xs
xsm
sm
md
lg

CKคว้าสายสีม่วง-กำไร 2 พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-เปิดเกมชิงดำรถไฟฟ้าสีม่วงเผย ช.การช่างชิวสัญญา 1 ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท เหตุต้นทุนค่าก่อสร้างปัจจุบันลดลงมาก ขณะที่รฟม.มีสิทธิ์ยกเลิกประมูลหากผู้รับเหมาไม่ลดค่าก่อสร้างตามความจริง วงการผู้รับเหมาชี้ จับตา ผลประโยชน์ต่างตอบแทน เก้าอี้บิ๊กรฟม. ด้านบอร์ดรฟม.อ้างสมัคร 3 คน หวั่นล็อคสเปค ชี้เปิดทางปรับลดสเปคสรรหาผู้ว่าฯรฟม.อาจเกี่ยวกับการเปิดทางช.การช่างได้งานในราคาสูงกว่าจริง


แหล่งข่าวจากวงการผู้รับเหมาเปิดเผยว่า การประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ระยะทาง 23 กม.มูลค่าโครงการรวมประมาณ 36,000 ล้านบาท ในสัญญาที่ 1 กลุ่มกิจการร่วมค้า CKTC (บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ โตคิวจากญี่ปุ่น) เสนอราคาต่ำสุด 16,724,500,000 บาท นั้น หากมีการเจรจาปรับลดค่าก่อสร้างลงไม่เกิน 10% คาดว่า กลุ่มผู้รับเหมาจะได้กำไร 2,000-3,000 ล้านบาท เนื่องจาก ราคาที่กลุ่ม CKTC เสนอคำนวนช่วงเดือนก.ค. 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่ น้ำมันและวัสดุก่อสร้างหลักเช่นเหล็ก ปูน มีราคาสูงมาก แต่ปัจจุบันต้นทุนเหล่านั้นได้ปรับลดลงมากแล้ว

ในขณะทีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทที่ปรึกษาได้กำหนดกรอบค่าก่อสร้างสัญญาที่ 1 ในช่วงที่มีการเปิดประมูลไว้ที่ประมาณ 13,400 ล้านบาท ต่างกันกว่า 3,300 ล้านบาท และเมื่อเทียบต้นทุนวัสดุในเดือนม.ค. 52 ที่มีการเปิดซองข้อเสนอราคานั้น ต้นทุนได้ปรับลดลงมาในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงที่รฟม.มีการคำนวนกำหนดกรอบวงเงินไว้

อย่างไรก็ตาม หากรฟม.พิจารณาโดยยึดประโยชน์องค์กรเป็นหลัก เงื่อนไขของรฟม.กำหนดให้สามารถยกเลิกการประกวดราคาได้หากไม่สามารถเจรจาราคาให้เป็นธรรมกับรฟม. ซึ่งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น (ไจก้า) เห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ ในขณะเดียวกันคณะกรรมการประกวดราคาในส่วนของผู้แทนอัยการ ได้แสดงความเห็นในกรณีดังกล่าวไว้แล้ว แลขณะนี้มีแรงกดดันที่จะปรับเปลี่ยนผู้แทนจากอัยการ เพื่อให้การเจรจาไม่สะดุด

แจงราคาสูงกว่ากรอบเหตุวัสดุบางตัวขึ้นแล้วไม่ลงตามน้ำมัน

ด้านนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าฯรฟม. (วิศวกรรมและก่อสร้าง) ในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ)กล่าวว่า คณะกรรมการประกวดราคาฯ ใช้ต้นทุนเดือนม.ค. 52 เป็นฐานในการเปรียบเทียบค่าก่อสร้างที่เหมาะสม ซึ่งต้นทุนเดือนม.ค.ยังสูงกว่าช่วงที่รฟม.ทำกรอบเสนอครม.แม้ว่าราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างเช่นเหล็ก หรือปูนจะลดลงแล้วแต่ก็ยังมีวัสดุบางตัวที่ขึ้นไปแล้วไม่ลง ซึ่งจะต้องเทียบกับเป็นรายการ

ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวงในฐานประธานคณะกรรมการ รฟม. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดรฟม.วานนี้ (4 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมให้ชะลอการดำเนินการประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วงและมอบหมายให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง บอร์ดรฟม. ซึ่งเป็นผู้แทนอัยการพิจารณาประเด็นที่มีการร้องเรียน ซึ่งอาจจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐแม้ว่าก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการรฟม.ได้พิจารณาว่าไม่เข้าข่ายให้เดินหน้าการประมูลไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจ

ส่อปรับลดคุณสมบัติผู้ว่าฯรฟม.

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ให้ความเห็นในการสรรหาผู้ว่าการฯ รฟม.ซึ่งปิดรับสมัครแล้วมีผู้สมัครจำนวน 3 คน โดยเห็นว่าจำนวนผู้สมัครน้อยเกินไป ดังนั้นจึงให้คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการฯ รฟม. ไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรเช่น ขยายเวลารับสมัครเพิ่ม รวมถึงการพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครที่กำหนดไว้เดิมว่าเหมาะสมหรือเป็นส่วนที่ทำให้มีผู้สมัครน้อยหรือไม่

“บอร์ดเห็นว่า หากมีผู้สมัคร 3 คน จะถูกครหาว่ากำหนด คุณสมบัติล็อคสเปคไว้ได้เพราะมีสมัครน้อย และบอร์ดก็ไม่ได้บีบกรรมการสรรหา แต่ให้กรรมการพิจารณาเอง หากยืนยันคุณสมบัติที่กำหนดว่าเหมาะสมก็อาจจะมีการขยายเวลาเพิ่ม ส่วนคนที่สมัครเดิม 3 คนก็ยังมีสิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมา การสรรหาผู้บริหารสูงสุดของหลายหน่วยงานเช่น บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) หรือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก็มีผู้สมัคร 5-6 ราย ทั้งนี้ยังมีเวลาในการปรับคุณสมบัติหากกรรมการสรรหาฯ เห็นว่าควรปรับปรุงเพราะตามระเบียบจะต้องสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.ให้เสร็จภายใน 1 ปีนับจากตำแหน่งว่างลง”

ขยายรับสมัคร15 วัน

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. กล่าวว่า จะต้องหารือกับกรรมการสรรหาฯ ซึ่งขณะนี้ต้องรอหน่วยงานตามโครงสร้างกรรมการสรรหาฯ ยืนยันรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาฯก่อน เนื่องจากกรรมการสรรหาฯ เดิมต้องสิ้นสภาพไปตามบอร์ดรฟม.ชุดเดิมที่ลาออกไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถประชุมได้ในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ตามหลักการ จะพิจารณาใน 2 กรณีคือ ขยายเวลารับสมัครออกไปประมาณ 15 วัน หรือปรับลด
คุณสมบัติเพื่อเปิดกว้างมากขึ้นแล้วขยายการรับสมัครออกไปอีก 15 วัน ทั้งนี้ขึ้นกับความเห็นของกรรมการสรรหาฯ อย่างไรก็ตามการกำหนดคุณสมบัติรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯรฟม.นั้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่รฟม.เคยเปิดรับสรรหาก่อนหน้านี้ ซึ่งนายประภัสร์ จงสงวน ได้รับการคัดเลือก

“คุณสมบัติที่ประกาศเป็นของเดิมที่เคยประกาศ ซึ่งเห็นว่าเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้วก็อาจต้องดูว่าคุณสมบัติที่กำหนดเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติต้องดูว่า คนนั้นทำงานได้หรือไม่ ไม่ได้ดูที่รฟม.มีโครงการในความรับผิดชอบมูลค่ามากขึ้นอย่างเดียว”นางสร้อยทิพย์

รายงานข่าวจาก รฟม.แจ้งว่า รฟม.เปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ว่าการรฟม. ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2551- 20 ม.ค. 2552 มีผู้ยื่นใบสมัคร 3 คน คือ นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าฯ รฟม.ที่ลาออกไปเพื่อลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายกฤช ธนิศราพงษ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงสมัครสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยใช้ชื่อ นายกฤษฎา ธาราธร และเป็นอดีต กรรมการบริหารบริษัทคลีน เทคโนโลยี จำกัด และนายธีรวัฒน์ ดิษาภิรมย์ อดีต CHIEF EXECUTIVE OFFICER AND COUNTRY MANAGER บริษัท เอบีบี (ประเทศไทย) จำกัดซึ่ง ก่อนหน้านี้ เคยสมัคร เข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่ง ผู้ว่าฯรฟม.และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก

ในขณะที่นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ให้ความเห็นว่า ผู้สมัคร 3 คนถือว่าน้อยเกินไป เพราะจะทำให้มีตัวเลือกในการพิจารณาเพื่อห้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริงน้อยไปด้วย ซึ่งอาจจะต้องดูว่าเงื่อนไขคุณสมบัติที่กำหนดนั้นเปิดกว้างเพียงพอที่จะให้มีผู้สมัครมากขึ้นหรือไม่

***ลดเสปกคุณสมบัติผู้บริหารรสก.จาก2 ปีเหลือ 1 ปีแล้ว

สำหรับคุณสมบัติการรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ว่าการรฟม.เดิมนั้นกำหนดอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นใบสมัคร ส่วนคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชนจะต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานนั้นและต้องมีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารโครงการลงทุนที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท หรือมีรายได้ขององค์กรไม่น้อยกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง

ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการ จะต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดีหรือรองหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ารองอธิบดี ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรอื่นของรัฐจะต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรนั้นโดยจะจะต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งและปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

ซึ่งในการเปิดรับสมัครครั้งล่าสุดได้ปรับอายุผู้สมัครเป็นไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัครและลดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น