ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” รับสภาพส่งออกเดือนม.ค.เดี้ยง เหตุกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฉุดส่งออกติดลบและอาจลากยาวถึงครึ่งปี ชี้ต้องใช้งบกระตุ้นส่งออกเพิ่มเติมถึงจะโต 0-3% ตามเป้า
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือนม.ค.2552 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่คาดว่าจะส่งออกลดลง จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเดือนม.ค.ตัวเลขส่งออกจะขยายตัวติดลบถึง 25% จริงหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยกระทรวงพาณิชย์จะพยายามใช้มาตรการกระตุ้นการส่งออกเพื่อให้ตัวเลขช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวติดลบน้อยสุด
“ตัวเลขส่งออกครึ่งปีแรก คือ ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 มีแนวโน้มขยายตัวติดลบ แต่กระทรวงฯหวังว่าครึ่งปีหลังการส่งออกจะขยายตัวเป็นบวกตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบ และจะช่วยให้สถานการณ์การส่งออกครึ่งปีหลังดีขึ้นตามลำดับ โดยตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. จะต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 20 ก.พ.” นางพรทิวากล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ยังคงเป้าหมายการส่งออกปี 2552 คาดว่าจะขยายตัว 0-3% โดยจะพยายามไม่ให้ต่ำกว่า 0% โดยขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติบงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่จะใช้ช่วยเหลือในเรื่องสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเงินส่วนนี้จะมาแบ่งช่วยเหลือภาคส่งออกด้วย เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่ช่วยเหลือไม่ได้ นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะใช้มาตรการพยุงการส่งออกที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเข้ามาช่วยเหลือการส่งออกไทยเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ มีการเปิดตัวเลขการส่งออกในเดือนม.ค.ว่า จะขยายตัวติดลบ 25% ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์จะมีการแถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.พ.นี้
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขส่งออกสินค้าไทยเดือนม.ค. ยอมรับว่าขยายตัวติดลบ แต่จะเป็นเท่าไร ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน และในอีก 2-3 วัน ก็จะมีการแถลงตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้รู้ว่าสินค้าและตลาดใด ที่มีปัญหาการส่งออก โดยกระทรวงฯ จะใช้มาตรการเข้าช่วยเหลือได้ถูกต้อง แต่ในเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มสินค้าที่ขยายตัวติดลบ คือ สินค้าแผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร คาดว่าจะขยายตัวได้ดีอยู่
“ที่น่าห่วงคือตัวเลขส่งออกของเดือนมิ.ย.และก.ค. เพราะช่วงเดือนกันของปีที่ผ่านมา ไทยสามารถส่งออกใน 2 เดือนนี้ได้ถึง 1.6-1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปจากภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ตัวเลขคาดว่าจะติดลบค่อนข้างแน่” นายศิริพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ที่ติดลบนั้น เป็นการให้น้ำหนักที่ถูกต้องมากขึ้นว่ากระทรวงพาณิชย์จะต้องของบประมาณเสริมจากรัฐบาลเข้ามาพยุงการส่งออกไม่ให้หดตัวไปมากกว่านี้ หากสามารถพยุงการส่งออกในตลาดหลักได้ ประกอบการตลาดใหม่ที่การส่งออกสินค้าไทยยังไปได้อยู่ เช่น แอฟริกา ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง จะทำให้การส่งออกภาพรวมยังขยายตัวตามเป้าหมาย
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือนม.ค.2552 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่คาดว่าจะส่งออกลดลง จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเดือนม.ค.ตัวเลขส่งออกจะขยายตัวติดลบถึง 25% จริงหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยกระทรวงพาณิชย์จะพยายามใช้มาตรการกระตุ้นการส่งออกเพื่อให้ตัวเลขช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวติดลบน้อยสุด
“ตัวเลขส่งออกครึ่งปีแรก คือ ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 มีแนวโน้มขยายตัวติดลบ แต่กระทรวงฯหวังว่าครึ่งปีหลังการส่งออกจะขยายตัวเป็นบวกตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบ และจะช่วยให้สถานการณ์การส่งออกครึ่งปีหลังดีขึ้นตามลำดับ โดยตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. จะต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 20 ก.พ.” นางพรทิวากล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ยังคงเป้าหมายการส่งออกปี 2552 คาดว่าจะขยายตัว 0-3% โดยจะพยายามไม่ให้ต่ำกว่า 0% โดยขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติบงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่จะใช้ช่วยเหลือในเรื่องสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเงินส่วนนี้จะมาแบ่งช่วยเหลือภาคส่งออกด้วย เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่ช่วยเหลือไม่ได้ นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะใช้มาตรการพยุงการส่งออกที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเข้ามาช่วยเหลือการส่งออกไทยเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ มีการเปิดตัวเลขการส่งออกในเดือนม.ค.ว่า จะขยายตัวติดลบ 25% ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์จะมีการแถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.พ.นี้
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขส่งออกสินค้าไทยเดือนม.ค. ยอมรับว่าขยายตัวติดลบ แต่จะเป็นเท่าไร ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน และในอีก 2-3 วัน ก็จะมีการแถลงตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้รู้ว่าสินค้าและตลาดใด ที่มีปัญหาการส่งออก โดยกระทรวงฯ จะใช้มาตรการเข้าช่วยเหลือได้ถูกต้อง แต่ในเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มสินค้าที่ขยายตัวติดลบ คือ สินค้าแผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร คาดว่าจะขยายตัวได้ดีอยู่
“ที่น่าห่วงคือตัวเลขส่งออกของเดือนมิ.ย.และก.ค. เพราะช่วงเดือนกันของปีที่ผ่านมา ไทยสามารถส่งออกใน 2 เดือนนี้ได้ถึง 1.6-1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปจากภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ตัวเลขคาดว่าจะติดลบค่อนข้างแน่” นายศิริพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ที่ติดลบนั้น เป็นการให้น้ำหนักที่ถูกต้องมากขึ้นว่ากระทรวงพาณิชย์จะต้องของบประมาณเสริมจากรัฐบาลเข้ามาพยุงการส่งออกไม่ให้หดตัวไปมากกว่านี้ หากสามารถพยุงการส่งออกในตลาดหลักได้ ประกอบการตลาดใหม่ที่การส่งออกสินค้าไทยยังไปได้อยู่ เช่น แอฟริกา ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง จะทำให้การส่งออกภาพรวมยังขยายตัวตามเป้าหมาย