xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉ “แม้ว” มุ่ง “ดูไบ” ส่อตั้ง รบ.พลัดถิ่น-ท้าเผยชื่อศัตรูการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ” ชำแหละคำพูด “แม้ว” ให้สัมภาษณ์สื่อนอก ได้ยินแล้วสมเพช ไม่เคยรู้สำนึกผิด ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ต้องระเหเร่ร่อนมาจากอะไร ท้าให้รีบเปิดเผยชื่อศัตรูการเมืองออกมาโดยเร็ว ย้ำไม่มีใครไล่มีแต่ถูกศาลจำคุก ปูดเป้าหมายกำลังเดินทางไปดูไบ มีความเป็นได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันที่ 10 พ.ย. เมื่อเวลา 20.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล ได้นำคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์มาจับโกหกแบบคำต่อคำ โดยนายสนธิ กล่าวว่า เป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากเดินทางออกจากกรุงปักกิ่ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า “โลกมันกว้างจำตาย” นั้น เขาจะไปที่ดูไบนั่นเอง และกำลังมอบหมายให้คนใกล้ชิดซื้อบ้านที่นั่นเอาไว้ และบอกที่ว่า โลกมันกว้างนั้น แต่ทางมันค่อนข้างแคบ

เรื่องสร้างบ้านที่จีนที่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “เขา (เหยียน ปิน - นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง) สร้างของเขาอยู่แล้ว เขาก็พัฒนาที่ของเขาไปเรื่อยๆ ผมอยู่ตรงไหนก็ได้ ผมอยู่ของผมไปเรื่อยๆ มีห้องว่างผมอยู่ได้หมดล่ะ กางเต็นท์นอนยังได้” นั้น นายสนธิ กล่าวว่า คงจะเป็นการไปกางเต็นท์นอนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีทหารตำรวจรักษาความปลอดภัยอยู่ 600 คน

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายเหยียนปิน หรือในชื่อไทยว่า ชาญชัย รวยรุ่งเรือง นั้น ได้สัญชาติไทยสมัย พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร เป็นการปลอมเอกสารเอาทะเบียนราษฎรของคนที่ตายแล้วที่แม่ฮ่องสอนเอามาสวม นายเหยียน ปิน เป็นคนซานตง เป็นลูกกำพร้า มาร่ำรวยเพราะได้สิทธิขายกระทิงแดงที่ปักกิ่ง มีเพื่อนหลายคน คนหนึ่งคือนายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศานต์ ซึ่งได้แนะนำให้นายเหยียนปินรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และต่อมามาทำธุรกิจร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอีลิทการ์ด พูดว่าจะขายได้ 3 หมื่นใบ หรือ 3 หมื่นล้าน แต่ได้แค่ 40-50 ใบ หลังจากนั้นก็เป็นนายหน้าให้กับพรรคไทยรักไทยในการเข้าไปทำมาหากินในประเทศจีน มีอยู่ครั้งหนึ่งมีนามบัตรระบุว่า เป็นประธานสาขาพรรคไทยรักไทยประจำประเทศจีน โครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ก็เป็นการวิ่งเต้นของนายเหยียนปิน เพราะทำมาหากินด้วยกันมาโดยตลอด

ประเด็นที่รอยเตอร์ถามว่าจะไปฟิลิปปินส์หรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “ไม่มี ... ผมไม่คิดไปฟิลิปปินส์เนี่ย มั่วกัน วันนี้สื่อมวลชนมันมั่วกัน ไปติดนิสัยไอ้สนธิหมด” นั้น นายสนธิกล่าวว่า ได้แต่เวทนาและสงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรไว้บ้าง

“ตนเองถูกพิพากษาให้ผิดก็บอกว่ากระบวนการยุติธรรมผิด ตัวเองถูกสื่อมวลชนต่อว่าก็บอกสื่อมวลชนมันมั่วเหมือนไอ้สนธิ แสดงว่าลึกๆ แล้วเขาเจ็บแค้นตัวผมมาก แต่คุณทักษิณไม่เคยหยุดคิดว่าครั้งหนึ่งตั้งแต่ปี 44-45-46 ผมเคยพยายามช่วยเขาด้วยความหวังดี ตอนที่เขาโดนคดีซุกหุ้น ผมก็เห็นใจเขา ยุคแรกๆ ที่ทำเมืองไทยรายสัปดาห์ ผมทำเพราะผมคิดว่าเขาจะเป็นนายกฯ ที่ดีได้ เพราะก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งเขาไปทานก๋วยเตี๋ยวกับผมที่บ้าน

เขาบอกว่า เขาขอโทษทีที่เข้าใจผมผิดสมัยก่อน เขาบอกว่าเราสองคน หมายถึงผมกับคุณทักษิณทะเลาะกันเพราะไอ้เหลิม เพราะไอ้เหลิมคือบ่างช่างยุ เขาพูดอย่างงี้ เสร็จเรียบร้อยเขาก็บอกว่าที่มาหาผมครั้งนี้เขาอยากให้ผมสนับสนุนเขา เขาบอกเขารวยแล้วเขาอยากจะทำงานเพื่อบ้านเมือง และนี่คือความคิดที่หลายๆ คนอยากสนับสนุนเขา”

นายสนธิ กล่าวว่า ลักษณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำตอนนั้นเหมือนมีความตั้งใจจริง ซึ่งหลายคนก็หลงไปสนับสนุน แต่เขาไม่เคยคิดว่าทำไมตั้งแต่ปี 2547 ทำไมตนจึงตีตัวออกห่างเขา รายการเมืองไทยรายสัปดาห์วิพากษ์วิจารณ์เขามากขึ้น ทั้งๆ ที่การวิพากษ์วิจารณ์เขานั้นหมายถึงรายได้เราต้องหายไป โฆษณาที่มาจากรัฐวิสาหกิจก็ถูกตัดไปทีละอันๆ จนเดือนกันยายน 2548 เขาจึงยกเลิกรายการ ตรงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไม่เข้าใจ หาว่า ตนไปขอแล้วเขาไม่ให้ ก็เลยโกรธ

“ถ้าผมขอเขาแล้วไม่ให้ ทำไมผมสู้ตั้งแต่ปี 47 มาจนกระทั่งปี 2551 5 ปีเต็มๆ แล้วทำไมเวลาคุณให้คุณสมคิดเสนอเงินสดให้ผม 500 ล้าน ผมถึงไม่รับล่ะ ถ้าผมขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์จริง ทำไมผมไม่เอาล่ะ 500 ล้านน่ะ แล้วยังพยายามที่จะส่งคนมาซื้อเอเอสทีวี 1,500 ล้านเมื่อปีที่แล้วเพื่อที่จะปิดปากเอเอสทีวี ถ้าผมขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ผมเห็นแก่เงิน ทำไมผมไม่เอาล่ะ

เพราะฉะนั้นแล้ว คุณทักษิณไม่เข้าใจ เขาเป็นนายกฯ ที่พร้อมที่สุด เพราะมีประชาชนสนับสนุนทั่วประเทศ ขออย่างเดียวให้เขาซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ด้วยความจริงใจ เพียงแค่นี้มันยากเกินไปสำหรับเขาหรือ ไม่เคยอิจฉาตาร้อนในความร่ำรวยของเขา เขาแค่ซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง โอกาสเขามากว่าทุกคนอยู่แล้ว เขาเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี ถ้าวันนั้นเขาเสียภาษีขายหุ้นแค่ 2 หมื่นกว่าล้าน เราก็ไล่เขาไม่ได้ วันนี้เขาก็ยังอยู่ คุณทักษิณไม่เคยเข้าใจว่าที่เขาพังพินาศเพราะ 1.เขาโลภ 2.เขาทะเยอทะยาน 3.เขาคิดว่าเขาจะเข้ามาครอบงำประเทศไทยแล้วสถาปนาตัวเขาเป็นคนคนเดียวเท่านั้นในประเทศไทยที่ทุกคนต้องเคารพนับถือเขา

จนวันนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจอีกว่าได้ทำอะไรไป จนวันนี้เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะไปทำพิธีในวัดพระแก้ว ไม่ว่าจะเป็นการประชุมครม.ที่ปราสาทพนมรุ้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น เขาไม่เคยยอมรับว่าทำผิด ทุกอย่างที่เราไปต่อต้านเขา ไปสู้เขา เขาบอกว่ามั่วเหมือนไอ้สนธิมันมั่ว

เขาไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมพี่น้องต้องมานั่งอยู่เป็นเดือนๆ อันตรายก็อันตราย ผมโดนคดีความไปทั้งหมด 3 คดี จำคุกแล้ว 6 ปี ศาลชั้นต้น กำลังอยู่ในขั้นอุทธรณ์ แล้วยังมีอีกหลายสิบคดี ผมมาเสี่ยงทำไมล่ะ คุณทักษิณไม่เคยเข้าใจหรือ ขอให้คุณเชื่อผมหน่อยได้ไหมว่า ในประเทศไทยมีคนที่รักชาติ รักบ้านรักเมืองอยู่ มาต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลย”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณหลุดคำว่า “ไอ้สนธิ” เพราะรับไม่ได้ ตอนที่ตนไปจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินี พ.ต.ท.ทักษิณก็เรียกว่าเป็นพวกคนจรจัด ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา จนกระบวนการของพวกเราใหญ่ขึ้นๆ จนเขาตกใจ ไม่รู้จะทำยังไงก็เล่นงานทางกฎหมาย มีอาวุธอะไรก็ออกใส่หมด ตนต้องแอ่นอกรับเท่านั้นเอง เพราะถ้าไม่รับขบวนการประชาชนก็ไม่เจริญเติบโต และเมื่อขบวนการประชาชนเติบโต พ.ต.ท.ทักษิณจะหลอกประชาชนที่รู้ทันเขาอีกต่อไปไม่ได้

นายสนธิ กล่าวอีกว่า จริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณแก้ปัญหาตัวเองง่ายนิดเดียว คือยอมรับว่าตัวเองผิด ยอมรับว่าพลาดไปแล้วและทำกรรมให้กับประเทศชาติ อยู่เงียบๆ ถ้าวันนั้นเขาออกไปจากประเทศไทย ถึงเขาจะหนีหมายจับและศาลพิพากษาแล้วไม่กลับ แต่อยู่เงียบๆ ไม่พบใคร ไม่โทรศัพท์สั่งการให้จัดว่าจ้างคนมา 4-5 หมื่นคนที่สนามกีฬา แล้วไม่โฟนอิน ก็จะไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่

“แต่เขาลืมตัว เขาโกรธ เขามีโทสะ เขามีโมหะ เขาต้องเอาชนะให้ได้ กูมีเงิน กูเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ไอ้สนธิมันคนจรจัด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคือคนมั่ว เพราะฉะนั้นแล้วเขาทนไม่ไหว เมื่อทนไม่ไหวแล้ว อังกฤษเล่นงานเขา ก็เลยประกาศขู่ เมื่อเขาไม่หยุดผมจึงต้องพูด เห็นไหมยังไม่รู้ตัวอีก”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ถ้าจำได้ ตอน พ.ต.ท.ทักษิณออกไปหลังวันที่ 19 กันยาฯ นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า เลิกแล้วการเมือง แล้วเลิกจริงหรือไม่ เขาโกหกตลอดเวลา แล้วเขายังมาหาว่าพวกเรามั่ว

ประเด็นที่รอยเตอร์ถาม ว่าวางแผนชีวิตอย่างไร และ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “วางก็ไม่ต้องบอก วันนี้บอกไม่ได้ แต่ว่าชีวิตต้องมีแผน อีกไม่กี่วันมีของสนุกๆ เยอะแยะ มีเรื่อยๆ ชีวิตของผมเป็นชีวิตสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลาย ไม่ต้องห่วงจะมีเรื่องสร้างสรรค์อีกเยอะแยะ” นั้น นายสนธิ กล่าวว่า สร้างสรรค์คือเอาคนใส่เสื้อแดงถือมีดถือไม้มาไล่ฟันพันธมิตรฯ สร้างสรรค์หรือ สั่งให้น้องเขยตัวเองสั่งตำรวจปราบประชาชน สั่งให้กุ๊ยในเครื่องแบบเอาระเบิดมาขว้าง นี่ไงความสร้างสรรค์ พูดจาโดยไม่รู้สำนึกแม้แต่นิดเดียว

ส่วนที่รอยเตอร์ถามว่าตกลงจะเป็นบุคคลกิตติมศักดิ์ของบาฮามาสหรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า คงต้องรับหลายประเทศนั้น นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังอดไม่ได้ที่จะคุยโว ไม่เคยรู้จักประมาณตนแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยเข้าใจคำว่าอ่อนน้อมถ่อมตน

ประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า ตนเองมีหลายมิติ มิติชีวิตมีหลายมิติ มีทั้งมิติทำงานหาเลี้ยงชีพ มิติทางด้านที่เป็นประโยชน์กับสังคมโลก สังคมไทยทำอะไรไม่ได้ ก็ไปทำสังคมโลกไปและก็มิติแห่งการต้องพิสูจน์ตัวเองนั้น นายสนธิ บอกว่า ใช่ มิติชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณมีเยอะมาก แต่ไม่อยากพูด เพราะพูดแล้วจะกลายเป็นการทับถมกันอีก

กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า ตนเองถูกกล่าวหา Politically (การเมือง) ก็ต้องมาแก้ด้วย Politically แต่แก้ยังไงก็ไม่รู้นั้น นายสนธิ กล่าวว่า คงหมายถึงสังคมไทยทำอะไรไมได้ ก็ไปทำสังคมโลก ทำสังคมโลกทางการเมือง แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นใช่หรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ โดยอาจจะหาสักประเทศหนึ่งแล้วจ่ายเงินให้ประเทศนั้นเพื่อไปตั้งรัฐบาลไทยพลัดถิ่นที่นั่น ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเหมาะที่จะเกาะกง หรือ แอฟริกากลาง แล้วให้เอาพวกเสื้อแดงไปด้วย ไปให้หมดเลย

ประเด็นที่รอยเตอร์ถามว่า สนามกอล์ฟที่ปักกิ่งจะเป็นแห่งหนึ่งที่ท่านจะมาเยือนบ่อยๆ ใช่ไหม และ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “ก็แล้วแต่ ไม่แน่นอน ผมไปของผมเรื่อยๆ โลกมี 190 กว่าประเทศ ผมก็ไปของผมเรื่อยๆ” นั้น นายสนธิ กล่าวว่า ไปเรื่อยๆ นั่นคือจรจัด เหมือนเพลงของ Ricky Nelson ชื่อ Travelin' Man แต่เป็นการท่องเที่ยวไปทั่วโลก ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเขามี 190 ประเทศ แต่ว่าพเนจรไป

ส่วนที่รอยเตอร์ถามว่าจะขอวีซ่าเข้าอังกฤษเพื่อไปเยี่ยมอุ๊งอิ๊ง ลูกสาวหรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า “เดี๋ยวค่อยคิดกัน เพราะลูกสาวผมคนนี้เขาถูกกระทำจนแกร่งมาก ถูกกระทำตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย ถูกกระทำเยอะเหลือเกิน เด็กตัวเล็กนิดเดียว พอพ่อเป็นนักการเมืองเขาถูกกระทำอย่างรุนแรง จนเขาแกร่ง เพราะฉะนั้นเขาแกร่งพอที่จะอยู่ของเขาได้” นั้น นายสนธิ กล่าวว่า ตกลงที่โอนหุ้นซุกหุ้นในชื่อลูก แล้วลูกต้องตกเป็นจำเลยคดีที่ร่วมกันปิดบังทรัพย์สินนี้ สังคมทำอะไรกับลูกของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือ ที่ถูกต้อง พ.ต.ท.ทักษิณควรจะบอกว่า “ลูกผมคนนี้ถูกผมและเมียกระทำจนแกร่งไปแล้วตอนนี้”

ประเด็นที่รอยเตอร์ถามว่า เหตุผลหนึ่งที่ถูกยกเลิกวีซ่าเพราะอยู่ระหว่างการขอลี้ภัย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณออกนอกประเทศเสียก่อน และ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “ไม่ ผมยกเลิกการขอลี้ภัย เพราะผมไม่จำเป็น ผมไม่ต้องการคำว่าลี้ภัย ผมต้องการเสรีภาพ เพราะผมเป็นนักประชาธิปไตย ผมต้องการคำว่าเสรีภาพ อะไรที่ไม่มีเสรีภาพผมไม่ชอบ” นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าเป้ฯนักประชาธิปไตยต้องยอมรับกติกา แล้วทำไมกติกาศาลออกมาถึงไม่ยอมรับล่ะ แล้วทำไมสนธิต้องตั้งสัจวาจาว่าจะยอมรับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วใครเป้ฯนักประชาธิปไตยมากกว่ากัน คนเราการที่จะพูดว่าเป็นนักประชาธิปไตยต้องกระทำให้ดู

นายสนธิ กล่าวต่อว่า รอยเตอร์ถามโง่ๆ ที่ว่า “ต่อไปท่านก็จะเป็นบุคคลของโลก เดินทางไปทั่วใช่หรือไม่” ทำไมรอยเตอร์จึงถามว่าทักษิณจะเป็นบุคคลของโลก ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะถามว่า “ต่อไปท่านจะพเนจรไปทั่วโลกใช่ไหม”

กรณีที่รอยเตอร์ถามถึงการกลับมาพิสูจน์ทางการเมือง และ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า ไม่ต้องห่วง มีเวลาเยอะแยะ ยังแข็งแรงดีอยู่ เนลสัน แมนเดลา เขายังสู้ต้องหลายปี นั้น นายสนธิกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณบังอาจเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเนลสัน แมนเดลลา พ.ต.ท.ทักษิณลืมไปว่า เนลสัน แมนเดลลา ไม่เคยหนีคุก เขายอมติดคุกเผด็จการอยู่เป็นสิบๆ ปี

“คุณทักษิณชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับบุคลสำคัญอย่างเนลสัน แมนเดลลา อย่างปรีดี พนมยงค์ อย่างป๋วย อึ๊งภากรณ์ คุณทักษิณไปเทียบอย่างนั้นไม่ได้ คุณทักษิณถ้าเทียบ ต้องไปเทียบกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมัคร สุนทรเวช เฉลิม อยู่บำรุง สล้าง บุนนาค”

ส่วนประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า ตอนนี้แข็งแรงดีอยู่ เพราะได้ออกกำลังตีกอล์ฟ เพียงแต่คอยนั่งสมาธิเพื่อรักษาสุขภาพจิตตัวเอง นายสนธิกล่าวว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณนั่งสมาธิจริง จิตต้องนิ่ง ต้องไม่ฟุ้งซ่านอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

สำหรับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ว่า “ผมจะต้องเริ่มพูดความจริงทีละเรื่องแล้วล่ะ หลายเรื่องผมไม่อยากพูด เพราะมันเป็นเรื่องกระทบคน แต่ว่าวันนี้เมื่อเขาไม่หยุด ผมก็คงต้องพูด” นายสนธิ กล่าวว่า การข่มขู่มาอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงอยากห้าม พ.ต.ท.ทักษิณว่า อย่าช้า ให้รีบพูดมาเลย

ประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะพูดความจริงทีละเรื่อง แต่จะพูดกับคนของตัวเองในที่ชุมนุมโดยไม่ผ่านสื่อ และคงจะต้องเปิดเผยชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ในเมื่อเขาไล่อย่างนี้ มันมากไปแล้ว นายสนธิกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้คุณ ประเทศไทยพิพากษาคุณ แล้วคุณหนีไป ส่วนประเทศอังกฤษเขายกเลิกวีซ่าคุณ ไม่ใช่ประเทศไทยยกเลิก รัฐบอลนอมินีเขายังไม่ยอมยกเลิกพาสปอร์ตคุณเลย เพราะฉะนั้นแล้วการที่ประเทศอังกฤษยกเลิกวีซ่าคุณ รัฐบาลนี้ก็ไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องไปทะเลาะกับรัฐบาลอังกฤษเอาเอง

“คุณต้องไปทะเลากับนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คุณมาโกรธเคืองอะไรเล่า ก็ขนาดรัฐมนตรีต่างประเทศของคุณ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยังแสดงวุฒิภาวะที่ไม่ฉลาด ยังบอกว่าจะสอบถาม เรียกทูตอังกฤษมาถามว่าทำไมถึงยกเลิกวีซ่าทักษิณ ลืมตัวไปแล้วพี่น้อง ทักษิณเป็นใคร ทักษิณคืออาชญากรหนีคุก คุณแค่เอ่ยปากเขาก็อายไปทั่วโลกแล้ว คุณจะให้นายคุณเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสร้างชื่อเสียงหรืออย่างนี้”

ประเด็นที่นักข่าวรอยเตอร์ถามเรื่องของยกเลิกวีซ่า ซึ่งยังไม่ได้รับการแจ้งเป็นทางการ และ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า “ยังไม่ได้รับ ยังไม่มีแผนอะไรเลย ทีมฟุตบอลก็ขายไปแล้ว ธุรกิจที่โน่นไม่มีอะไร ส่วนเรื่องลูกเขาก็แข็งแกร่งพอ เดินทางไปเรื่อยๆ มีบ้านเพื่อนให้พักก็พัก ไม่มีบ้านเพื่อนให้พักก็พักโรงแรม ถ้าไม่มีจริงๆ ก็กางเต็นท์นอนได้” นั้น นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าเล่นละครวิทยุให้มันหนักหนาจนเกินไป ไม่มีที่พักก็กางเต็นท์นอน นี่คือการระบายความเจ็บช้ำน้ำใจ

“คนอย่างผมอยู่ที่ไหนก็ได้ เหมือนผัวโดนเมียไล่ออกจากบ้าน ก็บอกว่าฉันนอนไหนก็ได้ นอนวัดก็ยังได้ ฉันไปหาเพื่อน ไอ้ก้องมันมีห้องให้นอนฉันก็นอน มันไม่มีห้องฉันก็นอนสนามหญ้าหน้าบ้านมันก็ได้ นี่เป็นการพูดแบบประชดประชัน เป็นการพูดจากคนที่ชอกช้ำ

ที่น่าเสียใจที่สุดคือ ไม่รู้เลยหรือ จนวันนี้ไม่รู้เลยหรือว่าที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง มันเกิดขึ้นเพราะมันมีสมุทัย เหตุที่เกิดทุกข์ ตัวคุณนั่นแหละคือตัวการที่ทำให้เกิดทุกข์ แล้วคุณเองไม่เข้าใจหลักไตรลักษณ์ หลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจัง คือทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ตัวคุณเคยเป็นนายกฯ ตอนนี้คุณไมได้เป็น ตัวคุณไม่เคยถูกพิพากษาจำคุก คุณต้องถูกพิพากษาจำคุก ตัวคุณไม่เคยหนีคดีอาญา คุณต้องหนีคดีอาญา คุณตั้งสมัครเป็นนายกฯ สมัครฯก็หนีไม่พ้นหลักอนิจจัง เป็นนายกฯ ไม่เท่าไหร่ก็ต้องออก ต้องไปรักษามะเร็งในตับ ซึ่งจะอยู่หรือจะไปก็ยังไม่รู้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เวลาก็ใกล้จะมาถึง หลักอนิจจังทั้งสิ้น พรรคพลังประชาชน อีกไม่นานก็หลักอนิจจัง คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือ” นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้กำลังรอคำตอบจากผู้ใหญ่ในประเทศจีนก่อน เมื่อไหร่ที่เขาให้พบก็จะต้องไป แต่ว่า ก็รู้สึกกลุ้มใจ ยังไม่ทันไรเลย หลายคนมาจับมือ หลายคนถามเข้ามาทางเว็บไซต์ว่าที่ไปเมืองจีนคราวนี้จะไปพบกับผู้ใหญ่ของทางเมืองจีนแน่หรือ ไม่ได้แอบไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือ ตกลงอะไรกันไว้หรือไม่ โดยนายสนธิกล่าวอย่างติดตลกว่า สงสัยต้องถ่ายวิดีโอไว้ให้ดูตลอด เพื่อยืนยันว่าไม่ได้พบกับทักษิณ พี่น้องยังไม่เชื่อใจกันอีกหรือผ่านมาตั้ง 4-5 ปีแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น