รอยเตอร์ - ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯที่กำลังตระเวนเยือนเอเชีย โดยแวะที่ญี่ปุ่นเป็นชาติแรก เมื่อวานนี้(17)ได้เรียกร้องให้ชาติต่าง ๆร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งเชิญนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ไปหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่ทำเนียบขาวสัปดาห์หน้า
คลินตันได้แหวกประเพณีเดิม ๆโดยการตัดสินใจมาญี่ปุ่นเป็นที่แรกของการเดินทางเยือนต่างประเทศในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเธอก็ได้ให้ความมั่นใจแก่รัฐบาลของอาโซะที่กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันรุนแรงว่า สหรัฐฯและญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรกันแนบแน่นต่อไป รวมทั้งได้หยิบยกเรื่องพลเมืองของญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือจับตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อนขึ้นมาหารือกันด้วย
ไม่มีใครแน่ใจว่าการมาเยือนของคลินตันจะสามารถช่วยค้ำชูสถานะของอาโซะได้อย่างไรบ้าง เพราะในขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเผชิญศึกรอบด้านทั้งความนิยมที่ตกต่ำลงอย่างมาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และล่าสุดรัฐมนตรีคลังต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งตามแรงกดดัน แม้เขาจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เมามายในขณะที่แถลงข่าวภายหลังการประชุมจี7ที่กรุงโรมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
การที่เธอนำคำเชื้อเชิญอาโซะไปพบหารือกับโอบามาที่วอชิงตันวันอังคารหน้า(24) จึงถือเป็นข่าวดีมากๆ สำหรับอาโซะ โดยที่คลินตันบอกด้วยว่า อาโซะจะได้เป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่พบปะกับโอบามาในทำเนียบขาว
อย่างไรก็ดี สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ทางการวอชิงตันนั้นไม่ใช่จะวางเดิมพันข้างรัฐบาลอาโซะกันแบบหมดตัว ก็คือการที่คลินตันมีแผนจะพบกับอิชิโร โอซาวะ ผู้นำพรรค เดโมเครติก พาร์ตี้ ออฟ เจแปน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ ของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ คลินตันบอกว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึง "ปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญหน้าสองประเทศของพวกเรา ตลอดจนทั่วโลกโดยรวม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกร้องให้ต้องดำเนินการตอบโต้แบบประสานกันทั่วโลก"
"ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งและสองของโลก เราเข้าใจดีถึงความรับผิดชอบเหล่านั้น" คลินตันกล่าว
รัฐมนตรีทั้งสองยังได้ลงนามในความตกลงเพื่อโยกย้ายทหารเรือสหรัฐฯ 8,000 คนออกจากฐานทัพในเกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยจะย้ายไปที่เกาะกวมอันเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ
"ข้อตกลงนี้ทำให้สาระของความเป็นพันธมิตรของเราแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก นั่นก็คือ ความพยายามที่จะรับประกันด้านความปลอดภัยแก่ญี่ปุ่นหากว่าถูกโจมตี ซึ่งจะต้องสามารถป้องกันการโจมตีในทุกรูปแบบได้" คลินตันกล่าว ซึ่งเธอหมายรวมถึงระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯที่ขยายมาครอบคลุมญี่ปุ่นด้วย
หลังจากเยือนญี่ปุ่นแล้ว คลินตันจะไปยังอินโดนีเซีย เกาหลีใต้และจีนต่อไป ในระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ คลินตันได้ไปเยือนศาลเจ้าเมจิในโตเกียว, ได้รับพระราชทานเลี้ยงพระสุธารสชาจากสมเด็จพระจักรพรรดินี, รวมทั้งไปเยี่ยมครอบครัวของผู้ที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อนด้วย, นอกจากนี้ก็ยังไปพบพูดคุยตอบปัญหากับนักศึกษาญี่ปุ่นอีกด้วย
คลินตันเล่าว่าหลังจากทำพิธีชำระล้างจิตใจที่ศาลเจ้าเมจิแล้ว หัวหน้าพระที่ศาลเจ้าชินโตแห่งนั้นได้พูดกับเธอเกี่ยวกับความสำคัญของความสมดุลและความกลมเกลียว
"มันไม่ได้เป็นแค่แนวคิดที่ดีทางศาสนา หากแต่ยังเป็นแนวคิดที่ดีสำหรับบทบาทของอเมริกาต่อโลกด้วย" คลินตันกล่าว อันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชซึ่งยึดถือแนวทางแข็งกร้าวจนเกิดสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน "เราจำเป็นจะต้องสร้างความสมดุลและความกลมเกลียวให้มากขึ้น"
หลังจากนั้นเธอก็ได้ไปพบกับครอบครัวของชาวญี่ปุ่นที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไป ชิเกโอะ ลิซูกะ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มครอบครัวเหล่านี้บอกว่าคลินตันให้คำมั่นว่าทางการวอชิงตันจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ
คลินตันได้แหวกประเพณีเดิม ๆโดยการตัดสินใจมาญี่ปุ่นเป็นที่แรกของการเดินทางเยือนต่างประเทศในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเธอก็ได้ให้ความมั่นใจแก่รัฐบาลของอาโซะที่กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันรุนแรงว่า สหรัฐฯและญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรกันแนบแน่นต่อไป รวมทั้งได้หยิบยกเรื่องพลเมืองของญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือจับตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อนขึ้นมาหารือกันด้วย
ไม่มีใครแน่ใจว่าการมาเยือนของคลินตันจะสามารถช่วยค้ำชูสถานะของอาโซะได้อย่างไรบ้าง เพราะในขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเผชิญศึกรอบด้านทั้งความนิยมที่ตกต่ำลงอย่างมาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และล่าสุดรัฐมนตรีคลังต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งตามแรงกดดัน แม้เขาจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เมามายในขณะที่แถลงข่าวภายหลังการประชุมจี7ที่กรุงโรมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
การที่เธอนำคำเชื้อเชิญอาโซะไปพบหารือกับโอบามาที่วอชิงตันวันอังคารหน้า(24) จึงถือเป็นข่าวดีมากๆ สำหรับอาโซะ โดยที่คลินตันบอกด้วยว่า อาโซะจะได้เป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่พบปะกับโอบามาในทำเนียบขาว
อย่างไรก็ดี สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ทางการวอชิงตันนั้นไม่ใช่จะวางเดิมพันข้างรัฐบาลอาโซะกันแบบหมดตัว ก็คือการที่คลินตันมีแผนจะพบกับอิชิโร โอซาวะ ผู้นำพรรค เดโมเครติก พาร์ตี้ ออฟ เจแปน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ ของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ คลินตันบอกว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึง "ปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญหน้าสองประเทศของพวกเรา ตลอดจนทั่วโลกโดยรวม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกร้องให้ต้องดำเนินการตอบโต้แบบประสานกันทั่วโลก"
"ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งและสองของโลก เราเข้าใจดีถึงความรับผิดชอบเหล่านั้น" คลินตันกล่าว
รัฐมนตรีทั้งสองยังได้ลงนามในความตกลงเพื่อโยกย้ายทหารเรือสหรัฐฯ 8,000 คนออกจากฐานทัพในเกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยจะย้ายไปที่เกาะกวมอันเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ
"ข้อตกลงนี้ทำให้สาระของความเป็นพันธมิตรของเราแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก นั่นก็คือ ความพยายามที่จะรับประกันด้านความปลอดภัยแก่ญี่ปุ่นหากว่าถูกโจมตี ซึ่งจะต้องสามารถป้องกันการโจมตีในทุกรูปแบบได้" คลินตันกล่าว ซึ่งเธอหมายรวมถึงระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯที่ขยายมาครอบคลุมญี่ปุ่นด้วย
หลังจากเยือนญี่ปุ่นแล้ว คลินตันจะไปยังอินโดนีเซีย เกาหลีใต้และจีนต่อไป ในระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ คลินตันได้ไปเยือนศาลเจ้าเมจิในโตเกียว, ได้รับพระราชทานเลี้ยงพระสุธารสชาจากสมเด็จพระจักรพรรดินี, รวมทั้งไปเยี่ยมครอบครัวของผู้ที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อนด้วย, นอกจากนี้ก็ยังไปพบพูดคุยตอบปัญหากับนักศึกษาญี่ปุ่นอีกด้วย
คลินตันเล่าว่าหลังจากทำพิธีชำระล้างจิตใจที่ศาลเจ้าเมจิแล้ว หัวหน้าพระที่ศาลเจ้าชินโตแห่งนั้นได้พูดกับเธอเกี่ยวกับความสำคัญของความสมดุลและความกลมเกลียว
"มันไม่ได้เป็นแค่แนวคิดที่ดีทางศาสนา หากแต่ยังเป็นแนวคิดที่ดีสำหรับบทบาทของอเมริกาต่อโลกด้วย" คลินตันกล่าว อันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชซึ่งยึดถือแนวทางแข็งกร้าวจนเกิดสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน "เราจำเป็นจะต้องสร้างความสมดุลและความกลมเกลียวให้มากขึ้น"
หลังจากนั้นเธอก็ได้ไปพบกับครอบครัวของชาวญี่ปุ่นที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไป ชิเกโอะ ลิซูกะ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มครอบครัวเหล่านี้บอกว่าคลินตันให้คำมั่นว่าทางการวอชิงตันจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ