ASTVผู้จัดการรายวัน – เอส.บี.ฯ แจงปี52 เศรษฐกิจหดตัว เร่งทำตลาดเชิงรุกทุ่ม200ล้านบาท อัดแคมเปญตลอดปี ขยายสาขาเพิ่ม ออกสินค้าใหม่ หวังดันยอดขายโตเพิ่ม10% ยันวิกฤตการเงินโลก –เศรษฐกิจในประเทศไม่กระทบยอดขาย ระบุแบงก์เข้มปล่อยกู้อาจกระทบสภาพคล่องบริษัทจัดสรร เตรียมงัดกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง ขอเก็บเงินมัดจำสินค้า จัดสรรรายกลาง-เล็กล่วงหน้า เน้นพิจารณารายต่อราย
นางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือนจำกัด กล่าวว่า ในปีนี้แม้ว่า เอส.บี.ฯ จะตั้งเป้ายอดขายในต่างประเทศเติบโตเพิ่ม 5% แต่ในส่วนของการขายผ่านโครงการซึ่งแม้จะมีส่วนแบ่งอยู่ 10% ของรายได้รวม4,400ล้านบาท ทางบริษัทฯคงไม่มีการตั้งเป้าเพิ่ม เนื่องจากภาวะไม่เอื้ออำนวย โดยยังวางเป้าเติบโตของยอดขายผ่านโครงการไว้เท่ากับปีที่ผ่านมา
เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ ส่วนผู้ประกอบการรายเล็กและกลางต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารสภาพคล่องของตนเอง เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นพันธมิตร เช่น บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,เอพี, ศุภาลัย,พลัส,แสนสิริ บริษัทยังให้เครดิตในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่อไป
"การขายให้จัดสรรรายเล็กนั้น ปีนี้ต้องสกรีนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงของบริษัทด้วย โดยผู้ประกอบการจะต้องจ่ายมัดจำในการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ จากที่เคยได้เครดิต ซึ่งบริษัทจะพิจารณาเป็นรายไป "
นางธัญญรักข์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ และวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในปีนี้ คาดว่าจะไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก โดยกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบก่อนคือ กลุ่มสินค้าส่งออก ขณะที่รายได้หลักของเอส.บี.ฯ มาจากตลาดในประเทศ 70% และส่งออก30% ส่วนใหญ่จะส่งออกในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ซึ่งค่อนข้างได้รับผลกระทบน้อยและยังมีอัตราการเติบโตได้
โดยผลการดำเนินงานในปี 51 มียอดขายรวม 4,400 ล้านบาท และตั้งเป้าปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากการทำตลาดเชิงรุกในสินค้าแบรนด์เอส.บี. และแบรนด์คอนเซ็ปต์ โดยแบรนด์คอนเซ็ปต์จะเน้นการจัดแคมเปญการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ล่าสุดได้จัดแคมเปญ 10ปี10ห้อง10ดีไซน์ราคาเดียว ส่วนแบรนด์ เอส.บี.ฯจะเน้นออกสินค้าใหม่และขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา คือสาขา เอส.บี. ดีไซน์สแควร์ ที่คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ และต่างจังหวัดอีก1สาขา
โดยในช่วงต้นปีนี้ เอส.บี.ฯจะออกสินค้าใหม่ 3 คอลเล็กชั่น คือ Exio Collection, Decon collection และ Linate collection นอกจากนี้จะเน้นทำสื่อโฆษณาผ่านสื่อทุกประเภทมากขึ้น โดยใช้งบการตลาด 200 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว50ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมี สัดส่วนมูลค่าการขายจากแบรนด์ เอส.บี.ฯ60% และแบรนด์คอนเซ็ปต์ 40% ส่วนด้านปริมาณการขายนั้นมีสัดส่วนของทั้ง 2 แบรนด์ 50:50 %
นางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือนจำกัด กล่าวว่า ในปีนี้แม้ว่า เอส.บี.ฯ จะตั้งเป้ายอดขายในต่างประเทศเติบโตเพิ่ม 5% แต่ในส่วนของการขายผ่านโครงการซึ่งแม้จะมีส่วนแบ่งอยู่ 10% ของรายได้รวม4,400ล้านบาท ทางบริษัทฯคงไม่มีการตั้งเป้าเพิ่ม เนื่องจากภาวะไม่เอื้ออำนวย โดยยังวางเป้าเติบโตของยอดขายผ่านโครงการไว้เท่ากับปีที่ผ่านมา
เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ ส่วนผู้ประกอบการรายเล็กและกลางต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารสภาพคล่องของตนเอง เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นพันธมิตร เช่น บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,เอพี, ศุภาลัย,พลัส,แสนสิริ บริษัทยังให้เครดิตในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่อไป
"การขายให้จัดสรรรายเล็กนั้น ปีนี้ต้องสกรีนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงของบริษัทด้วย โดยผู้ประกอบการจะต้องจ่ายมัดจำในการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ จากที่เคยได้เครดิต ซึ่งบริษัทจะพิจารณาเป็นรายไป "
นางธัญญรักข์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ และวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในปีนี้ คาดว่าจะไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก โดยกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบก่อนคือ กลุ่มสินค้าส่งออก ขณะที่รายได้หลักของเอส.บี.ฯ มาจากตลาดในประเทศ 70% และส่งออก30% ส่วนใหญ่จะส่งออกในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ซึ่งค่อนข้างได้รับผลกระทบน้อยและยังมีอัตราการเติบโตได้
โดยผลการดำเนินงานในปี 51 มียอดขายรวม 4,400 ล้านบาท และตั้งเป้าปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากการทำตลาดเชิงรุกในสินค้าแบรนด์เอส.บี. และแบรนด์คอนเซ็ปต์ โดยแบรนด์คอนเซ็ปต์จะเน้นการจัดแคมเปญการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ล่าสุดได้จัดแคมเปญ 10ปี10ห้อง10ดีไซน์ราคาเดียว ส่วนแบรนด์ เอส.บี.ฯจะเน้นออกสินค้าใหม่และขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา คือสาขา เอส.บี. ดีไซน์สแควร์ ที่คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ และต่างจังหวัดอีก1สาขา
โดยในช่วงต้นปีนี้ เอส.บี.ฯจะออกสินค้าใหม่ 3 คอลเล็กชั่น คือ Exio Collection, Decon collection และ Linate collection นอกจากนี้จะเน้นทำสื่อโฆษณาผ่านสื่อทุกประเภทมากขึ้น โดยใช้งบการตลาด 200 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว50ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมี สัดส่วนมูลค่าการขายจากแบรนด์ เอส.บี.ฯ60% และแบรนด์คอนเซ็ปต์ 40% ส่วนด้านปริมาณการขายนั้นมีสัดส่วนของทั้ง 2 แบรนด์ 50:50 %
