เอเอฟพี - ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเยือนเอเชียตั้งแต่วันนี้ (16) ในการเดินทางสู่ต่างประเทศภายหลังรับตำแหน่งเที่ยวแรกของเธอ โดยเธอให้คำมั่นจะสานสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเอเชียให้แน่นแฟ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และป้องกันการขยายโครงการนิวเคลียร์
กำหนดการเดินทางของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ เริ่มด้วยการเยือนญี่ปุ่นในวันนี้ (16) จากนั้นจะเดินทางไปอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ในระยะยาวของสหรัฐฯ ต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก การเมือง และการทหาร เนื่องจากรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนก่อนๆ ล้วนแต่ออกเยือนประเทศในยุโรป หรือตะวันออกกลางก่อนเอเชีย
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการออกเดินทางสองวัน คลินตันกล่าวว่าเธอ “พร้อมแล้วที่จะทำงานร่วมกับผู้นำในเอเชียเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ” และ “เสริมความแข็งแกร่งของหุ้นส่วนและพันธมิตรในอดีตของเรา”
ในการกล่าวสุนทรพจน์ด้านนโยบายต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่สมาคมเอเชียในนิวยอร์ก คลินตัน กล่าวด้วยว่า เธอ “พร้อมแล้วที่จะป้องกันการขยายการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชีย” และบอกด้วยว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้นยังคงเป็น “ปัญหาท้าทายที่รุนแรงที่สุดต่อเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ”
เธอกล่าวว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา พร้อมจะสร้างความสัมพันธ์อันเข้มแข็งกับเกาหลีเหนือ หากโสมแดงยุติโครงการนิวเคลียร์ “อย่างสมบูรณ์และสามารถพิสูจน์ได้” สหรัฐฯ ก็ยินดี “จะปรับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีให้อยู่ในระดับปกติ” อีกทั้งยังจะให้ความช่วยเหลือในด้านพลังงานและด้านเศรษฐกิจด้วย
ทางด้านสภาว่าด้วยกิจการโลกแห่งชิคาโก ออกคำแถลงระบุว่าคลินตันกำลังจะเดินทางเยือนภูมิภาคซึ่งสหรัฐฯ เห็นว่า การใช้ยุทธศาสตร์ “อำนาจอ่อน” ยังคงมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวหมายถึงการเน้นที่การใช้อิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจ การทูต และวัฒนธรรม มากกว่าการใช้กำลังทางทหารอันรุนแรง
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า คลินตัน จะเดินทางพร้อมกับ ท็อดด์ สเทิร์น ทูตพิเศษผู้ดูแลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ตัวแทนเจรจาปัญหานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือในสมัยรัฐบาลบุช ซึ่งคาดกันว่า จะได้ก้าวขึ้นเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิรัก
ไมเคิล กรีน ที่ปรึกษาด้านเอเชียของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวว่า การที่คลินตันเลือกเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เป็นเพราะเธอเคยพลั้งพลาดระบุในระหว่างหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นั้น เป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด
ส่วน นิโคลัส เซเชนยี ผู้เชี่ยวชาญแห่งศูนย์เพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) คาดว่า คลินตัน จะเจรจากับผู้นำญี่ปุ่นในเรื่องวิกฤตทางการเงิน โดยอาจจะรวมถึงความเห็นในเรื่องการประสานจุดยืนเรื่องต่างๆ ก่อนการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศชั้นนำ 20 ประเทศ (จี 20) ในเดือนเมษายนที่กรุงลอนดอน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นคงจะพูดถึงประเด็นการที่เกาหลีเหนือลักพาตัวชาวญี่ปุ่นไปฝึกเป็นสายลับให้กับเกาหลีเหนือในช่วงสงครามเย็น เพราะสหรัฐฯ ละทิ้งประเด็นนี้ไปในระหว่างการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
บอนนี กลาเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนของซีเอสไอเอส ก็คาดว่า ในระหว่างการเยือนจีน คลินตัน จะพูดถึงประเด็นเกาหลีเหนือ วิกฤตทางการเงิน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จะระมัดระวังเป็นพิเศษในประเด็นสิทธิมนุษยชน
ส่วนการเยือนอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น คลินตัน อาจวางกรอบเพื่อ “เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ เพื่อเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รายใหม่” กับประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก