ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “สนธิ” เซอร์ไพรส์ชาวอุดรฯร่วมเวทีคอนเสิร์ตการเมืองภาคพิเศษ ลั่นพร้อมถือสัตย์ต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ “หลวงตามหาบัว” จะทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยไม่หวังผลตอบแทน ชี้ทุกสิ่งเป็นเรื่องสมมติแม้ “ทักษิณ” ที่เคยยิ่งใหญ่ยังกลายเป็นคนจรจัด ระบุพันธมิตรฯต่อสู้เพื่อคนไทยทั้งประเทศ “จำลอง” ระบุแถลงการณ์ “สยามแดง” มุ่งใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์อย่างรุนแรง “สมศักดิ์” ประณามคนเสื้อแดงขวางเวที พธม.อุดรฯไม่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน ทำลายเกียรติภูมิชาวอุดรฯ “สมเกียรติ” ย้ำภาคอีสานสำคัญยิ่งต่อกระบวนการสร้างการเมืองใหม่ เพราะถูกนักเลือกตั้งโกงกินครอบงำมานาน ลั่นปักธงที่อุดรฯสำเร็จ เล็งรุกเข้ายึดพื้นที่สีแดง “เชียงราย-เชียงใหม่” ต่อ
บรรยากาศเวทีคอนเสิร์ตการเมือง ภาคพิเศษ “ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย” ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี เมื่อคืนวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาสุดคึกคัก มีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมพิธีกร ASTV และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นปราศรัยบนเวทีให้ความรู้การเมืองภาคประชาชนเพื่อสร้างการเมืองใหม่ให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯ หลายหมื่นคนที่เดินทางมาจากทั่วประเทศไปร่วม คละเคล้าบรรยากาศไอรักในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์
“สนธิ”เซอร์ไพรส์เวทีอุดรธานี
จุดที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯคือการปรากฏตัวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯที่ได้เดินทางมาร่วมให้ความรู้ทางการเมืองบนเวทีคอนเสิร์ตการเมืองภาคพิเศษครั้งนี้ ทำให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่ร่วมชุมนุมต่างส่งเสียงสั่นมือตบแสดงการต้อนรับนายสนธิ ดังลั่นสวนสาธารณะหนองประจักษ์
นายสนธิ เปิดเผยถึงเหตุผลที่ต้องมา จ.อุดรธานีว่า เมืองอุดรธานีเป็นเมืองพุทธ เป็นถิ่นของพระอริยะเจ้า และประชาชนทุกคนเป็นข้าฯในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเดินทางไปที่ใดในประเทศไทยก็ได้ และเดือน พ.ค.นี้จะเดินทางไปที่ จ.เชียงราย ต่อด้วยเชียงใหม่ และลำปาง เหตุผลที่ต้องมาอุดรฯ เพราะที่นี่เคยมีหมาหมู่มารังแกประชาชนผู้บริสุทธิ์ รังแกคนไม่มีทางต่อสู้ การมาเยือนไม่ใช่มาท้าทาย แต่หากแน่จริง ให้กล้ามารังแกตอนนี้ เมื่อเราเตรียมความพร้อม
เมื่อเห็นพี่น้องพันธมิตรฯ มาจากทั่วประเทศ เห็นรถยนต์ รถตู้ รถบัส ป้ายทะเบียนมาจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นสตูล พังงา กระบี่ พิจิตร ขอนแก่น สระบุรี และอีกหลายจังหวัด นั่นแปลว่า “ครอบครัวพันธมิตรฯ หากมีจุดใดจุดหนึ่งใครถูกรังแก พวกเราจะรวมพลกันมาให้คุณรังแกในเวลาที่พวกเรามารวมตัวกันทั้งครอบครัว” นายสนธิ กล่าว และว่า
อีกเหตุผลคือจากปี 2548 เมื่อครั้งที่ได้มากราบไหว้พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และได้กราบเรียนหลวงตาว่ามีความจำเป็นต้องต่อสู้กับความเลวร้ายของระบอบทักษิณ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกให้เอาธรรมนำหน้าแล้วจะชนะ จึงได้ถือสัตย์ปฏิญาณ ที่จะทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นธรรมอันสูงสุด
ธรรมที่สำคัญอีกข้อ คือ ชีวิตคือความว่างเปล่า ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง เมื่อนำธรรมะตามคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์มาปฏิบัติและก่อเกิดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นจึงเกิดพลังแห่งศีลธรรมอันยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ อย่างไม่เคยมีมาก่อน และจะยิ่งใหญ่ยิ่งๆ ขึ้นไป
สิ่งที่พวกเราทำคือ กราบไหว้พระ สวดมนต์ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง “ผมสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัว ใครมาป่วนการต่อสู้ของผม พวกนั้นก็เป็นพวกเดียวกับ ใจ อึ๊งภากรณ์ เพราะฉะนั้นอยากบอกถึงทุกคนที่ไม่เห็นด้วยในการต่อสู้กับผม คุณก็คือคนที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์”
นายสนธิ กล่าวอีกว่า อยากบอกพี่น้องชาวอีสาน ซึ่งเป็นคนจิตใจดี เป็นคนซื่อ แต่ยังถูกปั่นหัวให้หลงเข้าใจว่าที่นายสนธิ ออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร เพราะสนธิ ติดหนี้ทักษิณ แต่ไม่ยอมใช้นั้น พี่น้องอีสานถูกหลอกให้คิดอย่างนั้น โดยไม่รู้ความจริงว่าทักษิณ ชินวัตร เป็นคนติดหนี้สนธิ ลิ้มทองกุล
สิ่งที่อยากบอกพี่น้องอีสาน คือ การร่ำรวยผิดปกติของทักษิณ หลังการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยหลอกลวงพี่น้องว่า รวยจากการค้าขายโทรศัพท์ ทั้งที่ก่อนเป็นนายกฯ แจ้งบัญชีทรัพย์สินว่ามี 23,000 ล้านบาทแต่ตอนนี้มีทรัพย์สินกว่า 418,000 ล้านบาท ไม่เคยออกมาพูดถึงที่มา ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องอีสานรู้ว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง แต่ต่อสู้เพื่อคนไทยทั้งประเทศ
“คนอุดรฯ รักสงบ รักสันติ คนอุดรฯ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แล้วกลุ่มชมรมคนรักอุดรมาใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร จึงเตือนให้รู้ว่าอย่าคิดว่ามีตำรวจหนุนหลัง เพราะตำรวจก็มีอนิจจัง ทุกอย่างคือเรื่องสมมติ ทักษิณเคยใหญ่ แต่วันนี้กลายเป็นคนจรจัด สมัครเคยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่วันนี้นอนรอใกล้ตาย เช่นเดียวกับสมชาย ที่นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ววันนี้นั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะนั่นคือเรื่องสมมติทั้งหมด” นายสนธิ กล่าว
“จำลอง”จวกสยามแดงให้ร้ายสถาบันฯ
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัยว่า ในอดีตสมัยรับราชการทหาร ช่วงที่มีสงครามในอินโดจีนได้มาประจำการที่ จ.อุดรธานี ถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่คุ้นเคยและต้องโกหกภรรยาว่ามาประจำการที่จังหวัดนี้ ทั้งที่ความจริงเข้าไปรบในลาว การจัดงานในครั้งนี้ขอชมว่าพันธมิตรฯอุดรธานี เตรียมความพร้อมได้ดี มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก จ.เชียงใหม่ ที่มีเป้าหมายจะจัดคอนเสิร์ตการเมืองก็คงสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้ และเชื่อว่าชาวพันธมิตรฯอุดรฯ-หนองคายและจังหวัดแถบนี้จะไปร่วมงานกันให้จำนวนมาก
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อถึงแถลงการณ์ “สยามแดง” ของนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่ประกาศตัวเป็นคนเสื้อแดงว่า เป็นเรื่องใหญ่มากกรณีการจาบจ้วงกล่าวร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง จนไม่สามารถนำมาเล่าให้ฟังต่อได้ ประเด็นนี้แต่ก่อนไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เมื่อครั้งมีการชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบฯ มีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายคนสารภาพว่า การที่เวทีชุมนุมพันธมิตรฯ นำประเด็นนี้ขึ้นพูดบนเวทีว่ามีขบวนการล้มล้างสถาบันพวกเขาไม่เชื่อ คิดว่าพันธมิตรฯสร้างเรื่องขึ้นมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ในที่สุดเมื่อเจอด้วยตัวเองก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง ดังนั้น อยากจะฝากประชาชนว่าไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร พวกเราก็มีพ่อหลวงองค์เดียวกัน
“สมัยที่ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ได้เรียนรู้ว่าระบบการปกครองที่ดีที่สุดในโลก คือ ระบบที่มี A Good Kind King” พล.ต.จำลอง กล่าว และว่า ตนได้นั่งรถผ่านจังหวัดในภาคอีสานหลายจังหวัดไปสะดุดป้ายขนาดใหญ่ที่ จ.ยโสธร เขียนตัวใหญ่มากว่า “เราคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ไปดูได้เลยที่จังหวัดนี้ และคิดว่ามีอีกหลายพื้นที่ หากชาว จ.อุดรธานี หรือคนในจังหวัดไหนก็ตามที่คิดถึงทักษิณ อยากบอกให้รู้ว่าในประเทศนี้ไม่มีใครรู้จักทักษิณเท่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพราะเป็นคนที่สนับสนุนให้เขาเข้าสู่การเมืองจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดก็รู้ธาตุแท้ของคนคนนี้
“สมศักดิ์”ประณามพฤติกรรมคนเสื้อแดง
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯครั้งนี้ว่า เป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถกระทำได้ แต่การขับไล่ของกลุ่มที่พยายามปลุกระดมประชาชนผ่านเครือข่ายวิทยุชุมชน ให้ออกมาคัดค้านการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการกระทำที่ไม่เคารพสิทธิของบุคคลอื่น ถือเป็นการทำลายเกียรติภูมิของชาวจังหวัดอุดรธานี
ขณะเดียวกันนายสมศักดิ์ ได้หยิบยกประเด็นที่ฝ่ายค้านพยายามผลักดันพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติในสภานั้น เป็นการแอบแฝงเพื่อจะทำกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนทำผิดเท่านั้น ซึ่งมีคนทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฆ่าคน โกงชาติบ้านเมือง แต่กลับจะไม่รับผิดชอบกับการทำผิดของตนเอง ทำให้พันธมิตรฯ ต้องออกชุมนุมเคลื่อนไหวปกป้องรัฐธรรมนูญ
“การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯอุดรธานี และพี่น้องพันธมิตรฯทั้งประเทศ ถือเป็นการทำหน้าที่ ใช้สิทธิตามหลักมนุษยชน ตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองทุกระดับ ปกป้องดูแลรักษาประเทศชาติ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังมีกระบวนการก่อกวนไม่จบสิ้น จึงต้องมีการสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว และว่า
“สมเกียรติ”ย้ำเดินหน้า4ภารกิจสำคัญ
จนเวลา 00.30 น.ของวานนี้ (15 ก.พ.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นปราศรัยว่า ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาองค์ความรู้ของประชาชน เพื่อนำไปสู่การสร้างการเมืองใหม่ เนื่องจากมีประชากรกว่า 20 ล้านคนมากที่สุดของประเทศ หากยังปล่อยให้อันธพาลและนักการเมืองชั่วครอบงำแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสร้างการเมืองให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่พันธมิตรฯจะต้องมาเปิดเวทีปักธงในภาคอีสานและทำสำเร็จแล้วที่ จ.อุดรธานี
นายสมเกียรติ ยังประณามพฤติกรรมของคนอุดรฯ บางกลุ่มที่แอบแฝงอยู่สถานีวิทยุชุมชนแห่งหนึ่ง ใช้พฤติกรรมอันธพาลกับฝ่ายที่มีความคิดแตกต่างทางการเมืองจนทำให้ จ.อุดรธานี เสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งจังหวัด ทั้งที่ จ.อุดรธานี เป็นดินแดนพระอริยะเจ้า มีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่จิตใจเสียสละทำประโยชน์จรรโลงพระศาสนา และความมั่นคงของชาติ ด้วยโครงการผ้าป่าช่วยชาติ
นายสมเกียรติ ระบุว่า แกนนำพันธมิตรฯ ได้หารือร่วมกันเมื่อ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีมติชัดเจนแล้วว่า หากการจัดเวทีคอนเสิร์ตการเมืองที่ จ.อุดรธานีผ่านพ้นไปได้ พันธมิตรฯจะเดินหน้ายึดไปเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงรายเป็นจังหวัดที่ 2 ต่อจาก จ.อุดรธานี และให้จับตาดูให้ดีอีกไม่นาน ไม่เกินครึ่งปีนี้จะมีการจับกุมมาเฟียที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมชิปปิ้งหมู ซึ่งเชื่อว่าฟ้าใหม่จะต้องเกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย
“จากการตระเวนจัดกิจกรรมเวทีพันธมิตรฯต่างจังหวัดกว่า 35 จังหวัดพบว่า การจัดเวทีของอุดรธานี มีซุ้มอาหารมาให้บริการพี่น้องพันธมิตรฯมากที่สุด แสดงถึงน้ำใจของชาว จ.อุดรธานี ที่มีต่อพี่น้องพันธมิตรฯทั้งประเทศ”
ตอนท้าย นายสมเกียรติ ได้ฝากภารกิจสำคัญ 4 ประการกับพี่น้องพันธมิตรฯ ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง 1.การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายอย่างยิ่ง โดยหลวงตามหาบัว ได้เคยเทศนาไว้ว่า มีคนคอยกินตับ ปอด ประเทศไทย มักใหญ่ใฝ่สูงต้องการเป็นประธานาธิบดี และก็เป็นจริงดังคำทำนายของหลวงตา จนคนคนนั้นไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว
2.กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินยุบพรรคการเมืองหลายพรรค เช่น ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิทางการเมืองกว่า 230 คนพวกเขากำลังพยายามหาทางออก เสนอให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตัวเอง ซึ่งหากมีการนำเสนอเข้าสู่สภาจริง เชื่อว่าพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งประเทศ ต้องเข้าไปชุมนุมคัดค้านที่กรุงเทพฯอีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเป่านกหวีด
3.โครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน แม้จะผ่านมาหลายรัฐบาลตั้งแต่นายสมัคร นายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงล่าสุดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงมีการผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้ พันธมิตรฯ ควรยึดสิ่งที่ถูกต้อง โดยส่วนตัวจะไม่ทรยศต่อประชาชน จะร่วมคัดค้านโครงการนี้
4.การเมืองใหม่ที่มีการต่อสู้ทางการเมืองมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่เหตุการณ์ 16 ต.ค., เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ, จนถึงเหตุการณ์ล่าสุดการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ประชาชนกลับถูกหลอกตลอดมา ไม่เกิดการเมืองภาคประชาชนและการเมืองใหม่ขึ้นจริง
“ภารกิจทั้ง 4 เรื่อง เป็นสาระสำคัญแห่งชีวิต แห่งสังคม และอนาคตของพี่น้องประชาชน การออกแบบการเมืองของพันธมิตรฯ เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากพันธมิตรฯผ่านประสบการณ์การต่อสู้บนเวทีการเมืองนอกสภา มาเป็นระยะเวลานาน มีพี่น้องพันธมิตร”บาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นต้องทำให้สำเร็จ” นายสมเกียรติ กล่าว