หากไม่ผิดคาด การประชุมใหญ่รัฐมนตรี-ส.ส.-กรรมการบริหารพรรค-ที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ (3ก.พ.) อันเป็นการประชุมปกติทุกสัปดาห์ในช่วงการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฏร อุณหภูมิในห้องประชุมคงร้อนแรงไม่น้อย เพราะมีวาระร้อนๆ เข้าหารือเป็นการด่วนหลายเรื่อง
โดยวาระร้อนที่ถูกจับตามอง นอกจากการเตรียมการรับมือของพรรคต่อกรณีที่แกนนำและรัฐมนตรี กำลังถูกจ่อดำเนินคดีอาญาและยื่นถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งเรื่องของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคที่ถูก กกต.ขุดเรื่องจะดำเนินคดีอาญากรณีพัวพันกับข้อกล่าวหาการทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. สุราษฏร์ธานี เพราะไปช่วยน้องชาย ธานี เทือกสุบรรณ หาเสียงที่เกาะสมุย หรือกรณี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม จะถูกฝ่ายค้านเข้าชื่อถอดถอนกรณีไปลงมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2553 ที่ฝ่ายค้านอ้างว่าผิด รธน. มาตรา 177
ทว่าเรื่องสำคัญสุด ก็คือการชี้ชะตาอนาคตของ “วิฑูรย์ นามบุตร” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มากกว่า หลังจากถูกตั้งฉายาให้เป็น “รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า” ไปเรียบร้อยแล้ว
บนกระแสข่าวว่า เจ้าตัวถูกรัฐมนตรีและส.ส.จากประชาธิปัตย์ด้วยกัน “ลอยแพ” และบีบจนหน้าเขียวให้ “ลาออก” โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปลาเน่าตัวเดียว ตายทั้งข้อง !
สัญญาณนี้เห็นได้ชัดก็ขนาด “ลูกพี่ใหญ่” อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังไม่กล้าแอ่นอกรับให้เต็มที่ ทั้งที่วิฑูรย์ คือน้องรักคนหนึ่งของสุเทพ จนเป็นที่รู้กันว่า วิฑูรย์ คือมือขวาให้กับสุเทพในการทำพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน
หลังจากติดสอยห้อยตามกันมาหลายปี โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยสุเทพเป็น รมว.คมนาคม ใน รัฐบาลชวน 2 ก็มีวิฑูรย์ เป็นหน้าห้องรมว.คมนาคม และตอนสุเทพสู้รบกับ กลุ่มบัญญัติ บรรทัดฐาน ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์และ สุทัศน์ เงินหมื่น ในการช่วงชิงเก้าอี้ผู้บริหารพรรค วิฑูรย์ คนนี้ก็เป็นแกนหลักในการต่อกรกับสุทัศน์ เงินหมื่น จนวันนี้ขึ้นมาเป็นแกนนำหลักให้กับพรรคในภาคอีสาน
ทำให้สุทัศน์ เงินหมื่น หมดราคาจากเงินหมื่นเหลือแค่พันในสายตา ส.ส.และผู้สมัครภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี ก็รู้ถึงความสำคัญของวิฑูรย์ ที่ยังมีวงจรชีวิตบนถนนการเมืองอีกหลายสิบปีว่า มีศักยภาพต่อพรรคมากขนาดไหน
แต่เมื่อกลิ่นของปลากระป๋องเน่า เหม็นตลบอบอวลไปทั่วเช่นนี้ อภิสิทธิ์ และสุเทพ ก็รู้ดีว่า หากยังอุ้มชูกันต่อไป ก็มีแต่จะ “ตายหมู่”
จึงมีกระแสข่าวกดดันออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้วิฑูรย์ ฮาราคีรีการเมืองตัวเองโดยด่วน บนการคาดการกันว่าอย่างช้าไม่น่าเกินอาทิตย์นี้ ก็น่าจะมีการปรับครม. “มาร์ค 2” เกิดขึ้นในตำแหน่งนี้เพียงตำแหน่งเดียว
เพราะตอนนี้รุ่นใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ “เตะ-ถีบ” วิฑูรย์ ออกจากตัวหมดแล้ว ทั้ง ชวน หลีกภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน แม้แต่ นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คู่เขยของ สุเทพ ที่เคยเรียกวิฑูรย์ไปเข้า “ห้องเย็น” ชี้แจงเรื่องนี้ในห้องทำงาน ก็ยังมีข่าวว่าคาใจหลายเรื่อง จนทำให้ยามนี้
วิฑูรย์อยู่ในสภาพโดดเดี่ยว อย่างแท้จริง
ครั้นจะขอความเห็นใจจากเพื่อนร่วมทีมอีสาน บ้านเดียวกัน จ.อุบลราชธานี ก็ดันปรากฏข่าว สุเทพ-นิพนธ์ จะดัน อิสระ สมชัย เพื่อนรักร่วมทีมอุบลฯ มาด้วยกันหลายสิบปีมานั่งเก้าอี้แทนเสียแล้ว
ดังนั้นหากวิฑูรย์ อึดไปได้เกินอาทิตย์นี้ ก็นับว่านายแน่มากแล้ว หรือไม่เช่นนั้น ภาพก็ต้องออกมาว่า อภิสิทธิ์ กอดปลากระป๋องเน่า
คนอย่างอภิสิทธิ์เชื่อว่า ไม่ยอมแน่นอน จนต้องออกมาขีดเส้น
“3 วัน”
รู้ผล หมู่หรือจ่า ซึ่งจะยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
หากวิฑูรย์ ได้น้ำยาชั้นดีล้างหู ก็เชื่อว่าน่าจะอ่านใจของอภิสิทธิ์ ออกว่าต้องการอะไร?
คนในประชาธิปัตย์บางส่วนจึงวิเคราะห์ว่า ประชุมพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ไม่มีอะไรมาก เพราะทุกคนรู้คำตอบล่วงหน้าแล้ว และส่วนใหญ่เชื่อว่าวิฑูรย์ ไม่มีข้อมูลหรือประเด็นใหม่อะไรอีกแล้ว นอกจากที่เคยพูดในวันที่ตอบกระทู้สดกลางสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถชี้แจงในทุกประเด็นข้อกล่าวหาได้
ดังนั้นหากวิฑูรย์จะมาชี้แจงต่อที่ประชุมพรรค ก็น่าจะเป็นการเปิดเวทีให้วิฑูรย์ ขอความเห็นใจ และเสียงสนับสนุนให้อยู่ในเก้าอี้ต่อไปก่อน เพราะหากถูกปรับออกตอนนี้ ก็ถือว่าปิดฉากการเมืองในเวลาอันรวดเร็วเกินควร
สิ่งที่น่าติดตามก็คือ พรรคประชาธิปัตย์จะมีทางออกที่สวยที่สุดให้กับวิฑูรย์อย่างไร เพื่อไม่ให้วิฑูรย์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับแกนนำพรรค ไม่เสียหน้าเกินเหตุ และไม่กลายเป็นประเด็นที่ทำให้อภิสิทธิ์-สุเทพ มองหน้าวิฑูรย์ไม่ติด หากคิดเขี่ยเขาออกแบบไม่รักษาน้ำใจกัน
อย่าลืมว่า วิฑูรย์ ไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นมือขวาของสุเทพได้ แถมในภาคอีสาน เมื่อประชาธิปัตย์เจอทั้งบีบทั้งรุกสารพัดจากไทยรักไทย-พลังประชาชน วิฑูรย์ ก็ยังประคองเอาตัวรอดมาได้ ทั้งยังพาลูกทีมในอุบลราชธานี เข้ามาได้ถึง 3 คน พ่วงยโสธร อีกหนึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
หากเขาถูกบีบให้ต้องเลือกเดินออกไปจากรัฐบาลแบบไม่เต็มใจ ก็เชื่อว่าคงเป็นรอยแค้นฝังลึก ที่อาจทำให้ประชาธิปัตย์ ปั่นป่วนแน่นอน
เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทย รู้ดี ว่าประชาธิปัตย์ ภายนอกแม้เงียบสงบ แต่ภายในก็เล่นกันเองแรงมาก จึงออกมาปล่อยข่าวว่า ข้อมูลที่ได้ในการเปิดแผลวิฑูรย์ ก็มาจากคู่ปรับอย่าง สุทัศน์ เงินหมื่น ทำเอาสุทัศน์เต้นเป็นเจ้าเข้า ปฏิเสธพัลวัน แถมพื้นที่เกิดเหตุก็ดันเป็นพัทลุงของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่เจ็บแค้นสุเทพยิ่งนักกับการเอาเก้าอี้รัฐมนตรีไปประเคนให้ เขยซีพี-วีระชัย วีระเมธีกุล
ทุกอย่างมันเลยโยงกันไปหมดว่ามีการ
“แทงข้างหลัง” กันเองภายในพรรค
จนแกนนำต้องรีบออกมาทำความเข้าใจกันเป็นการเร่งด่วน เพื่อไม่ให้แผนของเพื่อไทย ในการยุให้ประชาธิปัตย์ตีกันเองได้ผล แต่ลึกๆจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าป่านนี้ วิฑูรย์ คงรู้ดีแล้วว่า ใครเป็นศัตรูของเขากันแน่?
หนึ่งในทางแก้ปัญหาของปชป. ก็คือต้องรีบจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด
การที่วิฑูรย์ร้องขออยู่ในตำแหน่งต่อเพื่อรอให้มีการสรุปผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กระทรวงพัฒนาสังคมตั้งขึ้นหลายชุด รวมถึงผลสรุปจาก ป.ป.ช.-สตง.-กรรมาธิการป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฏร รวมแล้วเกือบ 7 ชุด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อบ่ายวานนี้ (2 ก.พ.) สุเทพ ก็ออกมาบอกว่า เรื่องปลากระป๋องเน่าไม่สร้างปัญหาให้พรรค
อันประเมินได้ว่า หากจะรอให้ผลสรุปออกมา ก็คงช้าเกินแกง แถมไม่มีหลักประกันว่าสังคมจะเชื่อถือ เพราะหน่วยงานที่สอบ เช่น กรรมการของกระทรวงก็เป็นข้าราชการในกระทรวงที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ แล้วจะสรุปว่าเรื่องนี้มีมูลแบบไม่ไว้หน้ารัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเชียวหรือ
และยิ่งปล่อยไป ก็มีแนวโน้มจะลุกลามไปถึงคนอื่นๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตอนนี้ ฝ่ายค้านก็ปูดชื่อ ส.ส.หญิงคนดังของประชาธิปัตย์ ที่มีอักษรย่อเป็นชื่อเล่นภาษาต่างประเทศคือ “บ.” ที่ไปนั่งช่วยงานอยู่ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่ามีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แบบนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเละ
เพราะคนที่ติดตามและเปิดประเด็นเรื่องนี้คือ พร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย หลายคนตอนแรกอาจปรามาสว่าเป็นโฆษกดารา จะมีดีอะไร
ทว่าทุกคนลืมไปว่า พร้อมพงษ์ เป็นอดีตโฆษกกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และอยู่ในกระทรวงนี้มานานในรัฐบาลพลังประชาชน จึงทำให้มีเส้นสายที่เป็นข้าราชการของกระทรวงอยู่เกือบทุกระดับ ตั้งแต่ ผอ.สำนักยันบิ๊กๆ ในกระทรวง ที่ทั้งหมดล้วนเติบโตมาในรัฐบาลไทยรักไทย-พลังประชาชนทั้งสิ้น
รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ส่งคนในพรรคมานั่งเก้าอี้ รมต.กระทรวงนี้แบบผูกขาด อาทิ ประชา มาลีนนท์, วัฒนา เมืองสุข, สรอรรถ กลิ่นประทุม, อนุสรณ์ วงศ์วรรณ, สุธา ชันแสง และ อุดมเดช รัตนเสถียร
จึงทำให้ข้าราชการของกระทรวงนี้ ซี้ปึ้กกับคนของเพื่อไทยยิ่งนัก แม้แต่ปลัดกระทรวงฯ วัลลภ พลอยทับทิม แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญมรสุม ถูกย้ายจากตำแหน่งในรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นปลัดกระทรวงอีกครั้ง ในรัฐบาลพลังประชาชน
เมื่อวิฑูรย์ โดนเข้าไปหลายดอกติดๆ กัน ชนิดตั้งรับไม่ถูก จนพูดผิดพูดถูกหลายครั้ง และทำให้กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมามัดตัวเอง ในเวลานี้ เช่น การพูดไม่ตรงกันสองครั้งในเรื่องถุงยังชีพ-ปลากระป๋องเน่าดังกล่าว เป็นถุงบริจาคหรือการใช้งบประมาณของกระทรวงไปจัดซื้อจัดหาเป็นการเร่งด่วน หรือไม่สามารถชี้แจงความเป็นมาของโครงการได้เลย
ด้วยข้อมูลที่สับสนและไม่สามารถหาหลักฐานมาแก้ข้อสงสัยของฝ่ายค้านได้แบบรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย จึงทำให้หลายคนประเมินว่าสงสัยจะโดน “วางยา” โดยการเสริฟจากข้าราชการคนของทักษิณ แบบที่พนักงานโรงแรมให้การต้อนรับแขกด้วย Welcome Drink
แต่กรณีวิฑูรย์ น่าจะเป็น Welcome Dead จิบเดียวปลิดชีวิต เสียมากกว่า
โดยวาระร้อนที่ถูกจับตามอง นอกจากการเตรียมการรับมือของพรรคต่อกรณีที่แกนนำและรัฐมนตรี กำลังถูกจ่อดำเนินคดีอาญาและยื่นถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งเรื่องของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคที่ถูก กกต.ขุดเรื่องจะดำเนินคดีอาญากรณีพัวพันกับข้อกล่าวหาการทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. สุราษฏร์ธานี เพราะไปช่วยน้องชาย ธานี เทือกสุบรรณ หาเสียงที่เกาะสมุย หรือกรณี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม จะถูกฝ่ายค้านเข้าชื่อถอดถอนกรณีไปลงมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2553 ที่ฝ่ายค้านอ้างว่าผิด รธน. มาตรา 177
ทว่าเรื่องสำคัญสุด ก็คือการชี้ชะตาอนาคตของ “วิฑูรย์ นามบุตร” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มากกว่า หลังจากถูกตั้งฉายาให้เป็น “รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า” ไปเรียบร้อยแล้ว
บนกระแสข่าวว่า เจ้าตัวถูกรัฐมนตรีและส.ส.จากประชาธิปัตย์ด้วยกัน “ลอยแพ” และบีบจนหน้าเขียวให้ “ลาออก” โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปลาเน่าตัวเดียว ตายทั้งข้อง !
สัญญาณนี้เห็นได้ชัดก็ขนาด “ลูกพี่ใหญ่” อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังไม่กล้าแอ่นอกรับให้เต็มที่ ทั้งที่วิฑูรย์ คือน้องรักคนหนึ่งของสุเทพ จนเป็นที่รู้กันว่า วิฑูรย์ คือมือขวาให้กับสุเทพในการทำพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน
หลังจากติดสอยห้อยตามกันมาหลายปี โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยสุเทพเป็น รมว.คมนาคม ใน รัฐบาลชวน 2 ก็มีวิฑูรย์ เป็นหน้าห้องรมว.คมนาคม และตอนสุเทพสู้รบกับ กลุ่มบัญญัติ บรรทัดฐาน ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์และ สุทัศน์ เงินหมื่น ในการช่วงชิงเก้าอี้ผู้บริหารพรรค วิฑูรย์ คนนี้ก็เป็นแกนหลักในการต่อกรกับสุทัศน์ เงินหมื่น จนวันนี้ขึ้นมาเป็นแกนนำหลักให้กับพรรคในภาคอีสาน
ทำให้สุทัศน์ เงินหมื่น หมดราคาจากเงินหมื่นเหลือแค่พันในสายตา ส.ส.และผู้สมัครภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี ก็รู้ถึงความสำคัญของวิฑูรย์ ที่ยังมีวงจรชีวิตบนถนนการเมืองอีกหลายสิบปีว่า มีศักยภาพต่อพรรคมากขนาดไหน
แต่เมื่อกลิ่นของปลากระป๋องเน่า เหม็นตลบอบอวลไปทั่วเช่นนี้ อภิสิทธิ์ และสุเทพ ก็รู้ดีว่า หากยังอุ้มชูกันต่อไป ก็มีแต่จะ “ตายหมู่”
จึงมีกระแสข่าวกดดันออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้วิฑูรย์ ฮาราคีรีการเมืองตัวเองโดยด่วน บนการคาดการกันว่าอย่างช้าไม่น่าเกินอาทิตย์นี้ ก็น่าจะมีการปรับครม. “มาร์ค 2” เกิดขึ้นในตำแหน่งนี้เพียงตำแหน่งเดียว
เพราะตอนนี้รุ่นใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ “เตะ-ถีบ” วิฑูรย์ ออกจากตัวหมดแล้ว ทั้ง ชวน หลีกภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน แม้แต่ นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คู่เขยของ สุเทพ ที่เคยเรียกวิฑูรย์ไปเข้า “ห้องเย็น” ชี้แจงเรื่องนี้ในห้องทำงาน ก็ยังมีข่าวว่าคาใจหลายเรื่อง จนทำให้ยามนี้
วิฑูรย์อยู่ในสภาพโดดเดี่ยว อย่างแท้จริง
ครั้นจะขอความเห็นใจจากเพื่อนร่วมทีมอีสาน บ้านเดียวกัน จ.อุบลราชธานี ก็ดันปรากฏข่าว สุเทพ-นิพนธ์ จะดัน อิสระ สมชัย เพื่อนรักร่วมทีมอุบลฯ มาด้วยกันหลายสิบปีมานั่งเก้าอี้แทนเสียแล้ว
ดังนั้นหากวิฑูรย์ อึดไปได้เกินอาทิตย์นี้ ก็นับว่านายแน่มากแล้ว หรือไม่เช่นนั้น ภาพก็ต้องออกมาว่า อภิสิทธิ์ กอดปลากระป๋องเน่า
คนอย่างอภิสิทธิ์เชื่อว่า ไม่ยอมแน่นอน จนต้องออกมาขีดเส้น
“3 วัน”
รู้ผล หมู่หรือจ่า ซึ่งจะยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
หากวิฑูรย์ ได้น้ำยาชั้นดีล้างหู ก็เชื่อว่าน่าจะอ่านใจของอภิสิทธิ์ ออกว่าต้องการอะไร?
คนในประชาธิปัตย์บางส่วนจึงวิเคราะห์ว่า ประชุมพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ไม่มีอะไรมาก เพราะทุกคนรู้คำตอบล่วงหน้าแล้ว และส่วนใหญ่เชื่อว่าวิฑูรย์ ไม่มีข้อมูลหรือประเด็นใหม่อะไรอีกแล้ว นอกจากที่เคยพูดในวันที่ตอบกระทู้สดกลางสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถชี้แจงในทุกประเด็นข้อกล่าวหาได้
ดังนั้นหากวิฑูรย์จะมาชี้แจงต่อที่ประชุมพรรค ก็น่าจะเป็นการเปิดเวทีให้วิฑูรย์ ขอความเห็นใจ และเสียงสนับสนุนให้อยู่ในเก้าอี้ต่อไปก่อน เพราะหากถูกปรับออกตอนนี้ ก็ถือว่าปิดฉากการเมืองในเวลาอันรวดเร็วเกินควร
สิ่งที่น่าติดตามก็คือ พรรคประชาธิปัตย์จะมีทางออกที่สวยที่สุดให้กับวิฑูรย์อย่างไร เพื่อไม่ให้วิฑูรย์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับแกนนำพรรค ไม่เสียหน้าเกินเหตุ และไม่กลายเป็นประเด็นที่ทำให้อภิสิทธิ์-สุเทพ มองหน้าวิฑูรย์ไม่ติด หากคิดเขี่ยเขาออกแบบไม่รักษาน้ำใจกัน
อย่าลืมว่า วิฑูรย์ ไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นมือขวาของสุเทพได้ แถมในภาคอีสาน เมื่อประชาธิปัตย์เจอทั้งบีบทั้งรุกสารพัดจากไทยรักไทย-พลังประชาชน วิฑูรย์ ก็ยังประคองเอาตัวรอดมาได้ ทั้งยังพาลูกทีมในอุบลราชธานี เข้ามาได้ถึง 3 คน พ่วงยโสธร อีกหนึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
หากเขาถูกบีบให้ต้องเลือกเดินออกไปจากรัฐบาลแบบไม่เต็มใจ ก็เชื่อว่าคงเป็นรอยแค้นฝังลึก ที่อาจทำให้ประชาธิปัตย์ ปั่นป่วนแน่นอน
เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทย รู้ดี ว่าประชาธิปัตย์ ภายนอกแม้เงียบสงบ แต่ภายในก็เล่นกันเองแรงมาก จึงออกมาปล่อยข่าวว่า ข้อมูลที่ได้ในการเปิดแผลวิฑูรย์ ก็มาจากคู่ปรับอย่าง สุทัศน์ เงินหมื่น ทำเอาสุทัศน์เต้นเป็นเจ้าเข้า ปฏิเสธพัลวัน แถมพื้นที่เกิดเหตุก็ดันเป็นพัทลุงของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่เจ็บแค้นสุเทพยิ่งนักกับการเอาเก้าอี้รัฐมนตรีไปประเคนให้ เขยซีพี-วีระชัย วีระเมธีกุล
ทุกอย่างมันเลยโยงกันไปหมดว่ามีการ
“แทงข้างหลัง” กันเองภายในพรรค
จนแกนนำต้องรีบออกมาทำความเข้าใจกันเป็นการเร่งด่วน เพื่อไม่ให้แผนของเพื่อไทย ในการยุให้ประชาธิปัตย์ตีกันเองได้ผล แต่ลึกๆจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าป่านนี้ วิฑูรย์ คงรู้ดีแล้วว่า ใครเป็นศัตรูของเขากันแน่?
หนึ่งในทางแก้ปัญหาของปชป. ก็คือต้องรีบจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด
การที่วิฑูรย์ร้องขออยู่ในตำแหน่งต่อเพื่อรอให้มีการสรุปผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กระทรวงพัฒนาสังคมตั้งขึ้นหลายชุด รวมถึงผลสรุปจาก ป.ป.ช.-สตง.-กรรมาธิการป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฏร รวมแล้วเกือบ 7 ชุด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อบ่ายวานนี้ (2 ก.พ.) สุเทพ ก็ออกมาบอกว่า เรื่องปลากระป๋องเน่าไม่สร้างปัญหาให้พรรค
อันประเมินได้ว่า หากจะรอให้ผลสรุปออกมา ก็คงช้าเกินแกง แถมไม่มีหลักประกันว่าสังคมจะเชื่อถือ เพราะหน่วยงานที่สอบ เช่น กรรมการของกระทรวงก็เป็นข้าราชการในกระทรวงที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ แล้วจะสรุปว่าเรื่องนี้มีมูลแบบไม่ไว้หน้ารัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเชียวหรือ
และยิ่งปล่อยไป ก็มีแนวโน้มจะลุกลามไปถึงคนอื่นๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตอนนี้ ฝ่ายค้านก็ปูดชื่อ ส.ส.หญิงคนดังของประชาธิปัตย์ ที่มีอักษรย่อเป็นชื่อเล่นภาษาต่างประเทศคือ “บ.” ที่ไปนั่งช่วยงานอยู่ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่ามีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แบบนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเละ
เพราะคนที่ติดตามและเปิดประเด็นเรื่องนี้คือ พร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย หลายคนตอนแรกอาจปรามาสว่าเป็นโฆษกดารา จะมีดีอะไร
ทว่าทุกคนลืมไปว่า พร้อมพงษ์ เป็นอดีตโฆษกกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และอยู่ในกระทรวงนี้มานานในรัฐบาลพลังประชาชน จึงทำให้มีเส้นสายที่เป็นข้าราชการของกระทรวงอยู่เกือบทุกระดับ ตั้งแต่ ผอ.สำนักยันบิ๊กๆ ในกระทรวง ที่ทั้งหมดล้วนเติบโตมาในรัฐบาลไทยรักไทย-พลังประชาชนทั้งสิ้น
รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ส่งคนในพรรคมานั่งเก้าอี้ รมต.กระทรวงนี้แบบผูกขาด อาทิ ประชา มาลีนนท์, วัฒนา เมืองสุข, สรอรรถ กลิ่นประทุม, อนุสรณ์ วงศ์วรรณ, สุธา ชันแสง และ อุดมเดช รัตนเสถียร
จึงทำให้ข้าราชการของกระทรวงนี้ ซี้ปึ้กกับคนของเพื่อไทยยิ่งนัก แม้แต่ปลัดกระทรวงฯ วัลลภ พลอยทับทิม แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญมรสุม ถูกย้ายจากตำแหน่งในรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นปลัดกระทรวงอีกครั้ง ในรัฐบาลพลังประชาชน
เมื่อวิฑูรย์ โดนเข้าไปหลายดอกติดๆ กัน ชนิดตั้งรับไม่ถูก จนพูดผิดพูดถูกหลายครั้ง และทำให้กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมามัดตัวเอง ในเวลานี้ เช่น การพูดไม่ตรงกันสองครั้งในเรื่องถุงยังชีพ-ปลากระป๋องเน่าดังกล่าว เป็นถุงบริจาคหรือการใช้งบประมาณของกระทรวงไปจัดซื้อจัดหาเป็นการเร่งด่วน หรือไม่สามารถชี้แจงความเป็นมาของโครงการได้เลย
ด้วยข้อมูลที่สับสนและไม่สามารถหาหลักฐานมาแก้ข้อสงสัยของฝ่ายค้านได้แบบรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย จึงทำให้หลายคนประเมินว่าสงสัยจะโดน “วางยา” โดยการเสริฟจากข้าราชการคนของทักษิณ แบบที่พนักงานโรงแรมให้การต้อนรับแขกด้วย Welcome Drink
แต่กรณีวิฑูรย์ น่าจะเป็น Welcome Dead จิบเดียวปลิดชีวิต เสียมากกว่า