สคบ.เตือนโดนหลอก ลงทุนปลูกไม้กฤษณาโดนหลอก ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ชี้เป็นการระดมทุน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินตามกฎหมายกำหนด
นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มบุคคลและบุคคลที่มาชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจจัดซื้อจัดหาไม้กฤษณา โดยพูดจาหว่านล้อมและชักชวนในทุกรูปแบบ ที่สำคัญระบุว่า หากเข้าร่วมลงทุนด้วยจะได้รับเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ร้อยละ 20-30 ถึงเท่าตัวของเงินลงทุน
ทั้งนี้เมื่อเข้าไปร่วมลงทุนแล้ว กลับไม่ได้รับเงินตอบแทนอย่างที่กล่าวอ้าง ทำให้สูญเสียเงินทองและได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจดังกล่าว จะมีวิธีการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัท และจะได้รับต้นกล้าไม้กฤษณาไปปลูก หากต้องการได้รับผลตอบแทนเร็ว บริษัทจะจัดจำหน่ายสารเร่งให้เกิดกฤษณาแก่สมาชิก ซึ่งผลผลิตที่ได้ของสมาชิก บริษัทจะรับซื้อและเป็นตัวกลางซื้อขายกับต่างประเทศต่อไป รวมทั้งบริษัทยังได้จัดเตรียมหม้อต้มกลั่นและสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันกฤษณาขนาดใหญ่ เพื่อรองรับไม้ กฤษณาของสมาชิก แต่เมื่อผู้บริโภคนำต้นกฤษณาไปปลูกแล้ว ปรากฏว่า ไม้กฤษณาก็ไม่โต สารเร่งการหลั่งไม้กฤษณาไม่หลั่งสาร ไม่สามารถนำมากลั่นน้ำมันได้ และต้นไม้ยังเน่า ผุ ตาย เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ปฏิบัติตามขั้นตอนการแนะนำ และสมาชิกไม่ได้รับเงินปันผลตามที่แจ้งไว้ โดยบริษัทยังได้มีการแบ่งขายหุ้นให้แก่ผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนทำธุรกิจ ทั้งที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นายนิโรธ กล่าวอีกว่า สคบ.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจในลักษณะของการระดมทุนคล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินตามกฎหมายกำหนด และเมื่อผู้บริโภคร่วมลงทุนก็ไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนตามที่แจ้งไว้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จึงขอเตือนประชาชนผู้บริโภคอย่างหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้ ซึ่งหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนมากที่ สคบ. ซึ่งจะประสานงานและส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มงานป้องปรามนอกระบบ กระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการต่อไป
นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มบุคคลและบุคคลที่มาชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจจัดซื้อจัดหาไม้กฤษณา โดยพูดจาหว่านล้อมและชักชวนในทุกรูปแบบ ที่สำคัญระบุว่า หากเข้าร่วมลงทุนด้วยจะได้รับเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ร้อยละ 20-30 ถึงเท่าตัวของเงินลงทุน
ทั้งนี้เมื่อเข้าไปร่วมลงทุนแล้ว กลับไม่ได้รับเงินตอบแทนอย่างที่กล่าวอ้าง ทำให้สูญเสียเงินทองและได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจดังกล่าว จะมีวิธีการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัท และจะได้รับต้นกล้าไม้กฤษณาไปปลูก หากต้องการได้รับผลตอบแทนเร็ว บริษัทจะจัดจำหน่ายสารเร่งให้เกิดกฤษณาแก่สมาชิก ซึ่งผลผลิตที่ได้ของสมาชิก บริษัทจะรับซื้อและเป็นตัวกลางซื้อขายกับต่างประเทศต่อไป รวมทั้งบริษัทยังได้จัดเตรียมหม้อต้มกลั่นและสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันกฤษณาขนาดใหญ่ เพื่อรองรับไม้ กฤษณาของสมาชิก แต่เมื่อผู้บริโภคนำต้นกฤษณาไปปลูกแล้ว ปรากฏว่า ไม้กฤษณาก็ไม่โต สารเร่งการหลั่งไม้กฤษณาไม่หลั่งสาร ไม่สามารถนำมากลั่นน้ำมันได้ และต้นไม้ยังเน่า ผุ ตาย เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ปฏิบัติตามขั้นตอนการแนะนำ และสมาชิกไม่ได้รับเงินปันผลตามที่แจ้งไว้ โดยบริษัทยังได้มีการแบ่งขายหุ้นให้แก่ผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนทำธุรกิจ ทั้งที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นายนิโรธ กล่าวอีกว่า สคบ.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจในลักษณะของการระดมทุนคล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินตามกฎหมายกำหนด และเมื่อผู้บริโภคร่วมลงทุนก็ไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนตามที่แจ้งไว้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จึงขอเตือนประชาชนผู้บริโภคอย่างหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้ ซึ่งหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนมากที่ สคบ. ซึ่งจะประสานงานและส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มงานป้องปรามนอกระบบ กระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการต่อไป
