เดอะมอลล์ อัดฉีด 400ล้านบาท ลุยแผนกผู้หญิงเรือธงโกยรายได้ หลังพบพฤติกรรมสาวไทยยังชอปปิ้งสวนกระแสเศรษฐกิจซบ วางหมากแผนกเครื่องสำอางดาวรุ่ง ชูอีโมชันนัล-ซีซันนัล มาร์เก็ตติง ล่อใจ สิ้นปีแผนกผู้หญิงโต 7% กวาด 9,700ล้านบาท
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า รายได้ของกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในเดือนมกราคม 3,500 ล้านบาท ไม่มีอัตราการเติบโต จากเดิมที่คาดว่ามีอัตราการเติบโต 3-5% อย่างไรก็ตามพบว่า แผนกผู้หญิง ซึ่งมีเครื่องสำอาง สินค้าแฟชัน และชุดชั้นใน มีรายได้เติบโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ดังนั้นในปีนี้เดอะกรุ๊ป จึงให้ความสำคัญและดำเนินการตลาดในเชิงกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้อารมณ์ตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าเหตุผล มีอำนาจการตัดสินใจซื้อสูง และมีพฤติกรรมการซื้อซ้ำเพิ่มมากกว่าผู้ชาย และประการสำคัญสามารถใช้กลยุทธ์อีโมชันนัลกระตุ้นในง่ายมากกว่า
"ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ดีใน 2540 แผนกผู้หญิงยังมีการเติบโต และปีนี้ก็คาดว่าเติบโตเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นฟังก์ชัน การตัดสินใจซื้อต้องใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ทั้งพบว่าในช่วงต้นปี กลุ่มเครื่องสำอางเติบโต ส่วนแฟชันและชุดชั้นในไม่เติบโต"
จากการสำรวจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป พบว่า ผู้หญิงไทยวัยทำงาน 80% จาก 15.9 ล้านคน ให้ความสำคัญ กับการดูแลตนเองโดยใส่ใจความงามของหน้าตา 2.เสื้อผ้า และ3. ทรงผม และผู้หญิงไทยมากกว่า 71% ยอมจ่ายเงินที่สูงขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และมีการใช้จ่ายซื้อเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เฉลี่ย 6,000-7,000 บาทต่อเดือน และกว่า 50% ของผู้หญิง มีพฤติกรรมพร้อมจ่าย พกบัตรเครดิตอย่างน้อย 1 ใบ มีเงินสำรองเพื่อซื้อ ผ่านบัตร 16,200 บาท ต่อเดือน ส่วนพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอาง 56% ราว 5,000 บาท ต่อครั้ง และมีความถี่ในการซื้อ 4 ครั้งต่อปี ส่วนเสื้อผ้า 52% ซื้อเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งหรือมากกว่า และซื้อสินค้าเฉลี่ย 800 บาท
สำหรับบิวตี้ ฮอลล์ ปีนี้ได้ทุ่มงบ 300-400 ล้านบาท ดำเนินการตลาด ภายใต้กลยุทธ์ซีซันนัล มาร์เก็ตติง ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ บิวตี้ ฮอลล์ สินค้าแฟชัน และชุดชั้นใน-ชุดว่ายน้ำ โดยในกลุ่มบิวตี้ จะมีการเปลี่ยนสินค้าตามเทรนด์แต่ละซีซัน อีกทั้งยังสร้างความต่างจากคู่แข่งด้วยการจัดกิจกรรมการตลาด ควบคู่จัดโปรโมชันจากบัตรเครดิต
ล่าสุดจัดกิจกรรมถ่ายทอดผู้หญิง 10 แบบ และโครงการบิวตี้ เฟสติวัล ครั้งใหญ่ รวบรวมสินค้าและบริการความงาม ต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังมาถึง เริ่มระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม นี้ ที่ เดอะมอลล์บางแค และเอ็มโพเรียม ตลอดจนการดึงเครื่องสำอางเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ Santa Maria และ Novella ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 10% กวาดรายได้กว่าจาก 3,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,800 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมากลุ่มเครื่องสำอางพลาดเป้าการเติบโตจาก 15% เป็นโต 10%
ด้านกลุ่ม วี เลิฟ แฟชัน ประกอบด้วย เสื้อผ้าผู้หญิง รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ เน้นภาพลักษณ์แต่ละโซนให้มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมกันเน้นสินค้าดีไซน์จากต่างประเทศ ทั้งนี้สิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 7% หรือเพิ่มจาก 4,300 ล้านบาท เป็น 4,600 ล้านบาท ส่วนกลุ่มชุดชั้นใน เน้นกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ตลอดจนการออกคอลเลกชันสำหรับใส่เดินชายหาด สำหรับปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 5% หรือมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า รายได้ของกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในเดือนมกราคม 3,500 ล้านบาท ไม่มีอัตราการเติบโต จากเดิมที่คาดว่ามีอัตราการเติบโต 3-5% อย่างไรก็ตามพบว่า แผนกผู้หญิง ซึ่งมีเครื่องสำอาง สินค้าแฟชัน และชุดชั้นใน มีรายได้เติบโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ดังนั้นในปีนี้เดอะกรุ๊ป จึงให้ความสำคัญและดำเนินการตลาดในเชิงกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้อารมณ์ตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าเหตุผล มีอำนาจการตัดสินใจซื้อสูง และมีพฤติกรรมการซื้อซ้ำเพิ่มมากกว่าผู้ชาย และประการสำคัญสามารถใช้กลยุทธ์อีโมชันนัลกระตุ้นในง่ายมากกว่า
"ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ดีใน 2540 แผนกผู้หญิงยังมีการเติบโต และปีนี้ก็คาดว่าเติบโตเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นฟังก์ชัน การตัดสินใจซื้อต้องใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ทั้งพบว่าในช่วงต้นปี กลุ่มเครื่องสำอางเติบโต ส่วนแฟชันและชุดชั้นในไม่เติบโต"
จากการสำรวจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป พบว่า ผู้หญิงไทยวัยทำงาน 80% จาก 15.9 ล้านคน ให้ความสำคัญ กับการดูแลตนเองโดยใส่ใจความงามของหน้าตา 2.เสื้อผ้า และ3. ทรงผม และผู้หญิงไทยมากกว่า 71% ยอมจ่ายเงินที่สูงขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และมีการใช้จ่ายซื้อเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เฉลี่ย 6,000-7,000 บาทต่อเดือน และกว่า 50% ของผู้หญิง มีพฤติกรรมพร้อมจ่าย พกบัตรเครดิตอย่างน้อย 1 ใบ มีเงินสำรองเพื่อซื้อ ผ่านบัตร 16,200 บาท ต่อเดือน ส่วนพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอาง 56% ราว 5,000 บาท ต่อครั้ง และมีความถี่ในการซื้อ 4 ครั้งต่อปี ส่วนเสื้อผ้า 52% ซื้อเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งหรือมากกว่า และซื้อสินค้าเฉลี่ย 800 บาท
สำหรับบิวตี้ ฮอลล์ ปีนี้ได้ทุ่มงบ 300-400 ล้านบาท ดำเนินการตลาด ภายใต้กลยุทธ์ซีซันนัล มาร์เก็ตติง ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ บิวตี้ ฮอลล์ สินค้าแฟชัน และชุดชั้นใน-ชุดว่ายน้ำ โดยในกลุ่มบิวตี้ จะมีการเปลี่ยนสินค้าตามเทรนด์แต่ละซีซัน อีกทั้งยังสร้างความต่างจากคู่แข่งด้วยการจัดกิจกรรมการตลาด ควบคู่จัดโปรโมชันจากบัตรเครดิต
ล่าสุดจัดกิจกรรมถ่ายทอดผู้หญิง 10 แบบ และโครงการบิวตี้ เฟสติวัล ครั้งใหญ่ รวบรวมสินค้าและบริการความงาม ต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังมาถึง เริ่มระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม นี้ ที่ เดอะมอลล์บางแค และเอ็มโพเรียม ตลอดจนการดึงเครื่องสำอางเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ Santa Maria และ Novella ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 10% กวาดรายได้กว่าจาก 3,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,800 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมากลุ่มเครื่องสำอางพลาดเป้าการเติบโตจาก 15% เป็นโต 10%
ด้านกลุ่ม วี เลิฟ แฟชัน ประกอบด้วย เสื้อผ้าผู้หญิง รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ เน้นภาพลักษณ์แต่ละโซนให้มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมกันเน้นสินค้าดีไซน์จากต่างประเทศ ทั้งนี้สิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 7% หรือเพิ่มจาก 4,300 ล้านบาท เป็น 4,600 ล้านบาท ส่วนกลุ่มชุดชั้นใน เน้นกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ตลอดจนการออกคอลเลกชันสำหรับใส่เดินชายหาด สำหรับปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 5% หรือมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท
