ASTV ผู้จัดการรายวัน -แทกส์เล่นลิ้นอ้างเอกสารแผ่นเดียว เป็นแผนจัดหารถเข็นกระเป๋าให้ทอท. ยันส่งมอบล็อตแรกในเดือนพ.ค.2552 แก้ต่างส่งเอกสารแผ่นเดียวเป็นแผนจัดหารถเข็นทดแทน อ้างรอทอท.ยืนยัน ก่อนพร้อมส่งรายละเอียดการจัดหา เผยใช้โรงงานผลิตจีน 200 คันต่อวัน สุวรรณภูมิเข้มงวดกฎจราจรแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำเข้ามาหลอกลวงผู้โดยสาร
นายลาดหญ้า อูริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์เซอรวิสเซส จำกัด หรือ แทกส์ ผู้ดำเนินการจัดหาและบริหารรถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 51 แทกส์ได้เสนอแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋า เพื่อทดแทนที่ขาดจำนวนไปให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.พิจารณาแล้ว โดยในแผนได้ ระบุว่าบริษัทเตรียมจัดหารถเข็นกระเป๋าและส่งมอบให้ทอท. จำนวน 2 ล็อต ซึ่งในล็อตแรกนั้น คาดว่าจะสามารถส่งให้ได้ภายในเดือนพ.ค.52 นี้
ส่วนกรณีที่ทอท.ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจการจ้างสัญญาแทกส์ระบุว่าไม่สามารถยอมรับแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่แทกส์เสนอไปได้นั้น เนื่องจากมีการระบุเพียงกำหนดการส่งมอบเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดของการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่จะนำมาทดแทนให้ครบจำนวนตามสัญญา เช่น โรงงานผู้ผลิต กำลังการผลิต และกระบวนการส่งมอบ ซึ่งทำให้ไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าแทกส์จะสามารถดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าได้จริงนั้น นายลาดหญ้า กล่าวว่า บริษัทได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดหารถเข็นกระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการยืนยันและยอมรับแผนการจัดหาจากทอท.เท่านั้น
ซึ่งทางโรงงานผลิตนั้น ยืนยันว่าจะสามารถผลิตรถเข็นกระเป๋าดังกล่าวได้จำนวน 200 คันต่อวัน โดยในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ของแทกส์ จะเดินทางไปยังโรงงานผลิตที่ประเทศจีน เพื่อทำการดูสายการผลิต และตรวจสอบคิวการผลิต
“ หากได้รับการยืนยันจากทอท. ให้แทกส์ดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าให้ครบตามสัญญา ทางเจ้าหน้าที่ของแทกส์ จะจองคิวการผลิตกับโรงงานทันที และจะใช้เวลาในการผลิตไม่นานก็จะสามารถจัดหารถเข็นกระเป๋ามาเติมให้ครบตามจำนวนที่กำหนดสัญญา โดยช้าที่สุดจะสามารถส่งรถล็อตแรกเข้ามาได้ในเดือนพ.ค.52 นี้”นายลาดหญ้า กล่าว
นายลาดหญ้า ยังมั่นใจว่า กรณีที่ทอท. เตรียมเสนอคณะกรรมการพิจารณายกเลิกสัญญากับแทกส์นั้น คงจะไม่ดำเนินการยกเลิกสัญญาได้อย่างแน่นอน เพราะหากทางทอท.ยกเลิกสัญญา กระบวนการในการจ้างผู้เข้ามาดูแลรายใหม่ก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 - 4 เดือน ที่ผ่านมาแทกส์ กับทอท.ก็มีการเจรจากันโดยไม่ได้มีปัญหา ซึ่งการเจรจาในข้อเสนอล่าสุดของแทกส์ก็เป็นไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการส่งตัวอย่างรถเข็นกระเป๋าให้กับ ทอท.พิจารณาแล้ว และได้นำตัวอย่างรถไปให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตรวจสอบพร้อมกับทดสอบคุณภาพ ซึ่งภายหลังจากทดสอบปรากฏว่ารถเข็นกระเป๋าดังกล่าวผ่านเกณฑมาตรฐานตามเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า รถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแทกส์ตามสัญญา เหลือใช้งานเพียง 2,000 คันเศษเท่านั้นเพราะมีการชำรุดแต่ไม่มีการซ่อมแซมกลับมาใช้งานแต่อย่างใด ในขณะที่สัญญาระหว่างทอท.กับแทกส์กำหนดจำนวนรถเข็นกระเป๋าสำหรับให้บริการผู้โดยสารไว้ทั้งสิ้น 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง จำนวน 7,000 คัน รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน และรถเข็นกระเป๋าขนาดใหญ่ จำนวน 34 คัน แต่เมื่อกลางปี 51 ที่ผ่านมา มีปัญหารถเข็นกระเป๋าถูกขโมยทำให้เหลือใช้งานประมาณ 4,000 – 5,000 คัน
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไข รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก จะมีสำรอง 120 คัน ขนาดกลางมีสำรอง 120 คันและขนาดใหญ่มีสำรอง 6 คัน เมื่อการนับพบว่าจำนวนที่หายไปไม่เกินจากจำนวนที่มีสำรองก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถนำรถเข็นกระเป๋าที่จัดสำรองไว้มาทดแทนได้และให้เร่งติดตามรถเข็นกระเป๋าที่หายไปกลับมา แต่เมื่อมีการขาดจำนวนเกินกว่าที่สำรองไว้ก็ต้องถูกปรับ 2,000 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งเมื่อปัจจุบันรถเข็นขาดจำนวนไปทั้งจากการสูญหายและหารชำรุดแล้วไม่ซ่อมกว่า 5,000 คัน คิดเป็นเงินค่าปรับกว่า 300 ล้านบาทต่อเดือนแล้วในขณะที่สัญญาจ้างที่ทอท.จ่ายให้แทกส์เดือนละ 6 ล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าปรับ
****สุวรรณภูมิเข้มงวดกฎจราจร
นท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) ทอท. กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีสาเหตุมาจากการขับรถเร็วบ่อยครั้ง จึงได้ร่วมมือกับตำรวจ สภ.ราชาเทวะ เข้มงวดกวดขันกับผู้ขับขี่รถยนต์ ให้ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยได้มีการตั้งด่านตรวจจับความเร็วตามถนนสายต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานความยาวประมาณ 32 กม.ตลอดเดือนก.พ.
โดยมีการกำหนดความเร็วไว้ที่ 80 กม./ชม. หากพบผู้กระทำความผิดจะดำเนินการจับปรับตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ยังได้มีการเข้มงวดจับกุมผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดการจราจรในเรื่องอื่น ๆ เช่น ฝ่าสัญญาณไฟ การจอดรถในที่ห้ามจอดอีกด้วย โดยตั้งแต่กลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร โดยการจอดรถในที่ห้ามจอดภายในเขตสนามบิน โดยเฉพาะบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร มากถึง 254 ราย
โดยการเข้มงวดระเบียบวินัยจราจรดังกล่าวจะช่วยลดอุบัติเหตุภายในสนามบินแล้ว ยังเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่เดิมมักจะเข้ามาจอดรอรับผู้โดยสารบริเวณด้านหน้าอาคาร และมีการส่งเสียงดังตะโกนเรียกรับก่อความรำคาญให้กับผู้โดยสาร สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
นายลาดหญ้า อูริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์เซอรวิสเซส จำกัด หรือ แทกส์ ผู้ดำเนินการจัดหาและบริหารรถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 51 แทกส์ได้เสนอแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋า เพื่อทดแทนที่ขาดจำนวนไปให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.พิจารณาแล้ว โดยในแผนได้ ระบุว่าบริษัทเตรียมจัดหารถเข็นกระเป๋าและส่งมอบให้ทอท. จำนวน 2 ล็อต ซึ่งในล็อตแรกนั้น คาดว่าจะสามารถส่งให้ได้ภายในเดือนพ.ค.52 นี้
ส่วนกรณีที่ทอท.ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจการจ้างสัญญาแทกส์ระบุว่าไม่สามารถยอมรับแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่แทกส์เสนอไปได้นั้น เนื่องจากมีการระบุเพียงกำหนดการส่งมอบเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดของการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่จะนำมาทดแทนให้ครบจำนวนตามสัญญา เช่น โรงงานผู้ผลิต กำลังการผลิต และกระบวนการส่งมอบ ซึ่งทำให้ไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าแทกส์จะสามารถดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าได้จริงนั้น นายลาดหญ้า กล่าวว่า บริษัทได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดหารถเข็นกระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการยืนยันและยอมรับแผนการจัดหาจากทอท.เท่านั้น
ซึ่งทางโรงงานผลิตนั้น ยืนยันว่าจะสามารถผลิตรถเข็นกระเป๋าดังกล่าวได้จำนวน 200 คันต่อวัน โดยในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ของแทกส์ จะเดินทางไปยังโรงงานผลิตที่ประเทศจีน เพื่อทำการดูสายการผลิต และตรวจสอบคิวการผลิต
“ หากได้รับการยืนยันจากทอท. ให้แทกส์ดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าให้ครบตามสัญญา ทางเจ้าหน้าที่ของแทกส์ จะจองคิวการผลิตกับโรงงานทันที และจะใช้เวลาในการผลิตไม่นานก็จะสามารถจัดหารถเข็นกระเป๋ามาเติมให้ครบตามจำนวนที่กำหนดสัญญา โดยช้าที่สุดจะสามารถส่งรถล็อตแรกเข้ามาได้ในเดือนพ.ค.52 นี้”นายลาดหญ้า กล่าว
นายลาดหญ้า ยังมั่นใจว่า กรณีที่ทอท. เตรียมเสนอคณะกรรมการพิจารณายกเลิกสัญญากับแทกส์นั้น คงจะไม่ดำเนินการยกเลิกสัญญาได้อย่างแน่นอน เพราะหากทางทอท.ยกเลิกสัญญา กระบวนการในการจ้างผู้เข้ามาดูแลรายใหม่ก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 - 4 เดือน ที่ผ่านมาแทกส์ กับทอท.ก็มีการเจรจากันโดยไม่ได้มีปัญหา ซึ่งการเจรจาในข้อเสนอล่าสุดของแทกส์ก็เป็นไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการส่งตัวอย่างรถเข็นกระเป๋าให้กับ ทอท.พิจารณาแล้ว และได้นำตัวอย่างรถไปให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตรวจสอบพร้อมกับทดสอบคุณภาพ ซึ่งภายหลังจากทดสอบปรากฏว่ารถเข็นกระเป๋าดังกล่าวผ่านเกณฑมาตรฐานตามเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า รถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแทกส์ตามสัญญา เหลือใช้งานเพียง 2,000 คันเศษเท่านั้นเพราะมีการชำรุดแต่ไม่มีการซ่อมแซมกลับมาใช้งานแต่อย่างใด ในขณะที่สัญญาระหว่างทอท.กับแทกส์กำหนดจำนวนรถเข็นกระเป๋าสำหรับให้บริการผู้โดยสารไว้ทั้งสิ้น 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง จำนวน 7,000 คัน รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน และรถเข็นกระเป๋าขนาดใหญ่ จำนวน 34 คัน แต่เมื่อกลางปี 51 ที่ผ่านมา มีปัญหารถเข็นกระเป๋าถูกขโมยทำให้เหลือใช้งานประมาณ 4,000 – 5,000 คัน
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไข รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก จะมีสำรอง 120 คัน ขนาดกลางมีสำรอง 120 คันและขนาดใหญ่มีสำรอง 6 คัน เมื่อการนับพบว่าจำนวนที่หายไปไม่เกินจากจำนวนที่มีสำรองก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถนำรถเข็นกระเป๋าที่จัดสำรองไว้มาทดแทนได้และให้เร่งติดตามรถเข็นกระเป๋าที่หายไปกลับมา แต่เมื่อมีการขาดจำนวนเกินกว่าที่สำรองไว้ก็ต้องถูกปรับ 2,000 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งเมื่อปัจจุบันรถเข็นขาดจำนวนไปทั้งจากการสูญหายและหารชำรุดแล้วไม่ซ่อมกว่า 5,000 คัน คิดเป็นเงินค่าปรับกว่า 300 ล้านบาทต่อเดือนแล้วในขณะที่สัญญาจ้างที่ทอท.จ่ายให้แทกส์เดือนละ 6 ล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าปรับ
****สุวรรณภูมิเข้มงวดกฎจราจร
นท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) ทอท. กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีสาเหตุมาจากการขับรถเร็วบ่อยครั้ง จึงได้ร่วมมือกับตำรวจ สภ.ราชาเทวะ เข้มงวดกวดขันกับผู้ขับขี่รถยนต์ ให้ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยได้มีการตั้งด่านตรวจจับความเร็วตามถนนสายต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานความยาวประมาณ 32 กม.ตลอดเดือนก.พ.
โดยมีการกำหนดความเร็วไว้ที่ 80 กม./ชม. หากพบผู้กระทำความผิดจะดำเนินการจับปรับตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ยังได้มีการเข้มงวดจับกุมผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดการจราจรในเรื่องอื่น ๆ เช่น ฝ่าสัญญาณไฟ การจอดรถในที่ห้ามจอดอีกด้วย โดยตั้งแต่กลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร โดยการจอดรถในที่ห้ามจอดภายในเขตสนามบิน โดยเฉพาะบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร มากถึง 254 ราย
โดยการเข้มงวดระเบียบวินัยจราจรดังกล่าวจะช่วยลดอุบัติเหตุภายในสนามบินแล้ว ยังเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่เดิมมักจะเข้ามาจอดรอรับผู้โดยสารบริเวณด้านหน้าอาคาร และมีการส่งเสียงดังตะโกนเรียกรับก่อความรำคาญให้กับผู้โดยสาร สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
