00 ต้องบอกว่าหากเป็นการวางแผนก็ถือว่าทำกันอย่างเป็นขบวนการเพื่อให้สังคมสับสนหลงไปอีกทาง โดยมีสื่อบางกลุ่มจงใจตั้งคำถามหรือรายงานข่าวชี้นำเบิกทางให้ กรณีผลสอบ “7 ตุลาทมิฬ” ที่เสนอเข้ามาเพื่อทราบในช่วงเวลาเหมาะเจาะพอดี
00 ทั้งที่ก่อนอื่นต้องตั้งหลักให้ได้ก่อนว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้เป็นชุดที่แต่งตั้งโดย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” หากไม่รู้จักก็จะขยายความอีกว่า เป็น สมชาย คนเดียวกันที่เป็น “น้องเขย” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่นแหละ และ“สมชาย” ก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้ “บงการ” หรือออกคำสั่งให้ปราบปรามประชาชนที่หน้ารัฐสภา จนล้มตายและบาดเจ็บหลายร้อยคน เพราะตอนนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรีกำลังจะเข้าไปแถลงนโยบายรัฐบาลในรัฐสภาในวันนั้น
00 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 11 คน มี ปรีชา พานิชวงศ์ อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน และมี ยุวรัตน์ กมลเวชช รวมอยู่ด้วย ตอนนั้นมีเสียงมีเสียงวิจารณ์ด่ากันขรม รู้ทันว่าตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อ “ยื้อเวลา” ลดแรงกดดันเท่านั้น เพราะตอนนั้นมีแต่เสียงเรียกร้องให้ รับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียว แต่เขาก็ดื้อ โดยบอกว่าให้รอผลการสอบสวนภายใน 15 วันก่อน แต่สอบไปสอบมาเรื่องก็เงียบหายไปดื้อๆ จนพรรคพลังประชาชนถูกยุบเนื่องจากโกงเลือกตั้งต้องพ้นเก้าอี้นายกฯไป
00 จากนั้นมีการ “สลับขั้ว” เปลี่ยนรัฐบาลเป็นประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกฯ และมาถึงวันนี้ จู่ๆ ก็มีการรายงานการสอบสอบสวนออกมาแล้วยัดใส่มือรัฐบาลหน้าตาเฉย แม้ในบันทึกอาจจะไม่มีข้อสรุป แต่ดูคร่าวๆ แล้วไม่ต้องบอกก็พอเดาออกว่า “สมชายกับพวก” ไม่ผิดตามคาด แถมกลับกลายเป็นว่า รัฐมนตรีในยุคนั้นกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องเยียวยาหรือไม่ ส่วนประชาชนที่ล้มตาย บาดเจ็บ ตาหลุด แขนขาขาด คนเหล่านี้กลับไม่ค่อยกล่าวถึง ทุด !!
00 แต่ที่น่าสนใจก็คือ ผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ได้สรุปหลังเกิดเหตุไม่นานไปอีกทางว่า คนในรัฐบาลมีความผิดกราวรูดตั้งแต่ “ชายกระโปรง” กับ “จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” ที่เป็นรองนายกฯและหลังเกิดเหตุก็ได้หลบไปบวช นั่นแหละ รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีที่ร่วมประชุมในวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ด้วย ขณะที่ฝ่ายตำรวจก็มีไล่ลงมาตั้งแต่ “พัชรวาท-จงรัก-สุชาติ-อำนวยนิ่ม” มากันครบเซ็ต
00 สาเหตุที่ต้องฟื้นความหลังกันยาวเหยียดก็มีเจตนาทบทวนความจำที่มาที่ไป และที่ต้องแจกแจงโดยละเอียดก็ไม่ต้องการให้พวก “สื่อแกล้งโง่” บางกลุ่มชี้นำให้สังคมไขว้เขวต่างหาก แต่สำหรับในมุมของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ถ้าให้เดาสาเหตุที่ต้องสั่งอุบผลสอบเป็นความลับไว้ก่อน เพราะบังเอิญว่ามี 7 รัฐมนตรีเคยนั่งสลอนในรัฐบาลก่อนอาจมีเอี่ยว ทำให้กระเพื่อมจนเกินจำเป็น คงจะรอผลสอบป.ป.ช. ออกมาก่อนแล้วค่อยว่าไปตามนั้น จะได้ไม่คาใจกันเกินไปนัก เพราะฟังจากปาก “วิชา มหาคุณ”แย้มออกมาแล้วว่าให้รอฟัง 23 ก.พ.นี้ ได้ยินก็หนาวไปทั้งบาง นี่ซิของจริง !!
00 อยากยันให้เต็มรัก เมื่อได้ฟัง “แดงอุดร” ขวัญชัย ไพรพนา ไขสือทำเป็นงงว่าตัวเองเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐสักหน่อย ทำไมต้องถูกติดร่างแหถูกฟันอาญา มาตรา 157 ไปด้วย ก็ใช่วันนี้อาจไม่ได้เป็นแต่ตอนนั้นเป็นแน่ เพราะได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาล “ลุงหมัก” ให้ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯกินเงินเดือน 27.000 บาท ถือว่าเป็นข้าราชการการเมืองเต็มตัว แต่ที่งง คงไม่มีอะไรมากหรอก อาจเป็นเพราะเป็นตำแหน่ง “สมนาคุณ” ประดับเกียรติ ไม่เคยไปทำงาน พอโดนอาญาเลยทำเป็นตาเหลือกเลยหรือเพ่ ทีตอนสั่งให้ทุบคนแก่ ผู้หญิงทำไมไม่คิดให้ดีก่อนละเพ่ !!
00 ทั้งที่ก่อนอื่นต้องตั้งหลักให้ได้ก่อนว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้เป็นชุดที่แต่งตั้งโดย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” หากไม่รู้จักก็จะขยายความอีกว่า เป็น สมชาย คนเดียวกันที่เป็น “น้องเขย” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่นแหละ และ“สมชาย” ก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้ “บงการ” หรือออกคำสั่งให้ปราบปรามประชาชนที่หน้ารัฐสภา จนล้มตายและบาดเจ็บหลายร้อยคน เพราะตอนนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรีกำลังจะเข้าไปแถลงนโยบายรัฐบาลในรัฐสภาในวันนั้น
00 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 11 คน มี ปรีชา พานิชวงศ์ อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน และมี ยุวรัตน์ กมลเวชช รวมอยู่ด้วย ตอนนั้นมีเสียงมีเสียงวิจารณ์ด่ากันขรม รู้ทันว่าตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อ “ยื้อเวลา” ลดแรงกดดันเท่านั้น เพราะตอนนั้นมีแต่เสียงเรียกร้องให้ รับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียว แต่เขาก็ดื้อ โดยบอกว่าให้รอผลการสอบสวนภายใน 15 วันก่อน แต่สอบไปสอบมาเรื่องก็เงียบหายไปดื้อๆ จนพรรคพลังประชาชนถูกยุบเนื่องจากโกงเลือกตั้งต้องพ้นเก้าอี้นายกฯไป
00 จากนั้นมีการ “สลับขั้ว” เปลี่ยนรัฐบาลเป็นประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกฯ และมาถึงวันนี้ จู่ๆ ก็มีการรายงานการสอบสอบสวนออกมาแล้วยัดใส่มือรัฐบาลหน้าตาเฉย แม้ในบันทึกอาจจะไม่มีข้อสรุป แต่ดูคร่าวๆ แล้วไม่ต้องบอกก็พอเดาออกว่า “สมชายกับพวก” ไม่ผิดตามคาด แถมกลับกลายเป็นว่า รัฐมนตรีในยุคนั้นกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องเยียวยาหรือไม่ ส่วนประชาชนที่ล้มตาย บาดเจ็บ ตาหลุด แขนขาขาด คนเหล่านี้กลับไม่ค่อยกล่าวถึง ทุด !!
00 แต่ที่น่าสนใจก็คือ ผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ได้สรุปหลังเกิดเหตุไม่นานไปอีกทางว่า คนในรัฐบาลมีความผิดกราวรูดตั้งแต่ “ชายกระโปรง” กับ “จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” ที่เป็นรองนายกฯและหลังเกิดเหตุก็ได้หลบไปบวช นั่นแหละ รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีที่ร่วมประชุมในวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ด้วย ขณะที่ฝ่ายตำรวจก็มีไล่ลงมาตั้งแต่ “พัชรวาท-จงรัก-สุชาติ-อำนวยนิ่ม” มากันครบเซ็ต
00 สาเหตุที่ต้องฟื้นความหลังกันยาวเหยียดก็มีเจตนาทบทวนความจำที่มาที่ไป และที่ต้องแจกแจงโดยละเอียดก็ไม่ต้องการให้พวก “สื่อแกล้งโง่” บางกลุ่มชี้นำให้สังคมไขว้เขวต่างหาก แต่สำหรับในมุมของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ถ้าให้เดาสาเหตุที่ต้องสั่งอุบผลสอบเป็นความลับไว้ก่อน เพราะบังเอิญว่ามี 7 รัฐมนตรีเคยนั่งสลอนในรัฐบาลก่อนอาจมีเอี่ยว ทำให้กระเพื่อมจนเกินจำเป็น คงจะรอผลสอบป.ป.ช. ออกมาก่อนแล้วค่อยว่าไปตามนั้น จะได้ไม่คาใจกันเกินไปนัก เพราะฟังจากปาก “วิชา มหาคุณ”แย้มออกมาแล้วว่าให้รอฟัง 23 ก.พ.นี้ ได้ยินก็หนาวไปทั้งบาง นี่ซิของจริง !!
00 อยากยันให้เต็มรัก เมื่อได้ฟัง “แดงอุดร” ขวัญชัย ไพรพนา ไขสือทำเป็นงงว่าตัวเองเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐสักหน่อย ทำไมต้องถูกติดร่างแหถูกฟันอาญา มาตรา 157 ไปด้วย ก็ใช่วันนี้อาจไม่ได้เป็นแต่ตอนนั้นเป็นแน่ เพราะได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาล “ลุงหมัก” ให้ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯกินเงินเดือน 27.000 บาท ถือว่าเป็นข้าราชการการเมืองเต็มตัว แต่ที่งง คงไม่มีอะไรมากหรอก อาจเป็นเพราะเป็นตำแหน่ง “สมนาคุณ” ประดับเกียรติ ไม่เคยไปทำงาน พอโดนอาญาเลยทำเป็นตาเหลือกเลยหรือเพ่ ทีตอนสั่งให้ทุบคนแก่ ผู้หญิงทำไมไม่คิดให้ดีก่อนละเพ่ !!
