xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ เปิดถนนถึง 5 ธ.ค. "ทักษิณ" ส่งสมุนหาที่ซุกหัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ มีมติให้เปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก 10 ช่องจราจรพร้อมสิ่งกีดขวางทั้งหมดตั้งแต่ 14 พ.ย. ถึง 5 ธ.ค. เตือน "สมชาย" เลิกปัดความรับผิดชอบปัญหาทักษิณ เพราะเมื่อต้องโทษคดีอาญารัฐบาลก็ต้องดำเนินการจะบอกไม่เกี่ยวรัฐบาลไม่ได้ ฉะตำรวจจับอดีตการ์ดพกระเบิดเป็นการดิสเครดิตพันธมิตรฯ “สนธิ” ชำแหละคำสัมภาษณ์ทักษิณ โกหกตลอดเวลา เร่ร่อนนอนเต้นท์ ล่าสุดสมุนไปดูลาดเลา "ดูไบ" ขณะที่ลิ่วล้อแม้วแจ้งจับดำเนินคดีผู้ว่าฯ กทม. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ “อภิรักษ์” วอนอย่านำงานพระราชพิธีสำคัญของพสกนิกรชาวไทยมายุ่งเกี่ยวการเมือง เสธ.ทบ.ขึงขังเรียกร้องหยุดหมิ่นสถาบัน

ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกประกาศฉบับที่ 13/2551 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เพื่อแจ้งให้ทราบว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความพร้อมที่จะเปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก ทั้ง 6 ช่องทางในระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 แม้ว่าจะได้ถูกคุกคามและทำร้ายผู้ชุมนุมด้วยอาวุธสงครามจนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บมาโดยตลอดก็ตาม

แต่หากได้รับทราบว่าจะมีขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่านถนนราชดำเนินนอกเมื่อใดก็จะเปิดเส้นทางดังกล่าวโดยทันที ตามที่ได้เคยเปิดเส้นทางดังกล่าวในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นวันปิยะมหาราชมาแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่าได้มีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนอกมาเป็นถนนหลานหลวงแทนแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้แจ้งให้พี่น้องประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันตามประกาศดังกล่าวข้างต้น
       
แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะได้รับแจ้งให้ทราบว่าได้มีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินแล้ว และแม้ว่าการชุมนุมยังคงถูกคุกคามและถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงครามโดยปราศจากการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม แต่เพื่อยืนหยัดเจตนารมณ์ในการถวายความจงรักภักดีในช่วงเวลาดังกล่าว แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และได้มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้รื้อสิ่งกีดขวางออกจากถนนราชดำเนินนอกออกจาก 10 ช่องการจราจร และทางเดินเท้าทั้งหมด โดยจะไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆทั้งสิ้น ในระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ถึง วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยให้เริ่มทำการรื้อสิ่งกีดขวางทั้งหมดภายหลังจากที่มีมติที่ประชุมในทันที       

อัด“สมชาย”อ้างไม่เกี่ยวไม่ได้

ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (10 พ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถูกทางการอังกฤษ ถอนวีซ่า โดยอ้างว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเป็นเรื่องส่วนตัว

โดยนายพิภพ กล่าวว่า การที่นายสมชายออกมาบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนั้นไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผ่านการพิจารณาพิพากษาลงโทษในฐานะที่ทำผิดกฎหมาย ถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี รัฐบาลต้องมีท่าทีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้แสดงท่าทีนั้นออกมา เช่นเรื่อง พาสปอร์ตแดง หรือพาสปอร์ตทางการทูตการที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษตามคำพิพากษา ฉะนั้น รัฐบาลไทยจะปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพันธมิตรฯจะเดินทางไปยังสถานทูตอังกฤษ เพื่อไปสอบถามเรื่องการยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เรื่องนี้พันธมิตรฯไม่จำเป็นต้องไปถาม เพราะเป็นเรื่องของประเทศอังกฤษ ซึ่งทางประเทศอังกฤษจะแถลงหรือไม่ พันธมิตรฯคงไปถามละลาบละล้วง เพื่อให้ชี้แจ้งกับเรื่องนี้คงทำไม่ได้ ถึงแม้ว่าทางประเทศอังกฤษจะตัดสินอย่างไร พวกเราก็ต้องรับฟัง เพราะเป็นเรื่องของประเทศอังกฤษ

ย้ำการ์ดที่ถูกจับถูกไล่ออกนานแล้ว

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม ใกล้แยกนางเลิ้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์นอกพื้นที่ของพันธมิตรฯ ส่วนกรณีที่ตำรวจจับกุมตัวการ์ดพันธมิตร 2 คน แล้วตำรวจได้ตรวจสอบว่าพกระเบิดนั้น พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า การ์ดพันธมิตรฯ คนดังกล่าวได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับพันธมิตรฯ แล้วชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งทางพันธมิตรฯเห็นว่าไม่เหมาะ จึงให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้ว การ์ดคนดังกล่าวก็ได้กลับมาใหม่ พร้อมกับพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ แล้วตำรวจก็ได้จับตัวไปแล้ว

ส่วนการที่มีบุคคลบางคนอ้างตัวว่าเป็นการ์ดพันธมิตร รวมทั้งการมีบัตรการ์ดพันธมิตรติดตัวนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อมีบุคคลมาอ้างตนเป็นการ์ดฯ พันธมิตรก็ได้ตรวจสอบแล้วบอกว่าไม่ใช่ สำหรับเรื่องที่มีบัตรพันธมิตรติดตัว บุคคลที่เคยเป็นการ์ดก็สามารถมีได้ ซึ่งในระยะแรกทางพันธมิตร อาจไม่ค่อยจะรัดกุมกับเรื่องนี้ จึงทำให้บุคคลที่เคยมีบัตรแต่ไม่ยอมคืนบัตร แล้วนำบัตรพันธมิตรไปอ้างได้ รวมทั้งบัตรพันธมิตรก็สามารถทำปลอมแปลงได้ง่าย

"ถ้าจะตรวจสอบ ก็ควรมาตรวจสอบที่พันธมิตรฯ และถ้าเป็นคนของพันธมิตรฯ เราก็จะรับผิดชอบ สามารถเอากับพันธมิตรได้"

ชี้ตำรวจจ้องดิสเครดิต พธม.

นายพิภพ กล่าวเสริมว่า พันธมิตรฯทำไปตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด แล้วบางทีที่เกิดเหตุอาจจะเป็นบางกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามาทำให้เกิดความวุ่นวายแล้วก็จะอ้างว่า เป็นการ์ดพันธมิตรฯเสมอ แล้วในกรณีดังกล่าว พันธมิตรฯไม่ได้ปัดความรับผิดชอบว่า บุคคลดังกล่าวไม่ใช่การ์ดของพันธมิตรฯ แต่เรามีหลักฐานชัดเจนว่า ได้ให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้ว

นายพิภพ กล่าวว่าการดำเนินการจับกุมผู้ที่มีบัตรหรือมีสัญลักษณ์ว่าเป็นการ์ดพันธมิตรฯนั้น ยืนยันได้เลยว่า เป็นความพยายามของตำรวจที่ต้องการดิสเครดิต การชุมนุมของพันธมิตรฯ ยกตัวอย่างได้จากเรื่องที่อ้างว่าพันธมิตรฯ ไม่เปิดเส้นทางถนนราชดำเนินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคลียร์พื้นที่เป็นต้น ทั้งที่ในความเป็นจริงพันธมิตรฯได้เปิดเส้นทางไว้แล้วและยืนยันว่าจะเปิดในช่วงที่มีพระราชพิธี

พธม.จัดกิจกรรมงานพระศพ

พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า พันธมิตรฯเตรียมจัดกิจกรรมในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงราชนครินทร์ ภายในพื้นที่ชุมนุม ซึ่งต้องรอการประชุมกันก่อน โดยเฉพาะวันที่ 14 -16 พ.ย. พันธมิตรฯ ได้ชักชวนกันใส่ชุดสีดำ สีขาว และสีที่เรียบร้อย เพื่อร่วมกันไว้ทุกข์ในวันดังกล่าว แต่ถ้าจะให้ผู้ชุมนุมทุกคนไปร่วมที่สนามหลวงก็คงจะลำบาก

ปัด "สนธิ" ไปจีนเพื่อพบ "ทักษิณ"

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่ นาย สนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่าจะเดินทางไปยังประเทศจีนว่า นายสนธิบอกว่า จะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเล่าข้อมูลเกี่ยวกับพ.ต.ท. ทักษิณ ให้คนที่รู้จักฟัง ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเดินทางไปวันไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าการเดินทางไปครั้งนี้ของนายสนธิ อาจจะเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เพื่อเจรจาข้อตกลงบางอย่างกัน นายพิภพ กล่าวว่า การเดินทางไปเพื่อพบ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเจรจากัน ตนเชื่อว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการต่อสู้ของพันธมิตรฯได้ดำเนินบนพื้นฐานกฏหมาย โดยคดีความต่างๆ ของพ.ต.ท. ทักษิณ ก็ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว จึงไม่มีความจะเป็นที่จะต้องไปเจรจาหรือตกลงอะไรกัน

ส่วนเรื่องไสยศาสตร์ที่นายสนธิ ได้กล่าวบนเวทีนั้นพล.ต. จำลอง เห็นว่า เป็นเรื่องเล่าสู่กันฟัง ให้ความรู้ ซึ่งหลายเรื่องที่นำมากล่าวบนเวทีก็ไม่ใช่เรื่อง ไสยศาสตร์ เมื่อถามว่าการทีเวทีปราศรัยพันธมิตรฯ ได้นำเรื่องไสยศาสตร์ มากล่าวบนเวทีเป็นประจำจะทำให้แรงสนับสนุนลดน้อยลงหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า บนเวทีปราศรัย ของพันธมิตรฯได้มีการพูดหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องการเมือง เรื่องทางวิชาการ ส่วนเรื่องไสยศาสตร์ ตนคิดว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมมากกว่า และยืนยันว่าการต่อสู้ของพันธมิตรฯไม่ได้นำเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวโยงกับการต่อสู่

ชำแหละคำสัมภาษณ์ "แม้ว"

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าววิเคราะห์ถึงคำพูดและความหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ไว้ว่า จริงๆแล้วทักษิณ จะไปดูไบ เขาให้พวกเขาหาบ้านที่ดูไบไว้แล้ว เขาบอกว่าเขาอยู่ตรงไหนก็ได้ กางเต้นท์นอนก็ยังได้ เขาคงหมายถึง กางเต้นท์ที่สุวรรณภูมิและล้อมรอบด้วยทหาร 600 กว่าคนหรือไง

“เหยียนปิน ได้รับสัญชาติไทย สมัยพลตรีประมาณ อดิเรกสาร แต่เป็นสัญชาติปลอม เพราะไปเอาทะเบียนราษฎร์ของคนที่ตายแล้วเอามาสวม ซึ่งเหยียนปินทำงานกับระบอบทักษิณมาตลอด วิ่งเต้นเรื่องการงาน เป็นคนซังตุง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน มาร่ำรวยเพราะว่าไปได้สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายกระทิงแดงที่ปักกิ่ง มีเพื่อนสนิทหลายคน คือ ไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์ศานต์ ซึ่งไพโรจน์แนะนำให้รู้จักทักษิณ ไพโรจน์สนิทสนมกับชิคทางดูไบ แนะนำชิกให้กับทักษิณ เหยียนปินสนิทสนมกับทักษิณ สมัยที่ทำอีลิทการ์ด เหยียนปินเป็นบริษัทเดียวผูกขาดในจีน ช่วงหลังเป็นนายหน้าให้กับประเทศจีน ใช้สายสัมพันธ์ไทยรักไทย เป็นประธานพรรคไทยรักไทย สาขาปักกิ่ง หลายปีผ่านมา เปิดมาทีละเรื่อง เหยียนปิน ก็วิ่งเต้นเรื่องรถเมล์ 4 พันคัน ด้วยเหตุนี้ ทำไมเขาสนิทสนมกัน ทำมาหากินกันทุกอย่าง”

กรณีที่ทักษิณกล่าวว่า ไม่มีแผน ไปเรื่อยๆ จะออกจากปักกิ่ง ผมไม่คิดไปฟิลิปปินส์ วันนี้สื่อมวลชนมั่วกันติดนิสัยสนธิมันหมด นายสนธิกล่าวว่า ผมได้แต่เวทนา และสงสารทักษิณ เป็นคนที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองทำกรรมอะไรไว้บ้าง ตัวเองต้องถูกหมด ไม่เคยผิด ถูกพิพากษาก็บอกว่ากระบวนการยุติธรรมผิด ถูกสื่อมวลชนว่าก็บอกมั่วเหมือนสนธิ เขาเจ็บแค้นตัวผมมาก แต่ทักษิณไม่เคยหยุดคิดว่าครั้งหนึ่งตั้งแต่ปี 2544 ผมเคยพยายามช่วยเขาด้วยความหวังดี ตอนที่โดนคดีซุกหุ้นผมก็เห็นใจเขา ยุคแรกที่ทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นนายกที่ดีได้ เขาเคยกินก๋วยเตี๋ยวกับผมที่บ้าน ทักษิณบอกขอโทษที่เข้าใจผมผิด สมัยก่อน เราสองคนทะเลาะกันเพราะไอ้เหลิม

“เขาบอกมาเล่นการเมืองครั้งนี้อยากให้ผมสนับสนุนเขา เขารวยแล้วไม่โกง นี่คือความคิดที่หลายคนอยากสนับสนุนเขา แต่ว่าเขาไม่เคยคิดว่าทำไมปี 2547 ผมจึงเริ่มตีตัวออกห่างเขา”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทักษิณส่งคนมาซื้อเอเอสทีวี 1,500 ล้านบาท ถ้าผมเห็นแก่เงินทำไมผมไม่เอา ทักษิณไม่เคยเข้าใจตรงนี้ เป็นอดีตนายกที่มีความพร้อมมากที่สุดคนสนับสนุนทั่วประเทศขอให้ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมืองทำไม่ได้หรือ จงรักภักดีต่อสถาบันด้วยความจริงใจมันยากเกินไปหรือ ถ้าเขายอมเสียภาษีตั้งแต่ตอนนี้เราก็ไล่เขาไม่ได้ เขาพังพินาศเพราะโลภ ทะเยอทะยาน และคิดว่าจะครอบงำไทยสถาปนาเป็นคนเดียวในไทยที่ทุกคนต้องเคารพนับถือเขา เขาไม่เคยยอมรับว่าเขาทำผิด

“เราต่อต้านเขา คัดค้านเขา เขาบอกว่ามั่วเหมือนสนธิมันมั่ว พวกเรามารวมกันจะ 180 วันอยู่แล้ว อันตราย ผมโดนคดีความมาก มีอีกหลายคดี ผมมาเสี่ยงทำไม ไม่เข้าใจหรือ ในไทยยังมีคนที่รักชาติรักบ้านเมืองด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์อยู่โดยไม่หวังอะไรเลย มันมีจริงๆ ตอนที่เราไปจัดการชุมนุมที่สวนลุมฯ เขาเรียกเราว่าพวกจรจัด”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทักษิณแก้ปัญหาตัวเองง่ายนิดเดียว ถ้าวันนั้นเขาออกไปจากไทย ถึงแม้จะหนีหมายจับ เขาเก็บตัวเงียบสนิท ไม่พบใคร ไม่โทรศัพท์สั่งการ ว่าจ้างคนมาที่สนามกีฬา ไม่โฟนอิน วันนี้ก็ไม่มีใครสนใจเขา แต่เขาลืมตัว เขาโกรธ มีโทสะ โมหะ ต้องเอาชนะให้ได้

“เขาทนไม่ไหว ปรากฎว่าอังกฤษเล่นงานเขา ประกาศศึกและบอกว่า เมื่อเขาไม่หยุดผมคงต้องพูด แสดงว่าทักษิณยังไม่รู้ตัวอีก ถ้าพี่น้องจำได้ 19 ก.ย. ที่เขาออกไป เขาบอกว่าเลิกเล่นการเมืองแล้ว เขาโกหกตลอดเวลา”

ทักษิณบอกกับรอยเตอร์ว่า วางแผนอย่างไรไม่บอกแต่ต้องมีแผน อีกไม่กี่วันมีของสนุกมาก ชีวิตเขาเป็นชีวิตที่สร้างสรรไม่ทำลาย มีเรื่องสร้างสรรอีกมาก

นายสนธิย้ำว่า การที่สั่งน้องเขยตัวเองปราบปรามประชาชน นี่ไงชีวิตที่สร้างสรร พูดจาโดยไม่รู้สำนึกแม้แต่นิดเดียว

นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตุว่า ตกลงแล้วทักษิณจะเป็นบุคคลกิติติมศักดิ์ของบาฮามาสหรือไม่ และยังให้สัมภาษณ์ว่า คงต้องรักหลายประเทศ ยังอดคุยโวไม่ได้ ไม่เคยรู้จักประมาณตนเองแม้นิดเดียว ไม่เข้าใจคำว่าอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เหมือนพวกเรา อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าว คนสงสัยมากอยู่เมืองจีนทำธุรกิจ หรือเป็นที่ปรึกษาของบาฮามาส และทักษิณยังกล่าวด้วยว่า ผมมีหลายมิติ สังคมไทยทำอะไรไม่ได้ ก็ไปทำสังคมโลก

ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือยังไง อย่าประหลาดใจมีความเป็นไปได้ เขาอาจจะหาประเทศอะไรก็ได้ จ่ายเงินเพื่ออยู่ที่นั่น แล้วตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่นั่น เขาเหมาะที่จะไปเกาะกงและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่นั่น

แขวะ“แม้ว”หลงตัวเอง

การที่ทักษิณกล่าวว่า โลกเรามี 190 กว่าประเทศผมไปเรื่อย นั่นคือจรจัด เทียบกับริกกี้ นีลสัน ที่เดินทางไปหลายประเทศเพื่อเล่นกีต้าร์ แต่กรณีของทักษิณไปแบบจรจัด การที่ถูกยกเลิกลี้ภัย เขาบอกว่า เขายกเลิกการลี้ภัยที่อังกฤษเอง เพราะไม่จำเป็น ผมต้องการมีเสรีภาพ อะไรที่ไม่มีเสรีภาพผมไม่ชอบ ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยต้องยอมรับกติกา คนเราจะพูดว่าเป็นนักประชาธิปไตยต้องกระทำให้ดูไม่ใช่พูด

“ทักษิณบอกไม่มีเหตุผลต้องกลับ ไม่ต้องห่วงมีเวลามาก แข็งแรงดีอยู่ เขาเอาตัวไปเทียบกับเนลสัน แมนเดล่า แต่เนลสันเขาไม่หนีคุก แต่ทักษิณชอบเอาตัวเองไปเทียบกับคนอย่าง เนลสัน แมนเดล่า ปรีดี พนมยงค์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ไม่ได้ เพราะทักษิณ ถ้าเทียบต้องเทียบกับณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, เฉลิม อยู่บำรุง, สมัคร สุนทรเวช, สล้าง บุนนาค เป็นต้น”

นายสนธิตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าหากทักษิณนั่งสมาธิจริง จิตต้องนิ่ง ไม่ฟุ้งซ่านอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่การที่ทักษิณบอกว่า เมื่อเขาไม่หยุดผมจึงต้องพูด ตรงนี้นายสนธิบอกว่าคือกระบวนการข่มขู่แบล็คเมล์กลับมาอีกแล้ว

ทักษิณอ้างว่าการชุมนุมคราวหน้าไม่ต้องผ่านทีวี พูดกับฐานเสียงตรงๆจะได้เปิดเผยชื่อได้ ที่ขอนแก่น อุดรธานี จะโทรมาอีก พูดให้ยาวขึ้น จะเปิดเผยชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

"ลิ่วล้อแม้ว" แจ้งจับ "อภิรักษ์"

เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้กรณีที่นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความจากสำนักกฏหมายนิติเอกราช จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานกฏหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องหาคดีที่ดินรัชดาฯ ว่าจ้างให้ว่าความหลายคดี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นิทัศน์ ศรีกฤษณรักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3 ) กองบังคับการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก. ป.ป.ป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานครปี 2523 กรณีที่ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯยึดทำเนียบรัฐบาล และปิดล้อมเส้นทางสัญจร ที่เป็นสาธารณะประโยชน์ โดยเฉพาะถนนราชดำเนิน และสะพานมัฆวานรังสรรค์ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อไปยังมณฑลพิธีในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ช่วงระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.นี้ นั้น

นายพิชา ให้การว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่ยอมเปิดถนนราชดำเนินช่วงสะพานมัฆวานรังสรรค์ อย่างแน่นอน ทำให้ตำรวจเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเป็นถนนหลานหลวงแทนอันเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างใหญ่หลวง และเป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ กทม.แต่ นายอภิรักษ์ กลับไม่ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ นายอภิรักษ์ ตามกฏหมายต่อไป

ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาและมอบเรื่องให้ ปปช.พิจารณาต่อไป

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด และไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจะมอบหมายให้ นางพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. และสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักปลัดกทม.เข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมาย และเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าการทำงานของผู้ว่าฯกทม. นั้นจะต้องมีหน่วยงานหลายฝ่ายเข้ามาทำงานร่วม และเกี่ยวข้อง

ต่อข้อถามที่ว่า มองประเด็นดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า มองได้เป็น2ประเด็น คือ ประเด็นข้อกฎหมาย ส่วนประเด็นกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าประชาชนจะมองออก

อย่างไรก็ตามเรื่องของสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้ ตนไม่อยากให้นำไปโยงกันกับเรื่องงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

"ประยุทธ์" จี้เลิกหมิ่นสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขานุการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นประธานกล่าวมอบนโยบาย และแนวทางปฏิบัติด้านมวลชนแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อความมั่นคง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และปลูกจิตสำนึกให้มวลชนรู้จักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยมีมวลชน จากสมาคมนักจัดรายการข่าว วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ และมวลชนของ กอ.รมน.รวม 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ความจงรักภักดีคืออะไร ไม่มีคำจำกัดความ เพราะอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน เราทุกคนต้องช่วยกันทำ เราทุกคนมีหัวใจดวงเดียว คือ รักพระองค์ท่าน เราต้องอธิบายให้คนเข้าใจถึงความจงรักภักดี คำว่าจงรักภักดีไม่ต้องอธิบายว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปจับคนที่ด่าทุกวันหรือไม่ หรือต้องไปฆ่าทิ้ง คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เราต้องทำให้พระองค์ท่านทรงสบายพระทัย ทำให้ท่านหมดห่วงเสียทีว่า เราไปด้วยกันได้

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การสร้างความจงรักภักดีเป็นหน้าที่ของทุกคน และทุกคนจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน วันนี้ต้องการให้มวลชน กอ.รมน. ใน 50 เขตของกรุงเทพฯไปแจ้งไปเตือนกับผู้ที่ทำไม่ถูกกฎหมายให้หยุดและเลิก ส่วนผู้ที่ทำความผิดชัดเจนก็นำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

กองทัพแก้วิกฤติอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ถูกสังคมกดดันให้กองทัพออกมาแก้วิกฤติ บ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาทุกส่วนไม่มีใครอยู่เฉย ทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่บางทีพูดไม่ได้ หากใช้คำว่ากดดันคงไม่ถูก เพราะเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ เราทำอยู่ แต่บางอย่างพูดได้ บางอย่างพูดไม่ได้ ดังนั้น ไม่ใช่ทุกเรื่องต้องชี้แจงคงไม่ได้

ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ระบุว่าได้นำผ้าอนามัยวางที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ ตำรวจ ทหารมี พ.ร.บ.ทหารอยู่ การดำเนินการเป็นหน้าที่ตำรวจ เราดำเนินการ แจ้งความอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ หากมีความผิดจริงต้องดำเนินการ ในสังคมเป็นเรื่องที่ทุกคนในชาติต้องปฏิบัติ

ส่วนที่มีกลุ่มที่พยายามดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวการเมืองมากหรือน้อย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีส่วนน้อยที่ดำเนินการอยู่ จะว่ามากหรือน้อยคงไม่ได้ แต่เราต้อง ดำเนินการให้เลิก เมื่อถามว่า การเอาผิดกับผู้หมิ่นสถาบันจะทำเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราทำทุกกลุ่ม หากใครทำผิดต้องรับผิด เราไม่แบ่งเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง เราดำเนินการกับทุกกลุ่ม

ส่วนพันธมิตรยังมีความชอบธรรมในการชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้สังคมไทยเป็นคนตัดสินว่าสมควรแค่ไหนหรือไม่ วันนี้ประชาชนต้องมาช่วยกันดูแลให้บ้านเมืองปลอดภัยให้ผ่านช่วงเวลาไม่สงบนี้ให้ได้ ทั้งนี้ การพูดจากันดีกว่าทำอย่างอื่น

พธม.ยะลาชูมือตบรับ "ขุนค้อน"

วานนี้ (10 พ.ย.) เวลา 13.15 น.ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 1 เส้นทางสายสะเตง-ท่าสาป (เส้นทางลัด) ทางไปเรือนจำยะลา ในเขตเทศบาลนครยะลา มีกลุ่มพันธมิตรฯกว่า 50 คน สวมเสื้อสีเหลืองรวมตัวพร้อมยกป้ายขับไล่ เมื่อรู้ว่าจะมีขบวนรถของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ที่ขับผ่านหลังเสร็จสิ้นภารกิจไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดยะลา ทำให้ พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก.สภ.เมืองยะลา ต้องระดมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไปควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนรถของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ พร้อมด้วย นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา ขับผ่านมา โดยมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ทางกลุ่มพันธมิตรฯยะลา ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อสีเหลืองโพกผ้าที่ศีรษะข้อความ 'กู้ชาติ' ได้ยกป้ายมีข้อความว่า "หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น I ทักษิณ ป๋าหมัก" ต่อท้ายด้วย "หมา และ E เพ็ญ" ลงชื่อ พันธมิตรยะลา, "ลูกจีนยะลากู้ชาติ ดีกว่าลูกพระยาขายชาติ", "ใต้สุดสยามยะลามาแล้ว ไล่รัฐบาลชั่ว" เป็นต้น

เจ้าหน้าที่ได้พยายามให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง จนสถานการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น