xs
xsm
sm
md
lg

"จงรัก"เล่นลิ้น โยนศาลชี้ขาดคดีซานติก้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(3 ก.พ.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยถึงกรณีที่นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาเปิดเผยวิดีโอเทปซานติก้าผับจนเกิดกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่าง 2 หน่วยงาน ว่า ทั้งสองหน่วยงานไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่เป็นเรื่องของการรับฟังพยานวัตถุ กับพยานบุคคล ที่ผ่านมาตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไปตามพยานบุคคลผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งศาลเองก็อนุมัติหมายจับให้ โดยเมื่อวันที่ 30 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนเองได้พาพยานบุคคลที่เป็นคนถ่ายวีดีโอไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซักถามด้วยตัวเอง และพยานปากนี้ก็ยังยืนยันว่าเห็นผู้ต้องหาเป็นคนจุดพลุก่อนเกิดเพลิงไหม้ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้ศาลเป็นผู้วิเคราะห์และวินิจฉัยเองว่าพยานบุคคลมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เห็นเหตุการณ์อย่างไร ขณะเกิดเหตุอยู่ตรงไหน สามารถมองเหตุการณ์ได้ชัดเจนหรือไม่ เช่นเดียวกับวีดีโอที่มีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ศาลก็จะต้องตรวจสอบว่า ใครเป็นคนถ่าย ถ่ายไว้ได้ช่วงไหนครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องพิจารณากันให้ดีว่าอะไรมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่ากัน จึงไม่อยากให้ใครมาชี้ถูกชี้ผิดกันในขณะนี้
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องแล้ว 5 คน ตั้งแต่เจ้าของ ผู้จัดการฝ่าย และนักร้อง ที่มีพยานยืนยันว่าเป็นคนจุดพลุในคืนเกิดเหตุ ซึ่งทุกขั้นตอนของการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความรอบครอบและยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจับแพะ

**อ้างเทปหมอพรทิพย์ไม่ชัดเจน**
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตำรวจยังไม่ปิดคดี เนื่องจากยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกหลายส่วน ส่วนการที่ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีเทปจากกล้องวงจรปิดหลังจากเกิดเหตุนั้น ปรากฏว่าเทปดังกล่าวไม่มีภาพที่ชัดเจน กรณีนี้จึงเป็นปัญหาระหว่างพยานบุคคลกับวัตถุ ซึ่งศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ตำรวจหรือใครก็ไม่มีอำนาจที่จะไปตัดสิน
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวอีกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวทางดีเอสไอไม่ได้มีการส่งมาให้ตำรวจเลย ตนเพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากนั้นตนได้ขอไปยัง พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ เพื่อนำมาประกอบกับสำนวนการสอบสวน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียหน้าหรือเสียความรู้สึกในการทำคดีหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ไม่หรอก เราร่วมมือกันตั้งแต่แรก นอกจากนี้นายพีระพันธ์ ยังกรุณาให้ตนพาพยานไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด และยังเลี้ยงข้าวตนด้วย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการพิจารณาสำนวนใหม่อีกครั้งหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจพร้อมที่จะรับเทปดังกล่าวมาประกอบสำนวนการสอบสวน แต่ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ไม่ให้ อย่างไรก็ตามทราบว่าจะมีการรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีความผิดอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตำรวจเองก็ไม่ขัดข้อง
**ไม่หวั่นผู้ต้องหาฟ้องกลับ**
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตำรวจทราบมาก่อนหรือไม่ว่ามีการค้ายาเสพติดในซานติก้าผับ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า กรณีดังกล่าว พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ เอาเครื่องมือมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและเครื่องมือดังกล่าวส่งสัญญาณว่าผับแห่งนี้เคยมีการค้ายาเสพติด ซึ่งหากเป็นเครื่องมือที่ศาลรับฟัง ได้ก็ไม่มีปัญหา ตำรวจก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานที่มีการมั่วสุมค้ายาเสพติดในสถานบริการ ซึ่งยืนยันว่าประเด็นเหล่านี้ตำรวจไม่ได้ละเลย อย่างไรก็ตามการสอบสวนคดีในเรื่องการก่อสร้างอาคาร การเสียภาษี กระทรวงยุติธรรม ก็มีอำนาจที่จะดำเนินการได้ ตำรวจมีอำนาจหน้าที่เฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ถือเป็นเรื่องที่เข้ามาช่วยตรวจสอบเพราะยังมีความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมาก
เมื่อถามว่าตำรวจหนักใจหรือไม่หากผู้ต้องหาจะมีการฟ้องกลับ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องนี้มีพยานบุคคลชัดเจน ก่อนจับกุมก็ต้องไปขออนุมัติจากศาล ซึ่งตำรวจดำเนินการตามหมายจับของศาล ซึ่งใครที่จะมากล่าวหาว่าตำรวจจับแพะจะต้องระมัดระวัง
ส่วนกรณีที่มีชื่อนายตำรวจระดับรองผบก.ป.ไปมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นนั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวยืนยันว่าตำรวจจะไม่มีการช่วยเหลือกัน แต่เนื่องจากตนไม่ได้กำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายตำรวจคนดังกล่าว ตนกำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งหากอยู่ในกำกับดูแลของตนก็คงดำเนินการไปแล้ว
**"พีระพันธ์"ยันไม่ได้หักหน้าตร.**
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมจะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)เพื่อรับโอนคดีซานติก้าผับมาเป็นคดีพิเศษในการประชุมวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ โดยเนื้อเทปที่ตนได้ดูเป็นบางส่วนของวีดีโอ และถูกไฟไหม้บางส่วน เหลืออยู่เท่าที่เห็น เบื้องต้นได้ข้อมูลว่ามีกล้อง 3 ตัว เทปนี้ พล.ต.อ.จงรัก ก็ดูเมื่อวันศุกร์ เพราะนายกฯบอกว่าให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทางตำรวจต้องเข้าใจว่าเขาไม่เห็นเหตุการณ์ เขาฟังจากพยานบุคคล เมื่อเห็นเทป พล.ต.อ.จงรัก ก็บอกว่าไปเชิญพยานมาดู พอเขาดู เขาก็บอกว่าทำไมมันไม่มีอย่างที่เขาเห็น พยานที่ยืนยันตอนนี้มีเพียง 1 ปาก
พอโอนมาเป็นคดีพิเศษ คงไม่ถึงขนาดรื้อคดีใหม่ คงมาช่วยกันทำงานมากกว่า เราไม่มีเจตนาไปหักหน้า หรือฉีกหน้าตำรวจ ตำรวจก็บอกว่าเขาทำอะไรไม่ได้ เพราะพยานยืนยันมาว่าอย่างนั้น
"เป้าหมายของเราต้องการให้รู้ว่าปัญหาที่เกิดมันคืออะไร และไม่ต้องการให้เกิดอีก และมีคนมาให้ข้อมูล พบว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ว่าจะมีความผิดอื่น ๆ อีก เมื่อตรวจสอบไปแล้วพบว่ามีการปลอมแปลงลายมือชื่อวิศวกร สถาปนิก ไปก่อสร้างหลายแห่ง มันเป็นกระบวนการเลย"
**"คุณหญิงหมอ"ชี้ไหม้จุดวีไอพีแปลก**
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การสืบสวนสาเหตุเพลิงไหม้ในส่วนของโซนวีไอพี ที่พบว่ามีลักษณะของเพลิงไหม้ซึ่งแปลก และไม่เข้ากับเหตุการณ์ในจุดอื่นภายในซานติก้าผับนั้น คงต้องรอให้คดีโอนเป็นคดีพิเศษก่อน จากนั้นจะประสานขอหลักฐานจากสำนักวิทยาการตำรวจ เพื่อจำลองเหตุการณ์เพลิงไหม้และเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ให้หลักฐานภาพวิดีโอนี้กับตำรวจนั้น ยืนยันว่า ในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้สั่งการว่า จะยังไม่มอบหลักฐานวิดีโอให้พนักงานสอบสวน เพราะต้องการเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ลงมติรับโอนคดีเป็นคดีพิเศษ จากนั้นดีเอสไอจึงจะทำงานร่วมกับตำรวจ
**ป.ป.ท.สอบปลอมลายเซ็นวิศวกร**
วันเดียวกัน เวลา 14.30 น.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)เข้าหารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) และคณะผู้บริหารกทม. เพื่อประสานข้อมูลกรณีพบการปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรอาคารซานติก้า ผับ และอาคารอื่นในกทม.กว่า 30 แห่ง รวมถึงการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในช่วงที่มีการขออนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวโดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที
ทั้งนี้ นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ เลขาธิการ ป.ป.ท.เพียงเข้ารายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนกรณีซานติก้า ผับของกระทรวงยุติธรรมให้ผู้ว่าฯกทม.รับทราบโดยผลสรุปอย่างสมบูรณ์จะแล้วเสร็จใน 2 สัปดาห์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเป็นอย่างดีซึ่งผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกทม.ที่ตั้งขึ้นก็จะแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน
ส่วนกรณีการปลอมลายเซ็นก็ได้เร่งรัดให้สำนักการโยธา(สนย.) ประสานขอข้อมูลจากป.ป.ท.ขอรายชื่ออาคารและให้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการปลอมลายเซ็นจริงไหม และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เบื้องต้นอาจต้องมีการเชิญวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็นเข้ามาให้ข้อมูล แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการระงับการใช้อาคารกว่า 30 แห่งที่มีการระบุว่าถูกปลอมลายเซ็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างเพราะจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและความมั่นคงแข็งแรงของอาคารก่อน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าตนจะไม่ปกป้องข้าราชการกทม.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
**ผอ.บางเขนเชิญเจ้าของอาคารให้ข้อมูล**
นางวรียา พุทธชินวงศ์ ผู้อำนวยการเขตบางเขน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโยธาเขตได้ทยอยส่งหนังสือเชิญเจ้าของอาคารกว่า 30 แห่ง ในพื้นที่เขตบางเขน ซึ่งมีทั้งอาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัย ที่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ระบุว่ามีการปลอมลายเซ็นของนางวันรพี วุฒิมานานนท์ เป็นวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างอาคาร เช่นเดียวกับที่ซานติก้า ผับ เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือปลอมเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงไปยังต้นตอของปัญหาได้
อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีเจ้าหน้าที่เขตเข้าไปร่วมขบวนการปลอมแปลงลายเซ็นตามที่นางวันรพี ที่ถูกปลอมลายเซ็นตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเกิดจากกรณีที่ตนเคยนำเอกสารไปยื่นแบบขออนุญาตเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร ที่สำนักงานเขตบางเขน จึงอาจทำให้เจ้าหน้าที่บางคนมีสำเนาเอกสารของตน นั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจะต้องถูกลงโทษตามระเบียบราชการกทม.
ผอ.เขตบางเขน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นางวันรพี ออกมาระบุว่า ทางเขตไม่อนุญาตให้คัดสำเนาการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่มีชื่อระบุอยู่นั้นเป็นเพราะ ทางเขตได้ส่งเอกสารฉบับจริงทั้งหมดไปให้ดีเอสไอ ตามที่ประสานขอมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้นในขณะนี้จึงยังไม่มีข้อมูลอยู่ที่เขตแต่อย่างใด
**วิศวกรแจ้งจับถูกปลอมลายเซ็น**
นางวันรพี วุฒิมานานนท์ อาชีพวิศวกร ซึ่งมีรายชื่อระบุเป็นวิศกรผู้ควบคุมการก่อสร้างอาคารซานติก้า ผับ เปิดเผยหลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาล บางเขน กรณีถูกปลอมลายเซ็นขออนุญาตก่อสร้างอาคารกว่า 30 แห่งในเขตบางเขน ว่าหลังจากทราบเรื่องจากกระทรวงยุติธรรมว่า มีรายชื่อตนเป็นผู้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารซานติก้า ผับ ตนจึงเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจนครบาล ทองหล่อ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ร้อยเวรยังไม่ออกเลขคดีให้ และยังไม่ดำเนินการใดๆ รวมทั้งไม่เคยติดต่อเรียกตนไปให้ปากคำเพิ่มเติม ตนจึงเดินทางไปที่สำนักงานเขตวัฒนา เพื่อขอคัดสำเนาใบอนุญาตขอก่อสร้างอาคารที่มีชื่อของตน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้คัดสำเนา
“ความรู้สึกแรกที่รู้ว่า มีชื่อเป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารรู้สึกตกใจจนร้องไห้ เพราะถูกปลอมแปลงลายมือชื่อ เป็นวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างถึง 32 แห่งในเขตบางเขน และยังถูกปลอมลายมือชื่อไปใช้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารในเขตอื่นอีก 3 แห่ง”นางวันรพีกล่าว
**พิมพ์เขียวอาคารซานติก้าหาย**
ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.ชนิน วชิรปราณีกูล รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ กล่าวยอมรับว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นางวันรพี ได้เดินทางมาแจ้งความดังกล่าวจริง โดยเจ้าตัวเดินทางมาแจ้งว่าได้เดินทางไปที่เขตวัฒนา หลังจากทราบว่ามีชื่อเป็นวิศวกร ผู้ตรวจสอบแบบแปลนของอาคารซานติก้าผับ เพื่อขอเอกสารพิมพ์เขียวแบบแปลนที่คาดว่าจะมีลายเซ็นปลอมของตนเองอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา ค้นหาไม่พบจึงเดินทางมาแจ้งความ ซึ่งในวันนั้นทางตำรวจได้ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากยังรับเป็นคดีไม่ได้ เพราะไม่มีพิมพ์เขียวแบบแปลนที่เป็นหลักฐานยืนยันว่า มีการปลอมลายเซ็นนางวันรพีจริง
“หลังจากลงบันทึกประจำวันแล้ว ตำรวจได้ประสานไปยังสำนักงานเขตวัฒนา ให้ช่วยค้นหา พิมพ์เขียวของอาคารซานติก้าผับ แต่ทางสำนักงานเขตหาพิมพ์เขียวดังกล่าวไม่พบ และหลังจากนั้นไม่กี่วันทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา ได้เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า พิมพ์เขียวแบบแปลนของอาคารซานติก้าผับหายไปแล้ว นี่คือข้อเท็จจริง” พ.ต.ท.ชนิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนาเข้าแจ้งความนั้น ทาง พ.ต.ท.ประวิทย์ กังวล พนักงานสอบสวน (สบ 3) เป็นผู้รับแจ้งความว่า ใบอนุญาตในการขอเปิดสถานบริการของซานติก้าผับหายไป โดยใบอนุญาตดังกล่าวมีพิมพ์เขียวแบบแปลนอาคารซานติก้าผับ และเอกสารอื่นๆ ที่แนบอยู่ด้วย หายไปทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น