นักวิจัยชี้การที่ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงคางใหญ่ ไม่ใช่เพราะแค่คิดว่าไร้เสน่ห์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะหนุ่มๆ รู้สึกว่าลักษณะดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าสาวคนนั้นเจ้าชู้หลายใจ
ข้อสรุปดังกล่าวมาจากการวิจัยของทีมนักจิตวิทยา ที่ขอให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นหญิงสาวตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่จะขอให้ผู้ชายอีกกลุ่มให้คะแนนหญิงสาวเหล่านั้นว่าอยากได้เป็นคนรักในอนาคตแค่ไหน
กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชายไม่ต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติความสัมพันธ์ของตนเอง อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคางใหญ่มีเรื่องคาวๆ มากกว่าผู้หญิงคางเล็ก และผู้ชายรู้สึกว่าผู้หญิงคางใหญ่ไม่มีเสน่ห์เร้าใจ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกาเหนือที่ร่วมกันจัดทำรายงานฉบับนี้ สรุปว่าผู้ชายจะมองข้ามผู้หญิงที่มีรูปลักษณะบางอย่างกระเดียดไปทางชายชาตรีเมื่อมองหาคู่รักระยะยาว เนื่องจากความกลัวโดยสัญชาติญาณว่าตัวเองจะถูกสวมเขา
การมีคางใหญ่มักเป็นผลผลิตของฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนที่มีมากเกินไปในตัวผู้หญิง ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นกล้าแสดงออกทางเพศมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ปกติแล้วพบในผู้ชายมากกว่า
ผู้ชายกลัวว่าผู้หญิงที่มีประวัติรักโชกโชนก่อนที่จะมาพบกันอาจไม่ซื่อสัตย์กับตนในอนาคต
นักจิตวิทยาเชื่อว่า ปฏิกิริยาของผู้ชายต่อผู้หญิงคางใหญ่เกิดขึ้นจากความปรารถนาในด้านวิวัฒนาการในการมีคู่ครองที่ซื่อสัตย์ที่จะยอมมีลูกกับผู้ชายเพียงคนเดียว
ข้อสรุปนี้อาจยืนยันได้จากเรื่องราวในโลกคนดัง ตัวอย่างเช่นดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ที่มีคางกว้างโดดเด่น แอบปันใจให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แม้ขณะยังแต่งงานอยู่กินกับแอนดริว ปาร์กเกอร์ โบลว์ส สามีคนแรก
ขณะที่โจอัน วูดเวิร์ดที่มีคางเรียวเล็ก มีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขตลอด 50 ปีกับพอล นิวแมน นักแสดงระดับตำนานของฮอลลีวูด จนกระทั่งสามีสุดที่รักเสียชีวิตเมื่ออายุ 83 ปีในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
รายงานฉบับนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารเพอร์ซันแนลลิตี้ แอนด์ อินดิวิดวล ดิฟเฟอเรนซ์ ระบุว่าการค้นพบนี้มีความสำคัญในแง่ของการแสดงให้เห็นว่า มุมมองของผู้ชายต่อผู้หญิงในลักษณะที่เป็นที่ต้องการและเป็นคู่ครองถาวรที่ไว้ใจได้ อาจมาจากการที่ผู้ชายมองเพียงลักษณะบนใบหน้าของผู้หญิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ผลการวิจัยบ่งชี้ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับความไม่สำรวมทางเพศของผู้หญิง ซึ่งเกี่ยวพันกับความเสี่ยงที่จะประพฤตินอกใจนั้น อาจถูกชี้นำโดยลักษณะบนใบหน้าที่กระเดียดไปทางผู้ชายของผู้หญิง
ดร.ลอร์น แคมป์เบลล์ หนึ่งในนักจิตวิทยาที่ร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้ เสริมว่าเป็นเรื่องยากที่จะปิดบังลักษณะทางกายภาพ เช่น ลักษณะบนใบหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งควบคุมโดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และมีความเกี่ยวโยงกับประวัติและทัศนคติในเรื่องเพศของคนๆ นั้น
การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยชิ้นแรกของทีมงานนี้ที่บ่งชี้ว่า เครื่องเคราบนใบหน้าของผู้หญิงที่แอบแฝงลักษณะของเพศชาย อาจชักนำพฤติกรรมการปล่อยตัวปล่อยใจ ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติในการเป็นคู่ระยะยาวของผู้หญิง
ข้อสรุปดังกล่าวมาจากการวิจัยของทีมนักจิตวิทยา ที่ขอให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นหญิงสาวตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่จะขอให้ผู้ชายอีกกลุ่มให้คะแนนหญิงสาวเหล่านั้นว่าอยากได้เป็นคนรักในอนาคตแค่ไหน
กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชายไม่ต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติความสัมพันธ์ของตนเอง อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคางใหญ่มีเรื่องคาวๆ มากกว่าผู้หญิงคางเล็ก และผู้ชายรู้สึกว่าผู้หญิงคางใหญ่ไม่มีเสน่ห์เร้าใจ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกาเหนือที่ร่วมกันจัดทำรายงานฉบับนี้ สรุปว่าผู้ชายจะมองข้ามผู้หญิงที่มีรูปลักษณะบางอย่างกระเดียดไปทางชายชาตรีเมื่อมองหาคู่รักระยะยาว เนื่องจากความกลัวโดยสัญชาติญาณว่าตัวเองจะถูกสวมเขา
การมีคางใหญ่มักเป็นผลผลิตของฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนที่มีมากเกินไปในตัวผู้หญิง ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นกล้าแสดงออกทางเพศมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ปกติแล้วพบในผู้ชายมากกว่า
ผู้ชายกลัวว่าผู้หญิงที่มีประวัติรักโชกโชนก่อนที่จะมาพบกันอาจไม่ซื่อสัตย์กับตนในอนาคต
นักจิตวิทยาเชื่อว่า ปฏิกิริยาของผู้ชายต่อผู้หญิงคางใหญ่เกิดขึ้นจากความปรารถนาในด้านวิวัฒนาการในการมีคู่ครองที่ซื่อสัตย์ที่จะยอมมีลูกกับผู้ชายเพียงคนเดียว
ข้อสรุปนี้อาจยืนยันได้จากเรื่องราวในโลกคนดัง ตัวอย่างเช่นดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ที่มีคางกว้างโดดเด่น แอบปันใจให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แม้ขณะยังแต่งงานอยู่กินกับแอนดริว ปาร์กเกอร์ โบลว์ส สามีคนแรก
ขณะที่โจอัน วูดเวิร์ดที่มีคางเรียวเล็ก มีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขตลอด 50 ปีกับพอล นิวแมน นักแสดงระดับตำนานของฮอลลีวูด จนกระทั่งสามีสุดที่รักเสียชีวิตเมื่ออายุ 83 ปีในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
รายงานฉบับนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารเพอร์ซันแนลลิตี้ แอนด์ อินดิวิดวล ดิฟเฟอเรนซ์ ระบุว่าการค้นพบนี้มีความสำคัญในแง่ของการแสดงให้เห็นว่า มุมมองของผู้ชายต่อผู้หญิงในลักษณะที่เป็นที่ต้องการและเป็นคู่ครองถาวรที่ไว้ใจได้ อาจมาจากการที่ผู้ชายมองเพียงลักษณะบนใบหน้าของผู้หญิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ผลการวิจัยบ่งชี้ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับความไม่สำรวมทางเพศของผู้หญิง ซึ่งเกี่ยวพันกับความเสี่ยงที่จะประพฤตินอกใจนั้น อาจถูกชี้นำโดยลักษณะบนใบหน้าที่กระเดียดไปทางผู้ชายของผู้หญิง
ดร.ลอร์น แคมป์เบลล์ หนึ่งในนักจิตวิทยาที่ร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้ เสริมว่าเป็นเรื่องยากที่จะปิดบังลักษณะทางกายภาพ เช่น ลักษณะบนใบหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งควบคุมโดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และมีความเกี่ยวโยงกับประวัติและทัศนคติในเรื่องเพศของคนๆ นั้น
การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยชิ้นแรกของทีมงานนี้ที่บ่งชี้ว่า เครื่องเคราบนใบหน้าของผู้หญิงที่แอบแฝงลักษณะของเพศชาย อาจชักนำพฤติกรรมการปล่อยตัวปล่อยใจ ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติในการเป็นคู่ระยะยาวของผู้หญิง
