ASTVผู้จัดการรายวัน - เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ฯเผยจ่ายปันผลปี 51 ต่ำกว่าปี 50 เพราะต้องการถือเงินสด ชี้ขณะนี้มีถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเสริมฐานเงินแกร่งสู้วิกฤต รองรับการขยายตัวสู่ตลาดใหม่ๆ เน้นลงทุนผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงเพื่อรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 24% แจงไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน ขณะที่ผลงานงวดสิ้นปี 51 กำไร 2,897.47 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,155.41 ล้านบาท หรือลดลง 8.17% เหตุเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ยันรักษารายได้ใกล้เคียงปี 51 ที่ทำไว้ 3.2 พันล้าน
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DELTA ) กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เตรียมไว้ลงทุนในปีนี้ ทั้งในส่วนของการออกผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย สำหรับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น บริษัทเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมาร์จิ้นสูง
'ปีนี้บริษัทเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีอย่าง เครื่องมือแพทย์ และระบบการจัดเก็บข้อมูล (Main Frame) เพราะมาร์จิ้นสูงถึง 30-50% จากเฉลี่ยธุรกิจปัจจุบันมีมาร์จิ้น 25% รวมถึงยังเป็นสินค้าประเภทไฮเทคโนโลยี และพยายาม รักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ในปีนี้ ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 24%' นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ภายใต้สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว บริษัทจะยังคงรักษารายได้และกำไรของปี 52 ให้มีอัตราที่ใกล้เคียงกับปี 51 ที่มีรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท และมีกำไรที่ 2.89 พันล้านบาท เพราะวิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ให้มีการเติบโตลดลง แม้จะหาตลาดใหม่เพิ่มแต่ก็จะสร้างรายได้ทดแทน ไม่ครอบคลุม เพราะต้องใช้เวลา 3-4 ปี ที่จะเติบโตเท่าตัว พร้อมกับการขยายสู่ธุรกิจพลังงาน คาดจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ในอนาคต
สำหรับการลงทุนทางตลาดใน อินเดียถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโต ค่อนข้างมาก ตลาดยังมีความต้องการและตอบรับสินค้าทุกประเภทเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไอทีและระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยในปีก่อนบริษัทมียอดขายจากอินเดีย 200 ล้าน เหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ปี ข้างหน้าเป็น 800 ล้านเหรียญสหรัฐ จนถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 55 ถือเป็นการวางแผนการลงทุนระยะยาวที่บริษัทได้วางไว้เป็นเวลา 5 ปี (51-55)
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีนโยบายในการซื้อหุ้นคืน ถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขข้อกฎหมายเผื่อไว้แล้วก็ตาม ซึ่งเป็นการเตรียมการเผื่อในอนาคตที่บริษัทจะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะขณะนี้บริษัทยังมีสภาพคล่องต่ำ ส่วนการจ่ายปันผลงวดปี 51 ที่จ่ายในอัตรา 1.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าปี 50 ที่จ่าย 1.60 บาทต่อหุ้น เพราะการถือเงินสดและส่วนหนึ่งเพื่อใช้ลงทุน หวังสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต
พร้อมกันนี้ DELTA ยังแจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 51 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 51 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,897.47 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,155.41 ล้านบาท หรือลดลง 8.17% เนื่องจากได้รับกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย แต่บริษัทฯ ยังสามารถดำรงยอดขายรวมไว้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือมีมูลค่า 32,851 ล้านบาท หรือลดลงเพียง 3% จากปีก่อนที่มี 33,766 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนขายต่อยอดขาย ในปี 51 ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการ ให้มีการดูแลด้านการบริหารการผลิตและควบคุม ต้นทุนการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนค่า ใช้จ่ายเพิ่มและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DELTA ) กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เตรียมไว้ลงทุนในปีนี้ ทั้งในส่วนของการออกผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย สำหรับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น บริษัทเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมาร์จิ้นสูง
'ปีนี้บริษัทเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีอย่าง เครื่องมือแพทย์ และระบบการจัดเก็บข้อมูล (Main Frame) เพราะมาร์จิ้นสูงถึง 30-50% จากเฉลี่ยธุรกิจปัจจุบันมีมาร์จิ้น 25% รวมถึงยังเป็นสินค้าประเภทไฮเทคโนโลยี และพยายาม รักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ในปีนี้ ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 24%' นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ภายใต้สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว บริษัทจะยังคงรักษารายได้และกำไรของปี 52 ให้มีอัตราที่ใกล้เคียงกับปี 51 ที่มีรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท และมีกำไรที่ 2.89 พันล้านบาท เพราะวิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ให้มีการเติบโตลดลง แม้จะหาตลาดใหม่เพิ่มแต่ก็จะสร้างรายได้ทดแทน ไม่ครอบคลุม เพราะต้องใช้เวลา 3-4 ปี ที่จะเติบโตเท่าตัว พร้อมกับการขยายสู่ธุรกิจพลังงาน คาดจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ในอนาคต
สำหรับการลงทุนทางตลาดใน อินเดียถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโต ค่อนข้างมาก ตลาดยังมีความต้องการและตอบรับสินค้าทุกประเภทเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไอทีและระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยในปีก่อนบริษัทมียอดขายจากอินเดีย 200 ล้าน เหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ปี ข้างหน้าเป็น 800 ล้านเหรียญสหรัฐ จนถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 55 ถือเป็นการวางแผนการลงทุนระยะยาวที่บริษัทได้วางไว้เป็นเวลา 5 ปี (51-55)
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีนโยบายในการซื้อหุ้นคืน ถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขข้อกฎหมายเผื่อไว้แล้วก็ตาม ซึ่งเป็นการเตรียมการเผื่อในอนาคตที่บริษัทจะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะขณะนี้บริษัทยังมีสภาพคล่องต่ำ ส่วนการจ่ายปันผลงวดปี 51 ที่จ่ายในอัตรา 1.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าปี 50 ที่จ่าย 1.60 บาทต่อหุ้น เพราะการถือเงินสดและส่วนหนึ่งเพื่อใช้ลงทุน หวังสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต
พร้อมกันนี้ DELTA ยังแจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 51 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 51 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,897.47 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,155.41 ล้านบาท หรือลดลง 8.17% เนื่องจากได้รับกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย แต่บริษัทฯ ยังสามารถดำรงยอดขายรวมไว้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือมีมูลค่า 32,851 ล้านบาท หรือลดลงเพียง 3% จากปีก่อนที่มี 33,766 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนขายต่อยอดขาย ในปี 51 ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการ ให้มีการดูแลด้านการบริหารการผลิตและควบคุม ต้นทุนการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนค่า ใช้จ่ายเพิ่มและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
