ASTVผู้จัดการรายวัน-พลังงานเกาะติดราคาน้ำมันตลาดโลกสัปดาห์นี้ใกล้ชิด หวังตัดสินใจขยับภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีกระลอกในช่วงปลายสัปดาห์ ชี้หากตลาดโลกพุ่งหนัก ผู้ค้าขยับราคาก่อนปลายสัปดาห์อาจต้องเลื่อนออกไปตามนโยบายรัฐมนตรีพลังงานที่ไม่ต้องการให้ประชาชนรับผลกระทบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะนำมาตัดสินใจในการเช็คสต็อกน้ำมันเพื่อที่จะทยอยปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการขึ้นภาษีจะพยายามให้กระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุดตามนโยบายของน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานที่มอบไว้ว่าหากราคาตลาดโลกสูงและมีผลให้ผู้ค้าปรับขึ้นราคาตามตลาดโลก การขึ้นภาษี หากจะขึ้นใกล้เคียงกันสามารถเลื่อนออกไปได้อีก
“คงตอบไม่ได้ว่าจะขึ้นภาษีน้ำมันได้หรือไม่ในปลายสัปดาห์ เพราะท้ายสุดคงจะต้องอยู่ที่อำนาจของรมว.พลังงานและตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) กำหนดไว้ให้ทยอยขึ้นราคาได้ไม่เกินครั้งละ 1.50 บาทต่อลิตรในส่วนที่เหลือ ซึ่งหากตลาดโลกสูงมาก ผู้ค้าปรับราคาก่อนกลางสัปดาห์ หากภาษีขึ้นอีกปลายสัปดาห์ก็คงจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนได้ ส่วนการทยอยขึ้นทีละ 50 สต.-1 บาทต่อลิตรก็ได้เช่นกัน แต่ยอมรับว่าจะทำให้เกิดปัญหาการเช็คสต็อกที่บ่อยครั้งเกินไป”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับภาษีสรรพสามิตที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีเทศบาลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันที่ผู้บริโภคต้องจ่ายจริง ดังนี้ เบนซิน 95 และเบนซิน 91 ขึ้น 1.55 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ขึ้น 5.28 บาทต่อลิตร อี 20 ขึ้น 4.69 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี2) ขึ้น 3.88 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี5) ขึ้น 2.47 บาทต่อลิตร แต่ที่ผ่านมาได้มีการขึ้นไปแล้วครั้งแรก 1.55 บาทต่อลิตรทุกชนิดเว้นอี 85 มีผลเมื่อ 1 ก.พ. ดังนั้น ส่วนที่เหลือที่จะต้องทยอยปรับ คือ แก๊สโซฮอล์ 91 และ95 อีก 3.73 บาทต่อลิตร อี 20 อีก 3.14 บาทต่อลิตร บี 2 อีก 2.33 บาทต่อลิตรและบี 5 อีก 0.92 บาทต่อลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะต้องติดตามสัปดาห์นี้ว่าจะมีทิศทางอย่างไร คงไม่สามารถรับปากได้ว่าผู้ค้าน้ำมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาตามตลาดโลกจนกว่ากระทรวงพลังงานจะขึ้นราคาตามภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานธุรกิจด้านการตลาด บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันเบนซินตลาดโลกยังมีความผันผวนอยู่เนื่องจากส่วนหนึ่งเริ่มมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะบางประเทศเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว ขณะที่ดีเซลราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพพอสมควร ดังนั้นหากรัฐจะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลน่าจะมีโอกาสมากกว่าเบนซินในขณะนี้
สำหรับในเรื่องพลังงานทดแทนนั้น ในปีนี้มองว่าพลังงานทดแทน โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซลยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากประชาชนมีการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะพลังงานทดแทนรัฐส่งเสิรมทำให้มีส่วนราคาที่ต่ำกว่าน้ำมันปกติค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม แผนการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ของบางจากนั้นได้ทยอยปิดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 แล้ว ล่าสุดได้มีการเลิกจำหน่ายไปแล้วประมาณ 100 แห่ง จาก 1,000 แห่งทั่วประเทศ แต่จะให้บางจากยกเลิกทั้งหมดทันทีคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคงต้องดูแลลูกค้าที่ยังมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน91 อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มรถมอเตอร์ไซด์ เป็นกลุ่มที่ใช้ปริมาณในอัตราที่สูงมาก ประมาณ 1 ล้านคัน คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะสามารถยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ได้ทั้งหมด
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะนำมาตัดสินใจในการเช็คสต็อกน้ำมันเพื่อที่จะทยอยปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการขึ้นภาษีจะพยายามให้กระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุดตามนโยบายของน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานที่มอบไว้ว่าหากราคาตลาดโลกสูงและมีผลให้ผู้ค้าปรับขึ้นราคาตามตลาดโลก การขึ้นภาษี หากจะขึ้นใกล้เคียงกันสามารถเลื่อนออกไปได้อีก
“คงตอบไม่ได้ว่าจะขึ้นภาษีน้ำมันได้หรือไม่ในปลายสัปดาห์ เพราะท้ายสุดคงจะต้องอยู่ที่อำนาจของรมว.พลังงานและตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) กำหนดไว้ให้ทยอยขึ้นราคาได้ไม่เกินครั้งละ 1.50 บาทต่อลิตรในส่วนที่เหลือ ซึ่งหากตลาดโลกสูงมาก ผู้ค้าปรับราคาก่อนกลางสัปดาห์ หากภาษีขึ้นอีกปลายสัปดาห์ก็คงจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนได้ ส่วนการทยอยขึ้นทีละ 50 สต.-1 บาทต่อลิตรก็ได้เช่นกัน แต่ยอมรับว่าจะทำให้เกิดปัญหาการเช็คสต็อกที่บ่อยครั้งเกินไป”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับภาษีสรรพสามิตที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีเทศบาลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันที่ผู้บริโภคต้องจ่ายจริง ดังนี้ เบนซิน 95 และเบนซิน 91 ขึ้น 1.55 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ขึ้น 5.28 บาทต่อลิตร อี 20 ขึ้น 4.69 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี2) ขึ้น 3.88 บาทต่อลิตร ดีเซล (บี5) ขึ้น 2.47 บาทต่อลิตร แต่ที่ผ่านมาได้มีการขึ้นไปแล้วครั้งแรก 1.55 บาทต่อลิตรทุกชนิดเว้นอี 85 มีผลเมื่อ 1 ก.พ. ดังนั้น ส่วนที่เหลือที่จะต้องทยอยปรับ คือ แก๊สโซฮอล์ 91 และ95 อีก 3.73 บาทต่อลิตร อี 20 อีก 3.14 บาทต่อลิตร บี 2 อีก 2.33 บาทต่อลิตรและบี 5 อีก 0.92 บาทต่อลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะต้องติดตามสัปดาห์นี้ว่าจะมีทิศทางอย่างไร คงไม่สามารถรับปากได้ว่าผู้ค้าน้ำมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาตามตลาดโลกจนกว่ากระทรวงพลังงานจะขึ้นราคาตามภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานธุรกิจด้านการตลาด บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันเบนซินตลาดโลกยังมีความผันผวนอยู่เนื่องจากส่วนหนึ่งเริ่มมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะบางประเทศเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว ขณะที่ดีเซลราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพพอสมควร ดังนั้นหากรัฐจะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลน่าจะมีโอกาสมากกว่าเบนซินในขณะนี้
สำหรับในเรื่องพลังงานทดแทนนั้น ในปีนี้มองว่าพลังงานทดแทน โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซลยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากประชาชนมีการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะพลังงานทดแทนรัฐส่งเสิรมทำให้มีส่วนราคาที่ต่ำกว่าน้ำมันปกติค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม แผนการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ของบางจากนั้นได้ทยอยปิดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 แล้ว ล่าสุดได้มีการเลิกจำหน่ายไปแล้วประมาณ 100 แห่ง จาก 1,000 แห่งทั่วประเทศ แต่จะให้บางจากยกเลิกทั้งหมดทันทีคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคงต้องดูแลลูกค้าที่ยังมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน91 อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มรถมอเตอร์ไซด์ เป็นกลุ่มที่ใช้ปริมาณในอัตราที่สูงมาก ประมาณ 1 ล้านคัน คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะสามารถยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ได้ทั้งหมด