ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และผู้บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด กล่าวปฏิเสธข่าวที่ว่าได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับบริจาคเงิน 250 ล้านบาทให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2548 สมัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค ข่าวที่ออกมาเป็นการโกหก บิดเบือนเพราะตนไม่เคยให้สัมภาษณ์เลยตั้งแต่ออกจากการเมือง ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร
นายประชัย กล่าวว่าเงิน 250 ล้านบาทเป็นการจ่ายค่าทำโฆษราประชาสัมพันธ์ของ บริษั? ทีพีไอ โพลิน อย่างเดียว ไม่เคยคิดที่จะนำเงินไปบริจาคให้กับพรรคการเมืองใดเลยทั้งสิ้น และ เงินดังกล่าวไม่มีนโยบายไปช่วยเหลือ พรรคการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ขอให้ไปตรวจสอบกับนายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เพื่อจะได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรค กล่าวว่าการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดประเด็นในเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลินในปี 2548 โดยจะขยายประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ว่า การเลือกเปิดประเด็นเรื่องเงินบริจาค เป็นการเปิดประเด็นการเมือง เพื่อเรียกร้องความสนใจของประชาชน หรือลิเกออกแขก เป็นการโหมโรงเรียกคนดู ตนก็เข้าใจ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ที่เคยมีส.ส.พรรคพลังประชาชน เคยมานำอภิปรายในสภาครั้งที่เป็นนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ถ้าเป็นความจริงก็คงไม่ปล่อยพรรคประชาธิปัตย์มานานขนาดนี้ คงต้องใช้เงื่อนไขการเป็นรัฐบาลดึงข้อมูลจากดีเอสไอ และกรมสรรพากรมาดำเนินการ กับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และในขณะนั้นผมเป็นกรรมการบริหารพรรค และรองผอ.พรรค ก็ไม่เคยเห็นเรื่องการบริจาคเงินเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเลย
อยากแนะนำร.ต.อ.เฉลิมว่า ถ้าจะอภิปรายก็ให้ไปขอมติจากพรรคเพื่อไทย มาให้ได้ก่อน เพราะมติพรรค ไม่ใช่มาจากการปรบมือ และถ้าหากมีการนำเรื่องนี้เข้ามา อภิปรายในสภา ก็อยากเห็นบทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประกาศต่อสังคมไทยว่า จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่กลับอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน หรืออาจจะเป็นเพราะนายใหญ่ยังไม่กดไฟเขียวให้เป็น หรืออาจเข็ดขยาดจากความ ล้มเหลวในการเป็นหัวหน้าพรรคมวลชนก็เป็นได้
น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับเงิน 250 ล้านบาท กล่าวว่าตนลาออกจาก บริษัท แมซไซอะบิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ตั้งแต่ปี 2544 และตามข่าวเป็นการจ่าย ค่าโฆษณาเมื่อปี 2548 แสดงว่าเหตุเกิดหลังที่ตนลาออกจากบริษัทแล้ว และตนก็ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ส่วนที่บอกว่านายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง บิดาของตนเป็นกรรมการบริษัทก็ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเป็นการสร้างข่าวให้ปั่นป่วนมากกว่า
นางสาวสุพัชรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ภายหลังการประชุมสภาฯ ตนได้พบกับนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย โดยบังเอิญ ที่บริเวณลานจอดรถ รัฐสภา โดยนายสุนัย ได้เดินเข้ามาพูดกับตนว่า เดี๋ยวจะอภิปรายให้รู้กันไปเลยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งการพูดดังกล่าวไม่ทำให้ตนรู้สึกเกรงกลัวอะไร เพราะไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เนื่องจากมั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่
นายประชัย กล่าวว่าเงิน 250 ล้านบาทเป็นการจ่ายค่าทำโฆษราประชาสัมพันธ์ของ บริษั? ทีพีไอ โพลิน อย่างเดียว ไม่เคยคิดที่จะนำเงินไปบริจาคให้กับพรรคการเมืองใดเลยทั้งสิ้น และ เงินดังกล่าวไม่มีนโยบายไปช่วยเหลือ พรรคการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ขอให้ไปตรวจสอบกับนายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เพื่อจะได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรค กล่าวว่าการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดประเด็นในเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลินในปี 2548 โดยจะขยายประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ว่า การเลือกเปิดประเด็นเรื่องเงินบริจาค เป็นการเปิดประเด็นการเมือง เพื่อเรียกร้องความสนใจของประชาชน หรือลิเกออกแขก เป็นการโหมโรงเรียกคนดู ตนก็เข้าใจ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ที่เคยมีส.ส.พรรคพลังประชาชน เคยมานำอภิปรายในสภาครั้งที่เป็นนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ถ้าเป็นความจริงก็คงไม่ปล่อยพรรคประชาธิปัตย์มานานขนาดนี้ คงต้องใช้เงื่อนไขการเป็นรัฐบาลดึงข้อมูลจากดีเอสไอ และกรมสรรพากรมาดำเนินการ กับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และในขณะนั้นผมเป็นกรรมการบริหารพรรค และรองผอ.พรรค ก็ไม่เคยเห็นเรื่องการบริจาคเงินเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเลย
อยากแนะนำร.ต.อ.เฉลิมว่า ถ้าจะอภิปรายก็ให้ไปขอมติจากพรรคเพื่อไทย มาให้ได้ก่อน เพราะมติพรรค ไม่ใช่มาจากการปรบมือ และถ้าหากมีการนำเรื่องนี้เข้ามา อภิปรายในสภา ก็อยากเห็นบทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประกาศต่อสังคมไทยว่า จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่กลับอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน หรืออาจจะเป็นเพราะนายใหญ่ยังไม่กดไฟเขียวให้เป็น หรืออาจเข็ดขยาดจากความ ล้มเหลวในการเป็นหัวหน้าพรรคมวลชนก็เป็นได้
น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับเงิน 250 ล้านบาท กล่าวว่าตนลาออกจาก บริษัท แมซไซอะบิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ตั้งแต่ปี 2544 และตามข่าวเป็นการจ่าย ค่าโฆษณาเมื่อปี 2548 แสดงว่าเหตุเกิดหลังที่ตนลาออกจากบริษัทแล้ว และตนก็ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ส่วนที่บอกว่านายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง บิดาของตนเป็นกรรมการบริษัทก็ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเป็นการสร้างข่าวให้ปั่นป่วนมากกว่า
นางสาวสุพัชรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ภายหลังการประชุมสภาฯ ตนได้พบกับนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย โดยบังเอิญ ที่บริเวณลานจอดรถ รัฐสภา โดยนายสุนัย ได้เดินเข้ามาพูดกับตนว่า เดี๋ยวจะอภิปรายให้รู้กันไปเลยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งการพูดดังกล่าวไม่ทำให้ตนรู้สึกเกรงกลัวอะไร เพราะไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เนื่องจากมั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่
