ASTVผู้จัดการรายวัน - กบง.เห็นชอบขยับภาษีสรรพสามิตน้ำมันรอบ 2 ส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับทันทีทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้ กองทุนฯ รับภาระลดลงจาก 125 ล้านบาทต่อวันเหลือ 89 ล้านบาทต่อวัน ชี้ก๊อก 3 ยังมีอีก เฉลี่ยแก๊สโซฮอล์ 2-3 บาทต่อลิตร ดีเซล 1.58 บาทต่อลิตร ด้านผู้ค้าขึ้นตามทันที ส่วนค่าการตลาดดีเซลพุ่งทะลุ 2 บาทต่อลิตร ค่อยพิจารณาวันนี้
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (12 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งที่ 2 ด้วยการเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันทุกชนิดยกเว้นเบนซิน 91,95 อีก 60 สตางค์ต่อลิตรส่งผลให้ราคาขายปลีกต้องปรับขึ้นตามทันทีมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.เป็นต้นไป ดังนั้นปั๊มทั่วประเทศ 1.8 หมื่นแห่ง จะต้องปิดจำหน่ายหลัง 24.00 น.ของวันที่ 12 ก.พ.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเช็คสต็อกน้ำมันซึ่งแต่ละแห่งใช้เวเลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็พร้อมจำหน่ายได้ทันที
“ การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งแรกมีผล 1 ก.พ.52 นั้นยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะเกรงว่าจะกระทบประชาชนจึงทยอยขึ้นแทนดังนั้นแม้ว่าการขึ้นครั้งที่ 2 อีก 60 สตางค์ต่อลิตรก็ยังคงมีส่วนที่เหลือที่รอการขึ้นอีกรอบ 3 คือ แก๊สโซฮอล์ 91และ 95 อีก 2.88 บาทต่อลิตร ,อี 20 อีก 2.33 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี2) 1.58 บาทต่อลิตรและบี 5 อีก 0.26 บาทต่อลิตรซึ่งกบง.จะดูช่วงที่ราคาตลาดโลกลดต่ำลงเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค”รมว.พลังงานกล่าว
ผลจากการเก็บอัตราเงินกองทุนฯเพิ่มส่งผลให้ภาระกองทุนจากเดิมที่จะต้องเข้าไปพยุงการขึ้นภาษีฯเป็นเงิน 1,498 ล้านบาทในรอบแรกหรือคิดเป็น 125 ล้านบาทต่อวันเหลือ 89 ล้านบาทต่อวันซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯปรับดีขึ้นโดยอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ใหม่เป็นดังนี้
เบนซิน 95 เก็บอัตราเดิม 7 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อัตราเดิม 4 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เดิมชดเชย 1.13 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 0.53 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เดิมชดเชย 1.73 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 1.13 บาทต่อลิตร อี 20 เดิมชดเชย 3.23 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 2.63 บาทต่อลิตร อี 85 ชดเชย 7.1 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 6.5 บาทต่อลิตร ดีเซล(บี 2 ) จากเดิมชดเชย 0.48 บาทต่อลิตรเป็นจัดเก็บที่ 0.12 บาทต่อลิตร บี 5 จากชดเชย 1.06 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 0.46 บาทต่อลิตร
สำหรับนโยบายการดูแลนำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีที่ประชุมกบง.ครั้งนี้ยังไม่มีการพิจารณาแต่หากการนำเข้ายังคงต้องมีอยู่และเกินเพดานหมื่นล้านบาทก็จะใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯมาดูแล อย่างไรก็ตามยอดใช้แอลพีจีโดยรวมลดลง 9.9% โดยมียอดใช้ 10.53 ล้านกิโลกรัม/วัน โดยนอกจากยอดใช้อุตสาหกรรม/ปิโตรเคมีลดลงแล้ว ยอดใช้ภาคขนส่งก็ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 15.1% หรือมียอดใช้เพียง 1.80 ล้านกิโลกรัม/วัน คาดว่าเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำ ให้ผู้ใช้แอลพีจีกลับไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจคือ ยอดใช้ในภาคครัวเรือนยังคงเพิ่มขึ้น 2.6% หรือมียอดใช้ 5.95 ล้านกิโลกรัม/วันจากที่ยอดเฉลี่ยปีที่แล้วมีเพียง 5.80 ล้านกิโลกรัม/วัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มมีทิศทางที่ปรับลดลงเล็กน้อยส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มดีเซลที่ขณะนี้ค่าการตลาดบี 2 อยู่ที่ 2.11 บาทต่อลิตร บี 5 อยู่ที่ 2.60 บาทต่อลิตร ขณะที่กลุ่มแก๊สโซฮอล์นั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.30-1.40 บาทต่อลิตร ดังนั้นหากพิจารณาค่าการตลาดแล้วกลุ่มดีเซลน่าจะสามารถปรับราคาลดลงได้หากตลาดโลกมีการปรับลดลงหรือไมเปลี่ยนแปลง 1-2 วันนี้
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.บางจาก กล่าวว่า บางจากฯจะปรับราคาขายปลีกนั้นสะท้อนตามการขึ้นภาษีสรรพสามิตคือปรับขึ้นทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตรเว้นเบนซิน 91 และ 95 มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.นี้เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนระหว่างการขึ้นภาษีฯกับการเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลก ดังนั้นหากพิจารณาค่าการตลาดแล้วดีเซลมีโอกาสปรับลดลงได้โดยจะขอดูน้ำมันตลาดโลกปิดตลาดวันที่ 12 ก.พ.ก่อนหากไม่ขึ้นก็จะทำการปรับลดราคาช่วงสุดสัปดาห์นี้.
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (12 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งที่ 2 ด้วยการเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันทุกชนิดยกเว้นเบนซิน 91,95 อีก 60 สตางค์ต่อลิตรส่งผลให้ราคาขายปลีกต้องปรับขึ้นตามทันทีมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.เป็นต้นไป ดังนั้นปั๊มทั่วประเทศ 1.8 หมื่นแห่ง จะต้องปิดจำหน่ายหลัง 24.00 น.ของวันที่ 12 ก.พ.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเช็คสต็อกน้ำมันซึ่งแต่ละแห่งใช้เวเลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็พร้อมจำหน่ายได้ทันที
“ การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งแรกมีผล 1 ก.พ.52 นั้นยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะเกรงว่าจะกระทบประชาชนจึงทยอยขึ้นแทนดังนั้นแม้ว่าการขึ้นครั้งที่ 2 อีก 60 สตางค์ต่อลิตรก็ยังคงมีส่วนที่เหลือที่รอการขึ้นอีกรอบ 3 คือ แก๊สโซฮอล์ 91และ 95 อีก 2.88 บาทต่อลิตร ,อี 20 อีก 2.33 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี2) 1.58 บาทต่อลิตรและบี 5 อีก 0.26 บาทต่อลิตรซึ่งกบง.จะดูช่วงที่ราคาตลาดโลกลดต่ำลงเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค”รมว.พลังงานกล่าว
ผลจากการเก็บอัตราเงินกองทุนฯเพิ่มส่งผลให้ภาระกองทุนจากเดิมที่จะต้องเข้าไปพยุงการขึ้นภาษีฯเป็นเงิน 1,498 ล้านบาทในรอบแรกหรือคิดเป็น 125 ล้านบาทต่อวันเหลือ 89 ล้านบาทต่อวันซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯปรับดีขึ้นโดยอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ใหม่เป็นดังนี้
เบนซิน 95 เก็บอัตราเดิม 7 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อัตราเดิม 4 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เดิมชดเชย 1.13 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 0.53 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เดิมชดเชย 1.73 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 1.13 บาทต่อลิตร อี 20 เดิมชดเชย 3.23 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 2.63 บาทต่อลิตร อี 85 ชดเชย 7.1 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 6.5 บาทต่อลิตร ดีเซล(บี 2 ) จากเดิมชดเชย 0.48 บาทต่อลิตรเป็นจัดเก็บที่ 0.12 บาทต่อลิตร บี 5 จากชดเชย 1.06 บาทต่อลิตรเหลือชดเชย 0.46 บาทต่อลิตร
สำหรับนโยบายการดูแลนำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีที่ประชุมกบง.ครั้งนี้ยังไม่มีการพิจารณาแต่หากการนำเข้ายังคงต้องมีอยู่และเกินเพดานหมื่นล้านบาทก็จะใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯมาดูแล อย่างไรก็ตามยอดใช้แอลพีจีโดยรวมลดลง 9.9% โดยมียอดใช้ 10.53 ล้านกิโลกรัม/วัน โดยนอกจากยอดใช้อุตสาหกรรม/ปิโตรเคมีลดลงแล้ว ยอดใช้ภาคขนส่งก็ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 15.1% หรือมียอดใช้เพียง 1.80 ล้านกิโลกรัม/วัน คาดว่าเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำ ให้ผู้ใช้แอลพีจีกลับไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจคือ ยอดใช้ในภาคครัวเรือนยังคงเพิ่มขึ้น 2.6% หรือมียอดใช้ 5.95 ล้านกิโลกรัม/วันจากที่ยอดเฉลี่ยปีที่แล้วมีเพียง 5.80 ล้านกิโลกรัม/วัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มมีทิศทางที่ปรับลดลงเล็กน้อยส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มดีเซลที่ขณะนี้ค่าการตลาดบี 2 อยู่ที่ 2.11 บาทต่อลิตร บี 5 อยู่ที่ 2.60 บาทต่อลิตร ขณะที่กลุ่มแก๊สโซฮอล์นั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.30-1.40 บาทต่อลิตร ดังนั้นหากพิจารณาค่าการตลาดแล้วกลุ่มดีเซลน่าจะสามารถปรับราคาลดลงได้หากตลาดโลกมีการปรับลดลงหรือไมเปลี่ยนแปลง 1-2 วันนี้
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.บางจาก กล่าวว่า บางจากฯจะปรับราคาขายปลีกนั้นสะท้อนตามการขึ้นภาษีสรรพสามิตคือปรับขึ้นทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตรเว้นเบนซิน 91 และ 95 มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.นี้เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนระหว่างการขึ้นภาษีฯกับการเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลก ดังนั้นหากพิจารณาค่าการตลาดแล้วดีเซลมีโอกาสปรับลดลงได้โดยจะขอดูน้ำมันตลาดโลกปิดตลาดวันที่ 12 ก.พ.ก่อนหากไม่ขึ้นก็จะทำการปรับลดราคาช่วงสุดสัปดาห์นี้.