xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกลุ่มเดินเรือคึกคัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นกลุ่มธุรกิจเดินเรือคึกคักสวนภาพรวมตลาดหุ้นที่เงียบเหงา หลังดัชนีค่าระวางเรือขยับเพิ่มขึ้น นำโดย TTA วอลุ่มหนาแน่นติดอันดับหนึ่งกว่า 921 ล้านบาท ขณะที่พรีเชียสฯ ไม่น้อยหน้า รั้งอันดับ 6 ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท ด้านดัชนีตลาดหุ้นบวกแค่ 0.40 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 7.7 พันล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ คาดการณ์ กลุ่มเดินเรือยังเจอศึกหนักภาวะเศรษฐกิจโลกทรุดฉุดผลงานปี 51 ร่วงต่อ
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (5 ก.พ.) ดัชนีตลาดหุ้นแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เหนือราคาปิดครั้งก่อน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่มีเข้ามาค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังชะลอการลงทุนจากความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ และรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 4 ปี 2551 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 438.02 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงและปิดที่ระดับต่ำสุด 433.44 จุด ลดลงจากวันก่อน 0.40 จุด หรือคิดเป็น 0.09% มูลค่าการซื้อขายรวม 7,688.47 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 349.59 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 694.96 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 300.37 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะเงียบเหงา แต่กลับมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินเรือ จากซึ่งเป็นการปรับตัวรับข่าวดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น บวกกับคาดการณ์ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจเดินเรือจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติดอันดับหนึ่งถึง 921.77 ล้านบาท ราคาปิดที่ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือคิดเป็น 7.05%
ขณะที่ บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ราคาปิดที่ 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 11.82% มูลค่าการซื้อขาย 300.67 ล้านบาท บมจ. จุฑานาวี (JUTHA) ราคาปิด 4.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือ 6.06% มูลค่าการซื้อขาย 0.89 ล้านบาท บมจ. อาร์ ซี แอล (RCL) ราคาปิด 6.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 6.20% มูลค่าการซื้อขาย 36.80 ล้านบาท และบมจ. เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) ราคาปิด 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 2.80% มูลค่าการซื้อขาย 13.49 ล้านบาท
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า พรีเชียสฯ มีกำไรงวดปี 51 ต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แม้จะสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 4,938 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.75 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 4,156 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.01 บาท ขณะที่ TTA และ RCL เองน่าจะมีรายได้ปรับตัวลดลงตามทิศทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 52 นั้น รายได้ของกลุ่มธุรกิจเดินเรือน่าจะปรับตัวลดลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากประเทศจีนมีการใช้บริการการส่งสินส่งสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างมาก
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือกว่า 14% ได้ส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือ และผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวทำให้กระทบต่อการส่งออกและกลุ่มเดินเรือบ้าง แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงของราคาน้ำมันในช่วงนี้ รวมถึงค่าระวางเรือได้ส่งผลสะท้อนว่าน้ำมันและค่าระวางเรือมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยกลยุทธ์การลงทุนนั้น นักลงทุนอาจจะเข้ามาซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินเรือ โดยเฉพาะ TTA ที่แนวโน้มราคาอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 16.50 บาท
ขณะที่บล.ยูไนเต็ด ได้ประเมินมูลค่าราคาพื้นฐาน PSL ในปี 52 ไว้ที่หุ้นละ 17.00 บาท จึงแนะนำให้ “ซื้อ"”ลงทุน จากการที่บริษัทได้ทำสัญญาระยะยาวไว้แล้วถึง 61% ของกองเรือ ที่อัตราค่าระวาง 15,087 เหรียญ/ลำ/วัน บวกกับค่าระวางเรือที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มขึ้นถึง 168 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,316 จุด จะทำให้บริษัทสามารถทำสัญญาได้อัตราค่าระวางดีขึ้นในสัญญาใหม่ๆ ซึ่งโดยรวมแล้วจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปีนี้
ทั้งนี้ ไตรมาส 4/51 PSL มีกำไรสุทธิ 1,229 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.18 บาท ทำให้ปี 51 กำไรสุทธิรวม 4,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 18.84% และกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.75 บาท ส่วนรายได้รวมเพิ่มขึ้น 18% เป็นผลจากการทำสัญญาระยะยาวของบริษัท ทำให้ยังคงได้รายได้ที่สูงแม้ว่าค่าระวางเรือจะปรับตัวลดลง

***ลุ้นมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐฯ**
ด้านความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นไทยนั้น นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KSET กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าที่อาจมีออกมาเพิ่มเติมอีก
ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรพิเศษ และยังอยู่ในช่วงรอผลงานจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศออกไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้จะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จแห่งชาติ (นปช.) ออกมาต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลต่อดัชนีมากนัก
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนควรจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ และดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันโลก ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 430 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 440 จุด
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า จากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใช้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงทำให้ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ยังคงเงียบเหงา
“ตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ อย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ และราคาน้ำมันโลก รวมถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมองว่านักลงทุนในระยะยาวควรชะลอการลงทุนเพื่อถือเงินสด ส่วนนักลงทุนระยะสั้นให้เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล”
กำลังโหลดความคิดเห็น