ASTVผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ท.ไล่บี้สอบสรรพสามิตไม่เก็บภาษี “ซานติก้า” หลังชี้แจง อ้างตรวจไม่พบจำหน่ายสุรา จึงไม่เก็บภาษี ทำรัฐสูญ 20 ล้านบาท แฉขั้นตอนขออนุญาตสร้างทำเป็นขบวนการมีหน้าม้าเดินเรื่องม้วนเดียวจบ เขตส่อพิรุธทำพิมพ์เขียวหาย ขณะที่หุ้นส่วน "ประยนต์ ลาเสือ" เล่นบทไม่พูด ย้ำเพื่อนร่วมงานเงียบไว้จะดีกว่า ผอ.สำนักโยธาฯ กทม.ยอมรับหน้าตาเฉย การป้องกันการปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกร-สถาปนิกเป็นเรื่องยาก ชี้หากตรวจสอบต้องใช้เวลานานมาก พร้อมอุบเงียบผลประชุมร่วม ป.ป.ท.
วานนี้ (5 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีบริษัท ไวท์แอนด์บาร์เธอร์ 2003 (จำกัด) เจ้าของซานติก้าผับ ไม่ชำระภาษีสถานบริการให้กับกรมสรรพสามิตว่า ภายหลังคณะทำงานกระทรวงยุติธรรม ชุดตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ พบข้อมูลระบุว่า บริษัท ไวท์แอนด์บาร์เธอร์ฯ ไม่เคยเสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 10% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ตลอดระยะเวลา 5 ปี คิดเป็นมูลค่าภาษี 20 ล้านบาท จากการเปิดให้บริการเป็นสถานบันเทิงที่มีสถานที่เต้นรำ และมีการจำหน่ายสุรา ล่าสุดกรมสรรพากรได้ชี้แจงเป็นหนังสือมายัง ป.ป.ท.ว่ากรมสรรพสามิตไม่เรียกเก็บภาษีเพราะผู้ประกอบการซานติก้าผับได้ให้ข้อมูลระบุว่า เปิดให้บริการร้านอาหาร ไม่มีสถานที่เต้นรำ และไม่มีการจำหน่ายสุรา
ทั้งนี้ สรรพากร ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบซานติก้าผับ เพียง 1 ครั้งในเวลา 19.00 น. ซึ่งในเวลาดังกล่าวไม่มีการเต้นรำหรือจำหน่ายสุรา จึงเป็นประเด็นที่ ป.ป.ท.ต้องตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากในช่วงเวลา 19.00 น.ซึ่งอยู่ในช่วงหัวค่ำจึงไม่ใช่เวลาที่นักเที่ยวทั่วไปจะเข้าไปใช้บริการในผับ การตรวจสถานบริการในช่วงเวลาดังกล่าวและเข้าตรวจสอบเพียงครั้งเดียวอาจเป็นสาเหตุให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บภาษี
นายธาริต กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการไม่ชำระภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนนั้น ป.ป.ท.ได้สอบถามไปยังสำนักงานเขตวัฒนา แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ หลังจากนี้จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ในส่วนของการยื่นแบบขออนุมัติก่อสร้างอาคารต่างๆ ที่มีข้อสงสัยถึงการปลอมเอกสารและลายมือชื่อของวิศวกรและสถาปนิกนั้น ป.ป.ท.คงไม่เข้าไปตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดในทุกสำนักงานเขต โดยการทำงานจะไม่เข้าไปรื้อฟื้นความผิดพลาดในอดีต แต่จะพยายามสร้างมาตรฐานและแนวทางป้องกัน ไม่ให้ความเสียหายหรืออุบัติภัยเกิดซ้ำขึ้นในอนาคต
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเชิงลึกพบเบาะแสของขบวนการในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารขนาดเล็กและขนาดกลางว่า หากเจ้าของอาคารไปยื่นคำร้องขออนุญาตด้วยตนเองจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและยุ่งยาก หลังจากนั้นจะมีหน้าม้ามาติดต่อเพื่อรับดำเนินการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการยื่นขอใบอนุญาต โดยขอคิดค่าใช้จ่ายแบบเรียกเหมา จากนั้นจะมีการลักลอบนำสำเนาเอกสารของสถาปนิกและวิศวกรที่เคยยื่นขออนุญาตไว้ มาทำปลอมเพื่อนำแนบใช้ในการยื่นขออนุญาตใหม่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า การที่สำนักงานเขตวัฒนาเข้าแจ้งความว่า แบบแปลนซานติก้าผับและใบคำร้องขออนุญาตก่อสร้างซานติก้าผับสูญหายไปจากสำนักงานเขต ภายหลังการเข้าแจ้งความดำเนินคดีของสถาปนิกผู้คุมงานก่อสร้างและสถาปนิกผู้ออกแบบ ถือเป็นการกระทำที่ส่อถึงพิรุธ โดยการตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมได้ขอสำเนาแบบแปลนอาคารจากสำนักโยธา กรุงเทพมหานคร แต่ไม่มีรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุในคำขออนุญาต เนื่องจากเอกสารประกอบเกือบทุกรายการจะถูกเก็บไว้กับสำนักงานเขต
**กทม.รับป้องกันปลอมลายเซ็นยาก
ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีการปลอมแปลงลายเซ็นในการขออนุญาตก่อสร้างว่า การป้องกันการปลอมแปลงลายเซ็นทั้งในส่วนของสถาปนิกผู้ออกแบบและวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างนั้น เป็นเรื่องที่ยาก เพราะหากต้องมีการตรวจสอบถึงขั้นนั้นจริงต้องใช้เวลานานมาก ต้องมีการพิสูจน์หลักฐานกันหลายอย่าง และที่สำคัญจะต้องมีการออกเป็นข้อบังคับมารองรับซึ่งต้องใช้เวลานานเช่นกัน
ทั้งนี้ วานนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจาก ป.ป.ท.แต่ในรายละเอียดตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการตรวจสอบการปลอมแปลงลายเซ็นของสถาปนิกผู้ออกแบบนั้นทางคณะกรรมการฯคงจะไม่ตรวจสอบในประเด็นนั้น แต่จะมุ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นอาคารมากกว่า ซึ่งจะต้องมีการเรียกสอบเพิ่มอีกหลายปาก ส่วนอดีตเจ้าหน้าที่โยธา เขตวัฒนานั้นที่ยังติดต่อไปได้นั้นขณะนี้ติดต่อและได้ทำหนังสือเชิญเข้ามาชี้แจงแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการฯได้สอบไปแล้ว 10 กว่าปาก แต่หลังจากที่มีผู้แทนจากป.ป.ท.เข้ามาร่วมเป็นกรรมการก็ยังไม่มีการเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะในชั้นนี้เป็นเพียงการพูดคุยในรายละเอียดเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ทางผู้แทนจากป.ป.ท.ได้ให้ข้อมูลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนใดบ้างแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มาโต้แย้ง และผลการตรวจสอบจะออกในในลักษณะเดียวกันกับของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากมีตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมร่วมสอบด้วย
**รองผู้ว่าฯ เผย 32 ตึกไม่น่าห่วง
ทางด้านนายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯ กทม.เผยว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนของกทม.ชุดที่มีนายชาตินัย เป็นประธาน คาดว่าจะสามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมทุกประเด็นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนเรื่องการกล่าวอ้างว่ามีการปลอมแปลงลายเซ็นนางวันรพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกผู้ออกแบบในการถึง 32 อาคารในพื้นที่เขตบางเขนนั้นจากการตรวจสอบส่วนใหญ่เป็นอาคารที่พักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ซึ่งล่าสุดทางเขตบางเขนได้ส่งโยธาเขตออกไปตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารดังกล่าวแล้ว ตลอดจนตรวจสอบดูว่ามีการใช้อาคารผิดประเภทหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปล่าซึ่งจะเร่งให้ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้
สำหรับการหามาตรการป้องกันการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ก็ได้ให้นโยบายว่าควรจะหามาตรการมาป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุอย่างซานติก้า ผับ ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเห็นควรใช้มาตรการใดเพื่อป้องกันความปลอดภัยของประชาชนโดยเฉพาะอาคารแสดงมโหรสพ อาคารขนาดใหญ่ และมาตรการที่จะออกมาจะต้องไม่เป็นภาระกับผู้ประกอบการ และเป็นการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่รีดไถได้
**กองปราบส่ออุ้ม"ประยนต์"
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ชื่อของ พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป. ไปปรากฏเป็นหุ้นส่วนของซานติก้าผับในนาม "นายประยนต์ ลาเสือ"ว่า เรื่องดังกล่าวได้รับนโยบายจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการดำเนินการต่างๆ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบก.ป.ได้กำชับให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานต่างๆ เรื่องนี้จะไม่มีการปิดบังหรือช่วยเหลือกัน อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ต้องให้เกียรติกับผู้ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับนั้นต้องดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากเรื่องใดต้องรอผลการตรวจสอบทางคดีจากทางตำรวจนครบาลและในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการไปแล้ว จึงต้องประสานข้อมูลว่าจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องใดเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว
**แสบสั่งเล่นบนเงียบดีกว่าพูด
"เท่าที่ผมได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ประยนต์ ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องของผู้บริหารซานติก้าผับ ซึ่งท่านไม่ได้เข้าไปบริหาร และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเงียบไว้จะดีกว่าออกมาพูด เพราะการออกมาพูดตอบโต้ก็จะยิ่งแสดงว่าร้อนตัว" พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว และว่า ขณะนี้ พ.ต.อ.ประยนต์ ได้ลงพื้นที่ไปร่วมคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ ด.ต.ชิต ทองชิต อดีตตำรวจทางหลวงที่ออกมาแฉเรื่องส่วยทางหลวง ที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าท่านเป็นคนทำงานอย่างจริงจังคนหนึ้งต้องขึ้นเหนือล่องใต้ตลอดเวลา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับตนแล้วในฐานะที่รู้จักและทำงานร่วมกับ พ.ต.อ.ประยนต์ มานาน ก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวและเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน หากว่าท่านชอบเที่ยวหรือไปปรากฎตัวที่ซานติก้าผับเพื่อให้เจ้าหน้าที่เกรงอกเกรงใจอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท่านไม่เคยทำเช่นนั้น ส่วนการที่มีชื่อปรากฎในเอกสารการเป็นหุ้นส่วนของซานติก้าผับอันนี้คงต้องตรวจสอบกันต่อไปว่าถูกนำชื่อไปใส่ไว้ได้อย่างไรต้องไปตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะสามารถรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ ผบช.ก.ได้ทันกำหนดในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้หรือไม่ พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า จะพยายามดำเนินการให้เสร็จเพราะเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาได้กำชับมา สำหรับการสอบปากคำพยานคงเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ประยนต์
วานนี้ (5 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีบริษัท ไวท์แอนด์บาร์เธอร์ 2003 (จำกัด) เจ้าของซานติก้าผับ ไม่ชำระภาษีสถานบริการให้กับกรมสรรพสามิตว่า ภายหลังคณะทำงานกระทรวงยุติธรรม ชุดตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ พบข้อมูลระบุว่า บริษัท ไวท์แอนด์บาร์เธอร์ฯ ไม่เคยเสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 10% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ตลอดระยะเวลา 5 ปี คิดเป็นมูลค่าภาษี 20 ล้านบาท จากการเปิดให้บริการเป็นสถานบันเทิงที่มีสถานที่เต้นรำ และมีการจำหน่ายสุรา ล่าสุดกรมสรรพากรได้ชี้แจงเป็นหนังสือมายัง ป.ป.ท.ว่ากรมสรรพสามิตไม่เรียกเก็บภาษีเพราะผู้ประกอบการซานติก้าผับได้ให้ข้อมูลระบุว่า เปิดให้บริการร้านอาหาร ไม่มีสถานที่เต้นรำ และไม่มีการจำหน่ายสุรา
ทั้งนี้ สรรพากร ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบซานติก้าผับ เพียง 1 ครั้งในเวลา 19.00 น. ซึ่งในเวลาดังกล่าวไม่มีการเต้นรำหรือจำหน่ายสุรา จึงเป็นประเด็นที่ ป.ป.ท.ต้องตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากในช่วงเวลา 19.00 น.ซึ่งอยู่ในช่วงหัวค่ำจึงไม่ใช่เวลาที่นักเที่ยวทั่วไปจะเข้าไปใช้บริการในผับ การตรวจสถานบริการในช่วงเวลาดังกล่าวและเข้าตรวจสอบเพียงครั้งเดียวอาจเป็นสาเหตุให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บภาษี
นายธาริต กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการไม่ชำระภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนนั้น ป.ป.ท.ได้สอบถามไปยังสำนักงานเขตวัฒนา แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ หลังจากนี้จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ในส่วนของการยื่นแบบขออนุมัติก่อสร้างอาคารต่างๆ ที่มีข้อสงสัยถึงการปลอมเอกสารและลายมือชื่อของวิศวกรและสถาปนิกนั้น ป.ป.ท.คงไม่เข้าไปตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดในทุกสำนักงานเขต โดยการทำงานจะไม่เข้าไปรื้อฟื้นความผิดพลาดในอดีต แต่จะพยายามสร้างมาตรฐานและแนวทางป้องกัน ไม่ให้ความเสียหายหรืออุบัติภัยเกิดซ้ำขึ้นในอนาคต
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเชิงลึกพบเบาะแสของขบวนการในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารขนาดเล็กและขนาดกลางว่า หากเจ้าของอาคารไปยื่นคำร้องขออนุญาตด้วยตนเองจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและยุ่งยาก หลังจากนั้นจะมีหน้าม้ามาติดต่อเพื่อรับดำเนินการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการยื่นขอใบอนุญาต โดยขอคิดค่าใช้จ่ายแบบเรียกเหมา จากนั้นจะมีการลักลอบนำสำเนาเอกสารของสถาปนิกและวิศวกรที่เคยยื่นขออนุญาตไว้ มาทำปลอมเพื่อนำแนบใช้ในการยื่นขออนุญาตใหม่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า การที่สำนักงานเขตวัฒนาเข้าแจ้งความว่า แบบแปลนซานติก้าผับและใบคำร้องขออนุญาตก่อสร้างซานติก้าผับสูญหายไปจากสำนักงานเขต ภายหลังการเข้าแจ้งความดำเนินคดีของสถาปนิกผู้คุมงานก่อสร้างและสถาปนิกผู้ออกแบบ ถือเป็นการกระทำที่ส่อถึงพิรุธ โดยการตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมได้ขอสำเนาแบบแปลนอาคารจากสำนักโยธา กรุงเทพมหานคร แต่ไม่มีรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุในคำขออนุญาต เนื่องจากเอกสารประกอบเกือบทุกรายการจะถูกเก็บไว้กับสำนักงานเขต
**กทม.รับป้องกันปลอมลายเซ็นยาก
ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีการปลอมแปลงลายเซ็นในการขออนุญาตก่อสร้างว่า การป้องกันการปลอมแปลงลายเซ็นทั้งในส่วนของสถาปนิกผู้ออกแบบและวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างนั้น เป็นเรื่องที่ยาก เพราะหากต้องมีการตรวจสอบถึงขั้นนั้นจริงต้องใช้เวลานานมาก ต้องมีการพิสูจน์หลักฐานกันหลายอย่าง และที่สำคัญจะต้องมีการออกเป็นข้อบังคับมารองรับซึ่งต้องใช้เวลานานเช่นกัน
ทั้งนี้ วานนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจาก ป.ป.ท.แต่ในรายละเอียดตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการตรวจสอบการปลอมแปลงลายเซ็นของสถาปนิกผู้ออกแบบนั้นทางคณะกรรมการฯคงจะไม่ตรวจสอบในประเด็นนั้น แต่จะมุ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นอาคารมากกว่า ซึ่งจะต้องมีการเรียกสอบเพิ่มอีกหลายปาก ส่วนอดีตเจ้าหน้าที่โยธา เขตวัฒนานั้นที่ยังติดต่อไปได้นั้นขณะนี้ติดต่อและได้ทำหนังสือเชิญเข้ามาชี้แจงแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการฯได้สอบไปแล้ว 10 กว่าปาก แต่หลังจากที่มีผู้แทนจากป.ป.ท.เข้ามาร่วมเป็นกรรมการก็ยังไม่มีการเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะในชั้นนี้เป็นเพียงการพูดคุยในรายละเอียดเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ทางผู้แทนจากป.ป.ท.ได้ให้ข้อมูลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนใดบ้างแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มาโต้แย้ง และผลการตรวจสอบจะออกในในลักษณะเดียวกันกับของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากมีตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมร่วมสอบด้วย
**รองผู้ว่าฯ เผย 32 ตึกไม่น่าห่วง
ทางด้านนายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯ กทม.เผยว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนของกทม.ชุดที่มีนายชาตินัย เป็นประธาน คาดว่าจะสามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมทุกประเด็นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนเรื่องการกล่าวอ้างว่ามีการปลอมแปลงลายเซ็นนางวันรพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกผู้ออกแบบในการถึง 32 อาคารในพื้นที่เขตบางเขนนั้นจากการตรวจสอบส่วนใหญ่เป็นอาคารที่พักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ซึ่งล่าสุดทางเขตบางเขนได้ส่งโยธาเขตออกไปตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารดังกล่าวแล้ว ตลอดจนตรวจสอบดูว่ามีการใช้อาคารผิดประเภทหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปล่าซึ่งจะเร่งให้ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้
สำหรับการหามาตรการป้องกันการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ก็ได้ให้นโยบายว่าควรจะหามาตรการมาป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุอย่างซานติก้า ผับ ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเห็นควรใช้มาตรการใดเพื่อป้องกันความปลอดภัยของประชาชนโดยเฉพาะอาคารแสดงมโหรสพ อาคารขนาดใหญ่ และมาตรการที่จะออกมาจะต้องไม่เป็นภาระกับผู้ประกอบการ และเป็นการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่รีดไถได้
**กองปราบส่ออุ้ม"ประยนต์"
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ชื่อของ พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป. ไปปรากฏเป็นหุ้นส่วนของซานติก้าผับในนาม "นายประยนต์ ลาเสือ"ว่า เรื่องดังกล่าวได้รับนโยบายจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการดำเนินการต่างๆ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบก.ป.ได้กำชับให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานต่างๆ เรื่องนี้จะไม่มีการปิดบังหรือช่วยเหลือกัน อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ต้องให้เกียรติกับผู้ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับนั้นต้องดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากเรื่องใดต้องรอผลการตรวจสอบทางคดีจากทางตำรวจนครบาลและในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการไปแล้ว จึงต้องประสานข้อมูลว่าจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องใดเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว
**แสบสั่งเล่นบนเงียบดีกว่าพูด
"เท่าที่ผมได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ประยนต์ ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องของผู้บริหารซานติก้าผับ ซึ่งท่านไม่ได้เข้าไปบริหาร และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเงียบไว้จะดีกว่าออกมาพูด เพราะการออกมาพูดตอบโต้ก็จะยิ่งแสดงว่าร้อนตัว" พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว และว่า ขณะนี้ พ.ต.อ.ประยนต์ ได้ลงพื้นที่ไปร่วมคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ ด.ต.ชิต ทองชิต อดีตตำรวจทางหลวงที่ออกมาแฉเรื่องส่วยทางหลวง ที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าท่านเป็นคนทำงานอย่างจริงจังคนหนึ้งต้องขึ้นเหนือล่องใต้ตลอดเวลา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับตนแล้วในฐานะที่รู้จักและทำงานร่วมกับ พ.ต.อ.ประยนต์ มานาน ก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวและเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน หากว่าท่านชอบเที่ยวหรือไปปรากฎตัวที่ซานติก้าผับเพื่อให้เจ้าหน้าที่เกรงอกเกรงใจอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท่านไม่เคยทำเช่นนั้น ส่วนการที่มีชื่อปรากฎในเอกสารการเป็นหุ้นส่วนของซานติก้าผับอันนี้คงต้องตรวจสอบกันต่อไปว่าถูกนำชื่อไปใส่ไว้ได้อย่างไรต้องไปตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะสามารถรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ ผบช.ก.ได้ทันกำหนดในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้หรือไม่ พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า จะพยายามดำเนินการให้เสร็จเพราะเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาได้กำชับมา สำหรับการสอบปากคำพยานคงเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ประยนต์