ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เวทีคอนเสิร์ตการเมือง”ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย”จ.อุดรฯ 14 กุมภาฯ พร้อมต้อนรับพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศ สถานที่เปิดปราศรัยหนองประจักษ์จุคนได้กว่า 5 หมื่น เผยกิจกรรมเวทีมีต่อเนื่องถึงรุ่งสางของวันที่ 15 กุมภาฯ ถ่ายทอดตลอดงานทางช่อง E-sarn discovery ย้ำระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ทั้งการ์ดพันธมิตรฯ-ตำรวจ-ทหารเต็มอัตรา เชื่อเสื้อแดงไม่กล้ายุ่งเพราะมีภาพลักษณ์จังหวัดเป็นเดิมพัน ด้านผู้ว่าฯอุดรเผย ทุกหน่วยในจังหวัดพร้อมรับสถานการณ์ โดยใช้แผน กรกฎ 48 คุมสถานการณ์ พร้อมตรึงกำลังทหาร ตำรวจ อส.ร่วม 2,000 รอบบริเวณงาน ชี้งานนี้แลกด้วยภาพลักษณ์ของประเทศไม่ใช่เฉพาะจังหวัดอุดรฯเท่านั้น
นายเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานี เปิดเผยถึงการจัดงานคอนเสิร์ตการเมือง ภาคพิเศษ “ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย”ในวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่าพันธมิตรฯอุดรธานี พร้อมที่จะต้อนรับพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศที่จะเดินทางมาร่วมงานอย่างเต็มที่ โดยมีพี่น้องพันธมิตรฯจากทั่วทุกภาคติดต่อแจ้งว่าจะพากันมาร่วมงานให้ได้อย่างแน่นอน ถือเป็นพื้นที่ที่ท้าทายต่อการเปิดประตูเพื่อสร้างการเมืองใหม่เป็นอย่างมาก ชาวอุดรฯจำนวนไม่น้อยยังไม่มีโอกาสรับทราบปมปัญหาที่แท้จริงของชาติบ้านเมือง และเข้าใจต่อเจตนารมณ์ของการเมืองใหม่ เพราะถูกนักการเมือง-ข้าราชการในระบอบทักษิณครอบงำ กดทับไว้
นายเจริญกล่าวว่าพื้นที่ของหนองประจักษ์ บริเวณลานโล่งที่ตั้งเวที คาดว่าจะจุพี่น้องที่มาร่วมฟังปราศรัยทางการเมืองได้ประมาณ 30,000 คน หากจำนวนคนมาร่วมงานมากกว่านั้น คณะผู้จัดงานฯก็ได้เตรียมจอโปรเจกเตอร์รองรับพื้นที่รอบๆบึงอีก 5 จอ น่าจะสามารถรองรับพี่น้องพันธมิตรฯได้หมด เรื่องสถานที่ไม่น่าจะมีปัญหา มากันมากเท่าไหร่ก็รองรับได้หมด
ส่วนประเด็นปัญหาด้านความปลอดภัย อยากให้พี่น้องพันธมิตรฯสบายใจได้ มีการ์ดอาสาคอยดูแลรอบๆสถานที่จัดงานเพียงพอ หลายจังหวัดทั้งภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคอีสานได้จัดส่งการ์ดเข้าร่วมสมทบการรักษาความปลอดภัยจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าการจัดเวทีปราศรัยครั้งนี้ไม่ซ้ำรอยเดิมกรณีเหตุการณ์เสื้อแดงรุมตีพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551
นอกจากนี้ยังจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 กองร้อย กองกำลังทหารทั้งจากทหารบก ทหารอากาศอีกจำนวนหลายร้อยนายมาช่วยดูแลความเรียบร้อยบริเวณงานอีกด้วย การจัดงานของพันธมิตรฯครั้งนี้มีความหมายต่อชาวอุดรฯเป็นอย่างมากที่จะช่วยลบล้างภาพลักษณ์เดิมๆที่ถูกมองว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
นายเจริญกล่าวอีกว่า เวทีคอนเสิร์ตการเมือง ภาคพิเศษให้รักเราท่วมท้นประเทศไทยครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดตลอดงานทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่อง E-sarn discovery ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป และกิจกรรมบนเวทีทั้งการปราศรัยของแกนนำรุ่น 1 และ 2 และดนตรี จะมีต่อเนื่องจนรุ่งสาง เพราะวิทยากรที่ต้องการขึ้นปราศรัยมีจำนวนมาก อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องจัดกิจกรรมจนถึงเช้าของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพื่อจะได้ช่วยดูแลพี่น้องพันธมิตรฯให้ได้รับความปลอดภัย ไม่ต้องเดินทางกลับช่วงดึกๆ
“อาหารและเครื่องดื่ม มีพ่อยก แม่ยกทั้งในจังหวัดอุดรธานีและต่างจังหวัดเสนอที่จะมาตั้งเต็นท์บริการฟรีมากกว่า 20 เต็นท์ รับประทานฟรีตลอดงานและเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เราก็จะบริการอาหารเช้าฟรีอีกด้วย ที่สำคัญ กาแฟและขนมครกรสเด็ดที่มีให้ทานตอนชุมนุมในทำเนียบฯก็จะมาบริการในงานนี้ด้วย”นายเจริญกล่าว
อุดรฯงัดแผน“กรกฎ 48”คุมเวทีพันธมิตรฯ
นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงกรณีในวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมาจัดงานคาราวานพันธมิตรฯเพื่อการเมืองใหม่ ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ใจกลางเมืองอุดรธานี ว่า จังหวัดได้มีการประชุมเตรียมพร้อมกันมาหลายรอบแล้ว โดยเฉพาะครั้งล่าสุด วานนี้ (12 ก.พ.)จังหวัดก็ได้เตรียมพร้อมซักซ้อมในแผนทุกแผนที่เตรียมการไว้
แผนดูแลความเรียบร้อยเริ่มตั้งแต่ที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้ามาในพื้นที่อุดรฯ รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยวันงานด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้แผน กรกฎ 48 ในวันดังกล่าว คือวางกำลังตำรวจ ทหาร อส. อพปร.รวม 2,000 คน
ในส่วนการตั้งจุดตรวจ ก็จะมีการวางกำลังเป็น 3 ชั้น คือชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นในหนองประจักษ์ ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งเราจะวางกำลังแต่ละจุดตรวจ และตรวจอาวุธทุกคน โดยจะปิดสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์จนถึงเวลา 10.00 น.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ในวันงาน 14 กุมภาพันธ์ ก็จะมีเครื่องตรวจระเบิดมาตรวจสอบผู้ที่เข้าไปในงานด้วย
สิ่งที่ตนกังวลใจมากที่สุดก็คือ เส้นทางระหว่างการเดินทางจากที่พักกับบริเวณงานของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ฝากเรื่องนี้ไปยังผู้ประสานงานว่า ให้ช่วยแจ้งให้จังหวัดได้ทราบวันเวลาสถานที่พัก และการเดินทางด้วย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย เข้างาน ซึ่งจะได้วางกำลังช่วย รปภ.ในจุดนี้ให้
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามทราบว่าในขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ต่างก็ใช้สื่อที่มีอยู่ของตัวเอง ประกาศรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาร่วมงานของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งทราบว่าแต่ละฝ่ายมีมาจากต่างจังหวัดรวมกลุ่มละประมาณ 5,000 คน โดยยิ่งใกล้วันต่างฝ่ายก็ยิ่งพากันรณรงค์กันมากขึ้น ก็ขอวิงวอนทั้ง 2 ฝ่ายว่า การที่ปากท่านบอกว่ารักชาติรักพระมหากษัตริย์ ก็ขอให้ท่านรักจริง ๆ อย่ารักแต่พูด ขอให้ท่านปฏิบัติด้วย จึงไม่อยากให้รณรงค์หรือประชาสัมพันธ์ในลักษณะท้าทายด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ปิดสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ปิดเฉพาะวงรอบชั้นในเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนของกลุ่มคนที่ใช้เต้นแอโรบิก ก็ขอร้องเพียง 2 วัน ส่วนรอบนอกก็ยังให้ประชาชนมาใช้ออกกำลังกายได้อยู่ รวมทั้งเส้นทางหน้าโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และ โรงแรมวัฒนา ซึ่งอยู่ริมสวนสาธารณะฯ จะปิดเฉพาะจุดที่ใกล้โรงพยาบาลเท่านั้น รถพยาบาลยังคงวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลได้อยู่
ในส่วนเรื่องภาพลักษณ์ของอุดรธานี อยากจะแจ้งให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทราบว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นภาพลักษณ์ของอุดรฯ อย่างเดียวเท่านั้น เป็นภาพลักษณ์ของประเทศด้วย เพราะในขณะนี้นักท่องเที่ยวทุกแห่งของประเทศต่างก็ลดน้อยลงไปมาก ก็เพราะไม่มั่นใจในความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ก็เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ของอุดรฯ
“โดยเฉพาะผมเป็นคนอุดรฯด้วย บาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 51 ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ก็อยู่ในความทรงจำของเราชาวอุดรฯ ทุกคน เราจะต้องช่วยกันแก้ไข ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 52 จะเป็นวันพิสูจน์ว่าเรามีภาพลักษณ์ที่ดี รักสงบ รักสามัคคี จะพยายามพูดจากัน ตนคิดว่าถ้าไม่มีการท้าทายกัน ไม่มีการรณรงค์ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง แต่ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่พยายามที่จะสร้างความเข้าใจกับแต่ละฝ่าย ก็น่าเป็นห่วงอยู่”
นายอำนาจ กล่าวต่ออีกว่า หากเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีการปะทะกันจริงก็ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัด โดยเฉพาะ โรงพยาบาลศูนย์อุดรฯ และ โรงพยาบาลวัฒนา ฯ ที่อยู่ใกล้บริเวณสวนสาธารณะฯ มากที่สุด ที่จะมาคอยดูแล ส่วนการวางกำลังป้องกันนั้นคราวที่แล้วเรามีบทเรียนมาแล้ว ในครั้งนี้จึงได้เตรียมไว้ถึง 3 ชั้นด้วยกัน และวางกำลังมากเป็นพิเศษ
ในขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือไปยังสื่อทุกสื่อ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจไม่ให้ก่อความรุนแรงกัน ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรฯ ประกาศว่าในครั้งนี้ถ้าหากเกิดมีการปะทะกันทางกลุ่มไม่มีส่วนร่วมด้วยนั้น ตนก็จะว่ากันไปตามกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องรับผิดชอบไป
“หากมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ตนได้สั่งการให้หน่วยงานทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร อส.และ อปพร.แล้วว่า ห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องแก๊สน้ำตานั้นให้เก็บให้หมด” นายอำนาจกล่าว
มทบ.24 เตรียมพร้อมระงับเหตุรุนแรง
ด้านการเตรียมพร้อมของทหารในการรักษาความปลอดภัยการจัดเวทีวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นั้น เมื่อวันที่ 11กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุม 1 กองบัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม พลตรีชูรัช เสน่ห์เมือง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 ได้เปิดการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน
พลตรีชูรัช กล่าวว่า ตามที่ได้มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และแนวร่วมทั่วประเทศจะเดินทางมาจัดงาน คาราวานพันธมิตรฯเพื่อการเมืองใหม่ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 และมีกลุ่มแนวร่วมชมรมคนรักอุดรจะออกมาต่อต้านการชุมนุม ซึ่งทั้งสองกลุ่มจะมีมวลชนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรง มณฑลทหารบกที่ 24 มีความห่วงใยในสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยความสำนึกรับผิดชอบในความเป็นพี่น้องร่วมชาติ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติการให้เหมาะสมตามกรอบของกฎหมายในทุกสถานการณ์ ตามขั้นตอนอย่างเข้มแข็ง และเต็มความสามารถโดยไม่เลือกปฏิบัติ
กรณีวันที่ 14 กุมภาพันธ์หากมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น จะทำให้ภาพลักษณ์อันดีงามของจังหวัดอุดรธานีเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง และจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของจังหวัดในอนาคตด้วย จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าให้คิดถึงความสงบสุขของบ้านเมือง ซึ่งหากทุกคนให้ความร่วมมือจะเป็นการรักษาภาพลักษณ์อันดีงามของจังหวัดอุดรธานี ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนไทยทั่วประเทศตลอดไป
“ขณะนี้ตนก็ได้เตรียมกำลังไว้แล้วในที่ตั้ง เพื่อให้การสนับสนุนหากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร้องขอมา ซึ่งมั่นใจว่าพอเพียงที่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างแน่นอน ในส่วนตัวตนมีความเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เราไม่ห่วงในเรื่องการปฏิบัติที่จะแก้ปัญหา เรามีความพร้อมสูงสุด ซึ่งในการชุมนุนครั้งนี้ไม่ว่าเสื้อสีอะไรจะแดงหรือเหลืองก็ไม่ควรที่จะทำอะไรให้รุนแรง ก็ขอให้ชุมนุมกันโดยสันติ ”
