ASTVผู้จัดการายวัน – “ปกรณ์”ปิ๊งไอเดียหาช้างเผือก เตรียมจัดสัมมนาชักชวนผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศช่วยคัดสรรบริษัทคุณภาพเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหุ้น พร้อมออกโรงกล่อมบรรดาโบรกเกอร์เข้าลงขันเพิ่มทุน TSFC ย้ำที่ปรึกษามั่นใจธุรกิจใหม่สร้างกำไรงาม แผนต่อไปดันเข้ากระจายหุ้น ล่าสุดบอร์ดตลท.อนุมัติเพิ่ม
ทุน 250 ล้านอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนกระดานหุ้นอาเซี่ยนหวังใช้เวทีการประชุมผู้นำที่จะมีขึ้นเป็นเวทีลงนามนำ 180 หุ้นจาก6ประเทศเข้าเทรดบนบอร์ดเดียวกัน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะจัดสัมมนาโดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ มารับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของตลาดทุน ซึ่งเป็นแหล่งระดมเงินทุนที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้บรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทำการพิจารณาและชักชวนให้ผู้ประกอบธุรกิจในจังหวัดต่างๆที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการจ้างบริษัท ไอแฟค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ในการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) โดยมองว่าแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวมีความเป็นไปได้ หากได้รับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการจากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ผู้ร่วมทุนรายใหม่ และบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้บริการTSFC ควรร่วมกันลงทุนไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งพิเศษ (4ก.พ.)ได้มีมติอนุมัติเงินร่วมลงทุนวงเงิน 250 ล้านบาท ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของTSFC ซึ่งจะต้องมีเงินทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาทแล้ว โดยแผนปรับโครงสร้างฯ จะต้องได้รับการยอมรับจากเจ้าหนี้ พร้อมทั้งแผนการหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจหลักและการดำเนินธุรกิจใหม่ จึงอยากแนะนำให้โบรกเกอร์เข้ามาร่วมกันใช้สิทธิ์เพิ่มทุนครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าในอนาคตจะได้รับผลกำไรกลับคืนอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ปรึกษามั่นใจว่าการเพิ่มประเภทธุรกิจใหม่จะช่วยเสริมภาพคล่องให้ TFSC รวมทั้งจะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการเพิ่มทุน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะนำTSFC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป
โดยล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ว่าจ้าง บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ศึกษาและวิเคราะห์โครงการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) เพื่อเพิ่มธุรกิจให้กับ TSFC ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ให้ความเห็นว่า ธุรกิจ Private Repoมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากตลาดพันธบัตรมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นและเป็นทางเลือกของผู้ลงทุน รวมถึงเป็นโอกาสในการเพิ่มธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย
ส่วนความคืบหน้าการทำกระดานหุ้นอาเซียน (อาเซียนบอร์ด)นั้น ตลท.
มีแผนที่จะใช้เวทีการประชุมอาเซียนที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ โดยให้แกนนำของแต่ละประเทศร่วมลงนามความร่วมมือนำหุ้น 180 หลักทรัพย์จาก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย เข้ามาซื้อขาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันนายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนว่า จากที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดต่ำลงถือเป็นโอกาสให้กับทั้ง 3 กลุ่ม นั่นคือ นักลงทุนรายย่อย เพราะเป็นโอกาสในการลงทุนหุ้นราคาถูกกว่า 240 บริษัทที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลูขณะนี้ กลุ่มที่2 คือบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ที่สามารถใช้ตลาดหลักทรัพย์เป็นช่องทางระดมทุนแทน หลังจากที่บรรดาธนาคารพาณิชย์คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ และกลุ่มที่ 3 ตลาดหลักทรัพย์ที่จะใช้เวลาในการปรับโครงสร้างบริษัท โดยแยกส่วนธุรกิจและส่วนงานพัฒนาออกมาเพื่อรองรับแผนแปรรูปในอนาคต
“วิกฤตในครั้งนี้ทำให้ดัชนีหุ้นอยู่ในภาวะซึมยาว และมีแนวโน้มไปใน
ทิศทางที่ปรับตัวลดลงได้อีกจนไม่สามารถบอกได้ว่านานแค่ไหน ซึ่งต้องเฝ้ารอให้ปัญหาเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เพราะจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในต่างประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยอีกครั้ง”
ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรคิดว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกต้องคิดแบบนอกกรอบบ้าง อย่างมาตราการการแจกเงินของรัฐก็มองว่าเป็นการคิดนอกกรอบ ที่อาจเป็นเกิดประโยชน์ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นการอุปโภค บริโภคของประชาชน อีกช่องทางหนึ่ง จึงอยากแนะนำให้แต่ละองค์กรลองคิดแบบนอกกรอบดูบ้าง เป็นการเปลี่ยนความคิดแบบเดิมๆที่เราต่างก็รู้กันอยู่แล้ว
ทุน 250 ล้านอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนกระดานหุ้นอาเซี่ยนหวังใช้เวทีการประชุมผู้นำที่จะมีขึ้นเป็นเวทีลงนามนำ 180 หุ้นจาก6ประเทศเข้าเทรดบนบอร์ดเดียวกัน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะจัดสัมมนาโดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ มารับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของตลาดทุน ซึ่งเป็นแหล่งระดมเงินทุนที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้บรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทำการพิจารณาและชักชวนให้ผู้ประกอบธุรกิจในจังหวัดต่างๆที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการจ้างบริษัท ไอแฟค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ในการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) โดยมองว่าแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวมีความเป็นไปได้ หากได้รับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการจากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ผู้ร่วมทุนรายใหม่ และบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้บริการTSFC ควรร่วมกันลงทุนไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งพิเศษ (4ก.พ.)ได้มีมติอนุมัติเงินร่วมลงทุนวงเงิน 250 ล้านบาท ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของTSFC ซึ่งจะต้องมีเงินทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาทแล้ว โดยแผนปรับโครงสร้างฯ จะต้องได้รับการยอมรับจากเจ้าหนี้ พร้อมทั้งแผนการหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจหลักและการดำเนินธุรกิจใหม่ จึงอยากแนะนำให้โบรกเกอร์เข้ามาร่วมกันใช้สิทธิ์เพิ่มทุนครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าในอนาคตจะได้รับผลกำไรกลับคืนอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ปรึกษามั่นใจว่าการเพิ่มประเภทธุรกิจใหม่จะช่วยเสริมภาพคล่องให้ TFSC รวมทั้งจะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการเพิ่มทุน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะนำTSFC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป
โดยล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ว่าจ้าง บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ศึกษาและวิเคราะห์โครงการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) เพื่อเพิ่มธุรกิจให้กับ TSFC ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ให้ความเห็นว่า ธุรกิจ Private Repoมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากตลาดพันธบัตรมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นและเป็นทางเลือกของผู้ลงทุน รวมถึงเป็นโอกาสในการเพิ่มธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย
ส่วนความคืบหน้าการทำกระดานหุ้นอาเซียน (อาเซียนบอร์ด)นั้น ตลท.
มีแผนที่จะใช้เวทีการประชุมอาเซียนที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ โดยให้แกนนำของแต่ละประเทศร่วมลงนามความร่วมมือนำหุ้น 180 หลักทรัพย์จาก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย เข้ามาซื้อขาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันนายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนว่า จากที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดต่ำลงถือเป็นโอกาสให้กับทั้ง 3 กลุ่ม นั่นคือ นักลงทุนรายย่อย เพราะเป็นโอกาสในการลงทุนหุ้นราคาถูกกว่า 240 บริษัทที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลูขณะนี้ กลุ่มที่2 คือบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ที่สามารถใช้ตลาดหลักทรัพย์เป็นช่องทางระดมทุนแทน หลังจากที่บรรดาธนาคารพาณิชย์คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ และกลุ่มที่ 3 ตลาดหลักทรัพย์ที่จะใช้เวลาในการปรับโครงสร้างบริษัท โดยแยกส่วนธุรกิจและส่วนงานพัฒนาออกมาเพื่อรองรับแผนแปรรูปในอนาคต
“วิกฤตในครั้งนี้ทำให้ดัชนีหุ้นอยู่ในภาวะซึมยาว และมีแนวโน้มไปใน
ทิศทางที่ปรับตัวลดลงได้อีกจนไม่สามารถบอกได้ว่านานแค่ไหน ซึ่งต้องเฝ้ารอให้ปัญหาเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เพราะจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในต่างประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยอีกครั้ง”
ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรคิดว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกต้องคิดแบบนอกกรอบบ้าง อย่างมาตราการการแจกเงินของรัฐก็มองว่าเป็นการคิดนอกกรอบ ที่อาจเป็นเกิดประโยชน์ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นการอุปโภค บริโภคของประชาชน อีกช่องทางหนึ่ง จึงอยากแนะนำให้แต่ละองค์กรลองคิดแบบนอกกรอบดูบ้าง เป็นการเปลี่ยนความคิดแบบเดิมๆที่เราต่างก็รู้กันอยู่แล้ว