ทีวีบูรพาดิ้นหนีตาย ฉีกตลาดทำรายการทีวีมุ่งการทำตลาดหารายได้มากขึ้น ไม่ทิ้งลายชูรายการสาระประโยชน์ ในรูปแบบ เรียลลิตี้โชว์ ผ่านรายการ”คิดข้ามเมฆ” ทางช่อง 9โมเดิร์นไนน์ พร้อมโฟกัสบินแบบลดความเสี่ยง มุ่งเน้นรายการรับจ้างผลิตเพิ่มอีก 3 รายการ หลังปีนี้มีรายการโทรทัศน์รวม 3 รายการ ทั้งปีคาดรักษาระดับรายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ล่าสุดทุ่มอีก 90 ล้านย้ายบ้านใหม่แน่ปลายปีนี้
นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด และบริษัท บ้านบันดาลใจ จำกัด ในเครือบริษัท เจ เอส แอล จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานของทีวีบูรพาในปีนี้ ในส่วนของรายการโทรทัศน์ จะมีเพิ่มอีก 1 รายการ คือ คิดข้ามเมฆ ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ ที่มีเนื้อหารายการที่เป็นสาระประโยชน์ จับกลุ่มเป้าหมายระดับนักศึกษาที่กำลังจะจบ หรือกลุ่มเฟิร์ทส จ๊อบเปอร์ ให้ได้เป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป
ทั้งนี้เนื้อหาในรายการจะเป็นลักษณะของการรีแบรนด์ดิ้ง หรือปรับโพซิชั่นนิ่งของสินค้าใหม่ จากเดิมที่เป็นสินค้าพื้นๆ จะต้องสามารถนำมาขายในห้างสรรพสินค้าได้จริง ผ่านการแข่งขันของกลุ่มนักศึกษา ที่จะต้องลงมือปฎิบัติจริง โดยการถ่ายทำนอกสถานที่และสตูดิโอคิดข้ามเมฆ ที่ตกแต่งขึ้นใหม่ ย่าน อาร์ซีเอ ภายใต้งบกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯได้มีการทำรายการดังกล่าวมากว่า 2 ปี ซึ่งใช้งบไปอีกกว่า 2 ล้านบาท รวมแล้วรายการนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 5 ล้านบาท ปีนี้พร้อมที่จะนำเสนอผ่านสื่อทีวี ในช่องโมเดิร์นไนน์ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 15.00-16.00น. เริ่มตอนแรก “ครกหิน” ในวันเสาร์ที่ 7กุมภาพันธ์นี้ โดยช่วงเวลาดังกล่าว เป็นโควต้าของรายการ จุดเปลี่ยน
“จะเห็นว่า รูปแบบรายการของบริษัทฯจะเปลี่ยนไปจากเดิม มองว่าเราต้องมีการพัฒนาตัวเอง ให้หลีกหนีรูปแบบรายการเดิม แต่จะต้องคงไว้ซึ่งสาระประโยชน์แก่ผู้ชม แต่ไม่ได้หมายความว่ารายการที่มีอยู่ก่อนหน้าจะมีเรตติ้งหรือโฆษณาได้ลดลง ทุกรายการยังอยู่ได้แต่อาจจะไม่บูมเท่าอดีตที่ผ่านมา เรายังขายโฆษณาได้ ขณะที่ทางช่อง9เอง กลับขายโฆษณาได้ยาก อย่างรายการจุดเปลี่ยนที่ต้องยุติลง ดังนั้นจากการที่ได้ร่วมงานกับทางช่อง9 มานาน เราจึงต้องมีการปรับรูปแบบรายการที่ต้องมุ่งเรื่องของการตลาดไปด้วย เพื่อให้เราและทางช่อง9 ต่างก็ได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ในลักษณะวิน-วิน ทั้งคู่ จึงได้ออกมาเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ดังกล่าว”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ขณะนี้บริษัทฯจะมีรายการโทรทัศน์ทั้งหมด 3 รายการ คือ คนค้นฅน กบนอกกะลา และล่าสุดกับ คิดข้ามเมฆ อย่างไรก็ตามมองว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ รายการดีจริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบรายการเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองด้วย เพราะเอเจนซีโฆษณาต่างก็ต้องรอดูสถานการณ์ เพื่อพิจารณาในการใช้เงินกับสื่อเช่นเดียวกัน ซึ่งในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งในภาพรวมสื่อโทรทัศน์ และของบริษัทฯเอง ยอมรับว่า รายได้จากโฆษณาลดลงกว่า 60%
ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นเรื่องของการลดความเสี่ยง กับการรับจ้างผลิตรายการมากยิ่งขึ้น ภายใต้บริษัทลูกที่ชื่อ บ้านบันดาลใจ จากเดิมในช่วง 6 เดือนหลังของปีก่อน ได้รับจ้างผลิต 2 รายการ ป้อนให้กับทีวีไทย คือ แผ่นดินไทย และพลเมืองเด็ก ถือเป็นการทำงานที่ไม่มีความเสี่ยง ถึงแม้ว่ากำไรจะน้อยก็ตาม โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมนำเสนออีก 3 รายการในกลุ่มรับจ้างผลิต ทั้งยื่นตรงกับทางทีวีไทย และผ่านทางทีโออาร์ของสสส. คาดว่าจะสรุปผลในระยะอันใกล้นี้
จากกลยุทธ์ที่กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะช่วยให้บริษัทฯรักษาผลประกอบการได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ที่ทำได้กว่า 100 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานที่ต้องวางแผนกันแบบเดือนต่อเดือน เพราะสถานการณ์ต่างๆอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่สัดส่วนรายได้ปัจจุบันกว่า 75-80% มาจากรายการทีวี (รวมรับจ้างผลิตซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่) และ 15-20% มาจากสิ่งพิมพ์ จากนิตยสารในเครือ
ทุ่ม 90ล้าน ย้ายบ้านใหม่
อย่างไรก็ตามทางทีวีบูรพา ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 90 ล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อที่ดิน 5 ไร่มูลค่า 50 ล้านบาท ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพื่อสร้างออฟฟิศและสตูดิโอในการทำงานแห่งใหม่ คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถย้ายเข้าไปได้
นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด และบริษัท บ้านบันดาลใจ จำกัด ในเครือบริษัท เจ เอส แอล จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานของทีวีบูรพาในปีนี้ ในส่วนของรายการโทรทัศน์ จะมีเพิ่มอีก 1 รายการ คือ คิดข้ามเมฆ ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ ที่มีเนื้อหารายการที่เป็นสาระประโยชน์ จับกลุ่มเป้าหมายระดับนักศึกษาที่กำลังจะจบ หรือกลุ่มเฟิร์ทส จ๊อบเปอร์ ให้ได้เป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป
ทั้งนี้เนื้อหาในรายการจะเป็นลักษณะของการรีแบรนด์ดิ้ง หรือปรับโพซิชั่นนิ่งของสินค้าใหม่ จากเดิมที่เป็นสินค้าพื้นๆ จะต้องสามารถนำมาขายในห้างสรรพสินค้าได้จริง ผ่านการแข่งขันของกลุ่มนักศึกษา ที่จะต้องลงมือปฎิบัติจริง โดยการถ่ายทำนอกสถานที่และสตูดิโอคิดข้ามเมฆ ที่ตกแต่งขึ้นใหม่ ย่าน อาร์ซีเอ ภายใต้งบกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯได้มีการทำรายการดังกล่าวมากว่า 2 ปี ซึ่งใช้งบไปอีกกว่า 2 ล้านบาท รวมแล้วรายการนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 5 ล้านบาท ปีนี้พร้อมที่จะนำเสนอผ่านสื่อทีวี ในช่องโมเดิร์นไนน์ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 15.00-16.00น. เริ่มตอนแรก “ครกหิน” ในวันเสาร์ที่ 7กุมภาพันธ์นี้ โดยช่วงเวลาดังกล่าว เป็นโควต้าของรายการ จุดเปลี่ยน
“จะเห็นว่า รูปแบบรายการของบริษัทฯจะเปลี่ยนไปจากเดิม มองว่าเราต้องมีการพัฒนาตัวเอง ให้หลีกหนีรูปแบบรายการเดิม แต่จะต้องคงไว้ซึ่งสาระประโยชน์แก่ผู้ชม แต่ไม่ได้หมายความว่ารายการที่มีอยู่ก่อนหน้าจะมีเรตติ้งหรือโฆษณาได้ลดลง ทุกรายการยังอยู่ได้แต่อาจจะไม่บูมเท่าอดีตที่ผ่านมา เรายังขายโฆษณาได้ ขณะที่ทางช่อง9เอง กลับขายโฆษณาได้ยาก อย่างรายการจุดเปลี่ยนที่ต้องยุติลง ดังนั้นจากการที่ได้ร่วมงานกับทางช่อง9 มานาน เราจึงต้องมีการปรับรูปแบบรายการที่ต้องมุ่งเรื่องของการตลาดไปด้วย เพื่อให้เราและทางช่อง9 ต่างก็ได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ในลักษณะวิน-วิน ทั้งคู่ จึงได้ออกมาเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ดังกล่าว”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ขณะนี้บริษัทฯจะมีรายการโทรทัศน์ทั้งหมด 3 รายการ คือ คนค้นฅน กบนอกกะลา และล่าสุดกับ คิดข้ามเมฆ อย่างไรก็ตามมองว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ รายการดีจริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบรายการเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองด้วย เพราะเอเจนซีโฆษณาต่างก็ต้องรอดูสถานการณ์ เพื่อพิจารณาในการใช้เงินกับสื่อเช่นเดียวกัน ซึ่งในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งในภาพรวมสื่อโทรทัศน์ และของบริษัทฯเอง ยอมรับว่า รายได้จากโฆษณาลดลงกว่า 60%
ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นเรื่องของการลดความเสี่ยง กับการรับจ้างผลิตรายการมากยิ่งขึ้น ภายใต้บริษัทลูกที่ชื่อ บ้านบันดาลใจ จากเดิมในช่วง 6 เดือนหลังของปีก่อน ได้รับจ้างผลิต 2 รายการ ป้อนให้กับทีวีไทย คือ แผ่นดินไทย และพลเมืองเด็ก ถือเป็นการทำงานที่ไม่มีความเสี่ยง ถึงแม้ว่ากำไรจะน้อยก็ตาม โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมนำเสนออีก 3 รายการในกลุ่มรับจ้างผลิต ทั้งยื่นตรงกับทางทีวีไทย และผ่านทางทีโออาร์ของสสส. คาดว่าจะสรุปผลในระยะอันใกล้นี้
จากกลยุทธ์ที่กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะช่วยให้บริษัทฯรักษาผลประกอบการได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ที่ทำได้กว่า 100 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานที่ต้องวางแผนกันแบบเดือนต่อเดือน เพราะสถานการณ์ต่างๆอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่สัดส่วนรายได้ปัจจุบันกว่า 75-80% มาจากรายการทีวี (รวมรับจ้างผลิตซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่) และ 15-20% มาจากสิ่งพิมพ์ จากนิตยสารในเครือ
ทุ่ม 90ล้าน ย้ายบ้านใหม่
อย่างไรก็ตามทางทีวีบูรพา ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 90 ล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อที่ดิน 5 ไร่มูลค่า 50 ล้านบาท ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพื่อสร้างออฟฟิศและสตูดิโอในการทำงานแห่งใหม่ คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถย้ายเข้าไปได้
