xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนรวมยังแกร่งแม้ศก.แย่ ใช้กลยุทธ์โยกลงทุนบอนด์-หุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการายวัน - ผู้จัดการกองทุน มั่นใจ อุตสาหกรรมกองทุนรวมยังแกร่งแม้เศรษฐกิจย่ำแย่ มั่นใจยังสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ อีกทั้งสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนหลบความเสี่ยงที่สูงได้ เช่นจากหุ้น ไปตราสารหนี้ ระบุนักลงทุนต่างชาติจะยังไม่กลับมาในขณะนี้ แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้นเม็ดเงินจะไหลกลับอย่างแน่นอน โดยยกให้ปัจจัยเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองมีส่วนสำคัญ
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์สีนิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีที่ผ่านมา ในปีที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างไม่ดีนัก เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนมากไม่มีความมั่นใจในการลงทน ขณะเดียวกันยังได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกไปเพื่อถือเงินสดไว้กับตัวมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่ากองทุนหรือขนาดของกองทุนลดลงตามการไถ่ถอนไปด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบ แต่ทางบลจ.รวมไปถึงผู้จัดการกองทุนเอง ต่างมองหาหลักทรัพย์ใหม่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์มาเสนอใหเแก่นักลงทุน ซึ่งสังเกตุได้จากในปี 2551 ที่ผ่านมามีการจัดตั้งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมาเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและยังให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะการลงทุนการลงทุนในตราสารหนี้นั้นมีความเสี่ยงในระดับต่ำ โดยส่วนแนวโน้มของอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีนี้มองว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงปีก่อนหน้านี้มาก
นายอรุณศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากเศรษฐกิจสามารถปรับตัวดีขึ้นมา การลงทุนในตราสารทุนหรือตลาดหุ้นก็จะดีตามไปด้วย โดยการลงทุนในหุ้นนั้นเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง แต่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน ขณะที่ตราสารหนี้ก็ยังคงมีนักลงทุนให้ความสนใจเช่นกันทำให้แต่บลจ.อาจจะมีการออกกองทุนตราสารใหม่ๆมาให้นักลงทุนได้เข้าร่วมลงทุน โดยเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยนิ่ง การลงทุนในตราสารหนี้อายุ3-6เดือน จะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ และยังเชื่อว่ากองทุนตราสารหนี้ในปีนี้จะเติบโตเหมือนกับปีที่ผ่านมา ส่วนอุตสาหกรรมกองทุนรวมเองจะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ไม่ดีเพราะนักลงทุนสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนไปมาระหว่างตราสารหนี้กับตราสารทุนได้ จึงไม่ทำให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมได้รับผลกระทบ
"กองทุนรวมเป็นการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพื่มมากขึ้น โดยดูได้จากขนาดของกองทุนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนมากต่างนิยมที่จะนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อหาผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย แต่ขณะนี้นักลงทุนต่างหันมาลงทุนในกองทุนรวมมากกว่าการฝากเงิน อีกทั้ง การฝากเงินต่อไปรัฐจะไม่ค้ำประกันเงินฝากให้แก่นักลงทุน ทำให้เงินฝากมีความเสี่ยง ทำให้นักลงทุนจะกลับมามองการลงทุนในกองทุนมากขึ้นอย่างแน่นอน"นายอรุณศักดิ์ กล่าว
นายอรุณศักดิ์ ยังกล่าวถึง นักลงทุนต่างชาติที่ในขณะนี้กำลังมองกันว่าจะกลับเข้ามาลงทุนในไทยมากน้อยขนาดไหน นั้น เนื่องจากว่านักลงทุนยังมองไม่เห็นถึงความปลอดภัยของเม็ดเงินที่จะนำไปลงทุนเพราะความเสี่ยงยังมีอยู่มากจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ. นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยว่า การที่อัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลง จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยขึ้นอยู่กับว่าแต่ละบลจ.จะสามารถที่ดึงเม็ดเงินเหล่านี้มาได้หรือไม่ ซึ่งบลจ.จะต้องมีการออกโปรดักส์ต่างๆมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนัก
ลงทุนให้มากที่สุด
ส่วนนักลงทุนชาวต่างชาตินั้น จะมีความระมัดระวังในการลงทุนมากเป็นพิเศษ ที่ยังไม่กลับเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากว่ายังไม่มีความมั่นใจที่จะกลับมาลงทุน โดยบริษัทคาดว่าจะยังไม่มีเม็ดเงินกลับมาในช่วงนี้ อย่างแน่นอน สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่ได้หวังให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาตรการต่างๆมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
"เม็ดเงินจากต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาในประเทศในช่วงนี้ การบริหารจัดการกองทุนรวมจึงมองแต่เม็ดเงินจากนักลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก โดยในปีนี้ จะมีเม็ดเงินไหลกลับเข้าประเทศจากกองทุนที่ไปลงทุนในประเทศเกาหลีที่ครบอายุโครงการประมาณ 240,000 ล้านบาท ซึ่งจากจุดนี้เองทำให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมต้องมองหาโปรดักส์ใหม่เพื่อเข้ามารองรับเม็ดเงินและฝีมือการบริหาร อย่างไรก็ตามเม็ดเงินคงไม่ได้กลับมายังอุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งหมด" นายธีระพันธุ์ กล่าว

"การหาโปรดักส์ใหม่ๆมารองรับนักลงทุน โดยที่มีผลตอบแทนดีนั้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจาก อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกที่จะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในไทย เหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการกองทุนของแต่ละบริษัท หากการบริหารจัดการไม่ดีจะทำให้ขนาดของกองทุนลดลงได้ ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือและความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย โดยปีนี้ บลจ.จะเน้นการจัดตั้งกองทุนไพร์เวท ฟันด์ เพื่อมาเสนอนักลงทุนให้มากขึ้น เนื่องจากว่านักลงทุนในกลุ่มนี้มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน อีกทั้งยังกล้ารับความเสี่ยงได้มากกว่านักลงทุนในกองทุนรวมประเภทอื่นๆจึงทำให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนกลุ่นี้จะได้รับสูงตามไปด้วย" นายธีระพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนจะต้องรอดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด เพราะหากแผนกระตุ้นไม่เข้าเป้าตามที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้จะทำให้เศรษฐกิจไม่ดี แต่หากได้ผลเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาอย่างแน่นอน
นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด1 บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติที่ก่อนหน้านี้ ได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนเพื่อดึงเงินกลับไปยังประเทศของตน โดยมองว่านักลงทุนชาวต่างชาติจะยังไม่กลับเข้าลงทุนในช่วงนี้ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งจะกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น หากว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น แน่นอนว่านักลงทุนชาวต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับการลงทุนในครึ่งปีแรก ตลาดตราสารหนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากว่ามีความเสี่ยงต่ำ โดยเม็ดเงินจะไหลไปลงทุนในตลาดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำ ในครึ่งปีหลังจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่า ซึ่งหากนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ การทยอยซื้อหุ้ยเก็บในช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะทำกำไรได้ ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องคอยติดตามสถานการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและอยู่ในช่วงที่ดี รวมถึงระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น