้านเรือนยกซอยหากแจ้ง ตร. ด้านลูกสาววัย 8 ขวบ ร้องช่วยตามจับคนร้าย ยินดีทุบกระปุกออมสินมอบเงิน 5 หมื่นเป็นรางวัลนำจับ
วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย น.ส.จารุณี เรืองโรจน์ อายุ 31 พา น.ส.กัญญาณัฐ วุฒิลาภ อายุ 28 ปี และ ด.ญ.มุกดามาศ วุฒิลาภ อายุ 8 ขวบ เข้าพบนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อคดีพยายามฆ่า นางมาลี วุฒิลาภ อายุ 52 ปี เศรษฐินีเงินกู้และห้องเช่า จนได้รับบาดเจ็บอาการปางตาย
น.ส.จารุณี เปิดเผยว่า นางมาลีเป็นป้าของตน และเป็นแม่ของ น.ส.กัญญาณัฐ กับ ด.ญ.มุกดามาศ มีอาชีพปล่อยเงินกู้ และเปิดห้องให้เช่ากว่า 40 ห้อง อยู่ในซอยสาธุประดิษฐ์ 34 แขวงบางโพงพาง เขตยานาวา มานานหลายปีแล้ว โดยเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นางมาลีได้ปล่อยเงินกู้จำนวน 200,000 บาท ให้นายสังเวียน หรือจ่อย นันทะพันธ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 8 ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โชเฟอร์แท็กซี่ที่รู้จักสนิทสนมกันมานาน 8 ปี เพราะเจ้าตัวเช่าห้องของป้าตนอาศัยอยู่กับภรรยา
โดยนายสังเวียนอ้างว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปดาวน์รถแท็กซี่ออกมาขับ แต่นายสังเวียน กลับไม่ได้ทำตามที่พูด เอาเงินไปเที่ยวเตร่จนหมด เมื่อป้าของตนทวงถามเงินที่ติดค้างอยู่กลับบ่ายเบี่ยงไม่มีให้ จนกระทั่งวันเกิดเหตุ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. นายสังเวียนได้ขี่รถจักรยานยนต์มาตามป้าของตนที่บ้านพักในซอยดังกล่าวให้ไปช่วยเป่าเค้กอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวของนายสังเวียน ป้าตนหลงเชื่อออกจากบ้านเดินตามนายสังเวียนไป
“ระหว่างทางเขากลับใช้ขวานจามหัวของป้ามาลีอย่างโหดเหี้ยมหลายครั้ง จนมีชาวบ้านมาเห็นเข้าเขาจึงยอมหยุดแล้วรีบหนีไปจากซอยทันที หลังจากนั้นชาวบ้านก็รีบพาป้ามาลีไปส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยหมอระบุอาการของป้ามาลีว่าสาหัสถึงขนาดกะโหลกศีรษะแตก 4 ด้าน มันสมองไหล มันสมองส่วนหน้าเละ เยื่อหุ้มสมองช้ำ สมองบวม ตาซ้ายบอด กรามร้าว และม่านตาแตกจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ยังไม่รู้สึกตัวเลย หมอบอกแค่ว่ารอปาฏิหาริย์เท่านั้น” น.ส.จารุณี กล่าว
น.ส.จารุณี กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นพวกตนก็รีบไปแจ้งความ จนตำรวจออกมาหมายจับนายสังเวียนไปแล้ว แต่ยังจับตัวไม่ได้ นอกจากนี้พวกตนเคยขอให้กำลังตำรวจมาคุ้มครองพวกตนและพยาน เพราะนายสังเวียนเคยขู่ฆ่าพวกชาวบ้านในซอยไว้หากใครไปแจ้งความ แต่ทางตำรวจก็นิ่งเฉยไม่เคยส่งกำลังมาคุ้มครองเลย ทำให้ตนต้องพาลูกสาวของนางมาลีเข้ามาร้องเรียนสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ติดตามจับกุมตัวนายสังเวียนด้วย เนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อนมีคนเห็นนายสังเวียนย้อนกลับเข้ามาในซอยตอนกลางดึกก่อนจะหายตัวไป พวกตนเลยกลัวว่านายสังเวียนจะย้อนกลับมาทำร้ายคนในซอย หรือวางเพลิงเผาซอยตามที่ขู่ไว้
ด้าน นางชลอ แจ่มจำรัส อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านของนางมาลีกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงผู้ชายกับผู้หญิงทะเลาะกัน ก็คิดว่าผัวเมียทะเลาะตบตีกันธรรมดา เพราะในซอยที่ตนอยู่เกิดเรื่องแบบนี้ประจำเลยไม่ได้สนใจอะไร แต่ผ่านไปสักพักเลยตัดสินใจออกมาดูก็เห็นนายสังเวียนกำลังใช้ขวานจามหัวนางมาลีอยู่หลายครั้ง ตนจึงรีบร้องบอกให้หยุด ถ้าไม่หยุดจะไปเอากล้องถ่ายรูปมาถ่าย แต่นายสังเวียนก็ไม่ยอมหยุด ตนจึงวิ่งเข้าบ้านไปเอากล้องออกมา
“พอออกมาเขาก็หนีไปแล้ว แต่ก่อนไปเขาขู่คนแถวนั้นว่าห้ามใครแจ้งตำรวจ หากใครแจ้งกูจะกลับมาตามฆ่าทิ้งทีละคน ทำให้ตนรู้สึกกลัวมาก เพราะก่อนเกิดเรื่อง 2-3 วัน เขาพูดกับคนในซอยว่าจะมีข่าวใหญ่พาดหัวหน้าหนึ่ง ถ้าฆ่านางมาลีไม่ตายก็จะเผาซอยให้วอดให้หมด นี่เขาทำกับนางมาลีจนปางตายขนาดนี้แล้ว เหลือเผาซอยที่เขายังไม่ทำ ก็เลยทำให้คนทั้งซอยหวาดผวากันไปหมดแล้ว” นางชลอ กล่าว
ขณะที่ ด.ญ.มุกดามาศ ยกมือไหว้สื่อมวลชนพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า “ช่วยแม่หนูด้วย แม่หนูนอนอยู่ในโรงพยาบาล หนูอยากให้จับคนร้ายได้เร็วๆ หนูจะให้รางวัลนำจับห้าหมื่นบาท หนูจะทุบกระปุกให้เลย”
ด้าน นายไพโรจน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางโพงพาง จนตำรวจได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายสังเวียนแล้ว เป็นหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 128/2552 ลงวันที่ 4 มี.ค.52 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ ในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) จะพาญาติผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพื่อร้องเรียนให้ทางตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งขอให้ตำรวจส่งกำลังมาคุ้มครองกลุ่มผู้เสียหายด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะย้อนกลับมาทำร้ายลูกสาวของผู้เสียหาย และวางเพลิงเผาซอยตามที่ได้ขู่ไว้
ด้าน พ.ต.อ.กสิณ ศรีธรรมาสุข ผกก.สน.บางโพงพาง กล่าว เรื่องนี้ทางตำรวจไมได้นิ่งนอนใจแต่อย่าง โดยหลังเกิดเหตุก็ได้เร่งสอบสวนจนสามารถขออนุมัติหมายจับนายสังเวียนไปแล้ว พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวตลอดเวลา โดยผู้ต้องหามีอาชีพขับรถแท็กซี่ จึงได้ส่งสายสืบลงพื้นที่ออกหาข่าว ตามอู่แท็กซี่ เผื่อคนร้ายจะมาเช่ารถหรือแอบมาซ่อนตัวบ้างหรือไม่ แต่ยังไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังส่งสายสืบเข้าไปติดตามหาข่าวในซอยเกิดเหตุอยู่เป็นประจำ เพื่อสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านด้วย แต่กลับถูกมองว่า ทางตำรวจเข้าไปข่มขู่ ทำให้ตำรวจไม่ค่อยกล้าเข้าไปในซอยที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.กสิณ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยญาติผู้เสียหายเคยไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยหลังจากนั้น ตนก็ให้ญาติผู้เสียหายมาพบ พร้อมเรียกสายสืบเข้ามาพูดคุยกันเพื่อชี้แจ้งการทำงานของตำรวจ ซึ่งตนก็เข้าใจญาติผู้เสียหาย ไม่ได้ตำหนิที่ไปร้องเรียนสื่อ แต่ตนขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามจับกุมตัวอย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนพบเห็นผู้ต้องหาแอบไปโกนหัว แล้วแอบเข้ามาในซอยเมื่อ 2-3 วันก่อน โดยญาติผู้เสียหายก็รีบแจ้งตำรวจไปทันที แต่ตำรวจไม่มาจับกุมนั้น หากเป็นเรื่องจริง เจ้าหน้าที่อาจจะรีบเดินทางไปแล้ว แต่อาจจะคลาดกันมากกว่า
วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย น.ส.จารุณี เรืองโรจน์ อายุ 31 พา น.ส.กัญญาณัฐ วุฒิลาภ อายุ 28 ปี และ ด.ญ.มุกดามาศ วุฒิลาภ อายุ 8 ขวบ เข้าพบนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อคดีพยายามฆ่า นางมาลี วุฒิลาภ อายุ 52 ปี เศรษฐินีเงินกู้และห้องเช่า จนได้รับบาดเจ็บอาการปางตาย
น.ส.จารุณี เปิดเผยว่า นางมาลีเป็นป้าของตน และเป็นแม่ของ น.ส.กัญญาณัฐ กับ ด.ญ.มุกดามาศ มีอาชีพปล่อยเงินกู้ และเปิดห้องให้เช่ากว่า 40 ห้อง อยู่ในซอยสาธุประดิษฐ์ 34 แขวงบางโพงพาง เขตยานาวา มานานหลายปีแล้ว โดยเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นางมาลีได้ปล่อยเงินกู้จำนวน 200,000 บาท ให้นายสังเวียน หรือจ่อย นันทะพันธ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 8 ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โชเฟอร์แท็กซี่ที่รู้จักสนิทสนมกันมานาน 8 ปี เพราะเจ้าตัวเช่าห้องของป้าตนอาศัยอยู่กับภรรยา
โดยนายสังเวียนอ้างว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปดาวน์รถแท็กซี่ออกมาขับ แต่นายสังเวียน กลับไม่ได้ทำตามที่พูด เอาเงินไปเที่ยวเตร่จนหมด เมื่อป้าของตนทวงถามเงินที่ติดค้างอยู่กลับบ่ายเบี่ยงไม่มีให้ จนกระทั่งวันเกิดเหตุ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. นายสังเวียนได้ขี่รถจักรยานยนต์มาตามป้าของตนที่บ้านพักในซอยดังกล่าวให้ไปช่วยเป่าเค้กอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวของนายสังเวียน ป้าตนหลงเชื่อออกจากบ้านเดินตามนายสังเวียนไป
“ระหว่างทางเขากลับใช้ขวานจามหัวของป้ามาลีอย่างโหดเหี้ยมหลายครั้ง จนมีชาวบ้านมาเห็นเข้าเขาจึงยอมหยุดแล้วรีบหนีไปจากซอยทันที หลังจากนั้นชาวบ้านก็รีบพาป้ามาลีไปส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยหมอระบุอาการของป้ามาลีว่าสาหัสถึงขนาดกะโหลกศีรษะแตก 4 ด้าน มันสมองไหล มันสมองส่วนหน้าเละ เยื่อหุ้มสมองช้ำ สมองบวม ตาซ้ายบอด กรามร้าว และม่านตาแตกจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ยังไม่รู้สึกตัวเลย หมอบอกแค่ว่ารอปาฏิหาริย์เท่านั้น” น.ส.จารุณี กล่าว
น.ส.จารุณี กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นพวกตนก็รีบไปแจ้งความ จนตำรวจออกมาหมายจับนายสังเวียนไปแล้ว แต่ยังจับตัวไม่ได้ นอกจากนี้พวกตนเคยขอให้กำลังตำรวจมาคุ้มครองพวกตนและพยาน เพราะนายสังเวียนเคยขู่ฆ่าพวกชาวบ้านในซอยไว้หากใครไปแจ้งความ แต่ทางตำรวจก็นิ่งเฉยไม่เคยส่งกำลังมาคุ้มครองเลย ทำให้ตนต้องพาลูกสาวของนางมาลีเข้ามาร้องเรียนสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ติดตามจับกุมตัวนายสังเวียนด้วย เนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อนมีคนเห็นนายสังเวียนย้อนกลับเข้ามาในซอยตอนกลางดึกก่อนจะหายตัวไป พวกตนเลยกลัวว่านายสังเวียนจะย้อนกลับมาทำร้ายคนในซอย หรือวางเพลิงเผาซอยตามที่ขู่ไว้
ด้าน นางชลอ แจ่มจำรัส อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านของนางมาลีกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงผู้ชายกับผู้หญิงทะเลาะกัน ก็คิดว่าผัวเมียทะเลาะตบตีกันธรรมดา เพราะในซอยที่ตนอยู่เกิดเรื่องแบบนี้ประจำเลยไม่ได้สนใจอะไร แต่ผ่านไปสักพักเลยตัดสินใจออกมาดูก็เห็นนายสังเวียนกำลังใช้ขวานจามหัวนางมาลีอยู่หลายครั้ง ตนจึงรีบร้องบอกให้หยุด ถ้าไม่หยุดจะไปเอากล้องถ่ายรูปมาถ่าย แต่นายสังเวียนก็ไม่ยอมหยุด ตนจึงวิ่งเข้าบ้านไปเอากล้องออกมา
“พอออกมาเขาก็หนีไปแล้ว แต่ก่อนไปเขาขู่คนแถวนั้นว่าห้ามใครแจ้งตำรวจ หากใครแจ้งกูจะกลับมาตามฆ่าทิ้งทีละคน ทำให้ตนรู้สึกกลัวมาก เพราะก่อนเกิดเรื่อง 2-3 วัน เขาพูดกับคนในซอยว่าจะมีข่าวใหญ่พาดหัวหน้าหนึ่ง ถ้าฆ่านางมาลีไม่ตายก็จะเผาซอยให้วอดให้หมด นี่เขาทำกับนางมาลีจนปางตายขนาดนี้แล้ว เหลือเผาซอยที่เขายังไม่ทำ ก็เลยทำให้คนทั้งซอยหวาดผวากันไปหมดแล้ว” นางชลอ กล่าว
ขณะที่ ด.ญ.มุกดามาศ ยกมือไหว้สื่อมวลชนพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า “ช่วยแม่หนูด้วย แม่หนูนอนอยู่ในโรงพยาบาล หนูอยากให้จับคนร้ายได้เร็วๆ หนูจะให้รางวัลนำจับห้าหมื่นบาท หนูจะทุบกระปุกให้เลย”
ด้าน นายไพโรจน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางโพงพาง จนตำรวจได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายสังเวียนแล้ว เป็นหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 128/2552 ลงวันที่ 4 มี.ค.52 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ ในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) จะพาญาติผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพื่อร้องเรียนให้ทางตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งขอให้ตำรวจส่งกำลังมาคุ้มครองกลุ่มผู้เสียหายด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะย้อนกลับมาทำร้ายลูกสาวของผู้เสียหาย และวางเพลิงเผาซอยตามที่ได้ขู่ไว้
ด้าน พ.ต.อ.กสิณ ศรีธรรมาสุข ผกก.สน.บางโพงพาง กล่าว เรื่องนี้ทางตำรวจไมได้นิ่งนอนใจแต่อย่าง โดยหลังเกิดเหตุก็ได้เร่งสอบสวนจนสามารถขออนุมัติหมายจับนายสังเวียนไปแล้ว พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวตลอดเวลา โดยผู้ต้องหามีอาชีพขับรถแท็กซี่ จึงได้ส่งสายสืบลงพื้นที่ออกหาข่าว ตามอู่แท็กซี่ เผื่อคนร้ายจะมาเช่ารถหรือแอบมาซ่อนตัวบ้างหรือไม่ แต่ยังไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังส่งสายสืบเข้าไปติดตามหาข่าวในซอยเกิดเหตุอยู่เป็นประจำ เพื่อสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านด้วย แต่กลับถูกมองว่า ทางตำรวจเข้าไปข่มขู่ ทำให้ตำรวจไม่ค่อยกล้าเข้าไปในซอยที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.กสิณ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยญาติผู้เสียหายเคยไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยหลังจากนั้น ตนก็ให้ญาติผู้เสียหายมาพบ พร้อมเรียกสายสืบเข้ามาพูดคุยกันเพื่อชี้แจ้งการทำงานของตำรวจ ซึ่งตนก็เข้าใจญาติผู้เสียหาย ไม่ได้ตำหนิที่ไปร้องเรียนสื่อ แต่ตนขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามจับกุมตัวอย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนพบเห็นผู้ต้องหาแอบไปโกนหัว แล้วแอบเข้ามาในซอยเมื่อ 2-3 วันก่อน โดยญาติผู้เสียหายก็รีบแจ้งตำรวจไปทันที แต่ตำรวจไม่มาจับกุมนั้น หากเป็นเรื่องจริง เจ้าหน้าที่อาจจะรีบเดินทางไปแล้ว แต่อาจจะคลาดกันมากกว่า
