ว่าจะไม่เขียนไม่พูดถึงคนอย่างคุณทักษิณแล้วเชียว
คือมันมีเหตุผลนะ
เหตุผลที่ว่าก็คือทุกวันนี้ช่องทางสื่อสารระหว่างทักษิณกับประชาชนนั้นมีอยู่ช่องทางเดียวที่จะกระจายข่าวไปได้ถึงคนมากที่สุด คือใช้วิธีโทรศัพท์โฟนอิน คนพวกนี้แน่ละต้องเป็นพวก “เสื้อแดง” และที่ผมไม่อยากพูดถึงก็คือเนื้อหาที่แกพูดมันซ้ำซากกัน
วนเวียนอยู่กับการที่คิดว่าตัวแกไม่ได้รับความยุติธรรม
จนเหมือนกับว่าแกเคยให้ความยุติธรรมกับใครไว้ทั่วไปหมด ซึ่งผมว่าก็ไม่ใช่กระมัง!
การที่แกต้องพูดซ้ำๆ กันก็เพื่อเป็นการเตือนเพื่อนฝูง พรรคพวกที่หวังจะให้แกกลับมาสู้หน้ากับคดีต่างๆ เป็นการเตือนว่าแกไม่กลับหรอกเพราะบ้านเมืองขาดความยุติธรรม
การโฟนอินครั้งหลังสุดมาแปลก พูดถึงนรกสวรรค์ และกลัวว่าจะมีคนมายิงแกถึงเมืองนอก ทำให้ข่าวลือได้ลือกันต่อไปว่ามีคนจะไปยิงแกจริงๆ แกยังบอกว่าถ้าแกตายไปหนึ่งคน ปัญหาไม่จบ ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก
ส่วนที่แกโอดครวญอีกเรื่องหนึ่ง คือแกไม่ค่อยเหลือเงิน
เท่านี้เองไอ้พวกอัปรีย์หัวขวดถึงกับว่าจะเรี่ยไรขอเงินชาวบ้านส่งไปให้
ทักษิณนี่ไม่เป็นการเมือง แกควรเอาจะเงินแบบนี้ มันดีในแง่ภาพลักษณ์ว่าแกมีคนเห็นใจและช่วยเหลือในระดับรากหญ้า
ยิ่งได้เป็นล้านหรือสัก 10 ล้านยิ่งดี
แต่อย่าลืมว่า พวก 3 เกลอหัวขวดนั้นคงชักดาบเป็นค่าหัวคิวไว้จำนวนหนึ่งอยู่อย่างแน่นอน
นี่แหละที่ทำให้ผมต้องมาเขียนในสิ่งที่ไม่อยากเขียน
แต่มันมีประเด็นใหม่ ตรงที่ว่าแกจนนี้แหละ
ทักษิณไม่ได้บอกว่าเหลือเงินเท่าไร
อาจแค่พันล้าน แกก็ว่าแกจนลงแล้ว เพราะเคยมีหลายหมื่นล้าน
ส่วนพวกเสื้อแดงนั้น นอกจากจะมีกิจกรรมจะตะลุมบอนกับรัฐบาลแล้ว ยังไปตะลุมบอนเอากับผู้หญิงที่เชียงใหม่ด้วย
ร้อนถึงผู้โดนทำร้ายและสมาคมศิษย์เก่า มช.ต้องรีบออกแถลงการณ์ประณามถึง “ความถ่อย” ของพวกเสื้อแดงทันที
ความถ่อยของพวกไม่มีหัวนอนปลายตีนเหล่านี้ มิใช่เป็นครั้งแรก แต่มันมีเสมอ จนเป็นสันดานครับพี่น้อง
ต้นตอการรังแกผู้หญิงก็ใช่ว่าใครที่ไหน
หัวหน้าถ่อยคือนายเพชรวรรฒ วัฒนพงศ์ศิริกุล เป็นประธานกลุ่มและเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยนั่นแหละ
ศิษย์ มช.เขาประชุมแบบครบ 45 ปี ของเขาดีๆ และมีคนมาจากทั่วประเทศ เดินทางมาจากต่างประเทศก็มี และมีคนมากถึง 130,000 คน
เมื่อพวกถ่อยไม่มีหัวนอนปลายตีนบุกเข้ามาทำร้ายผู้หญิง และทำลายทรัพย์สินเสียหายย่อยยับอย่างนี้ พวกผู้เสียหายก็ไปแจ้งความฟ้องกลับซิครับ โดยอธิการบดีสั่งให้เอาผิด และให้แจ้งความดำเนินคดี
แทนที่มันจะหยุด กลับไปปิดล้อมศาลากลางจังหวัดอีก
นี่แหละความที่มันลุอำนาจอยากโชว์พลัง เป็นเสียอย่างนี้ทำให้ชาวเชียงใหม่ชื่อเหม็นไปด้วย ทั้งๆ ที่คนเชียงใหม่แท้ๆ เขาเอือมระอาเหลือทนละครับพี่น้อง
ส่วนพวกที่ยังอาละวาดที่สภาฯ ก็มี
เป้าหมายนอกจากจะเล็งไปที่นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังมีนายกษิต ภิรมย์ ด้วย
ร้อนถึงนายอภิสิทธิ์ต้องบอกว่าคนที่ชวนนายกษิต ก็คือตนเอง และไม่ใช่ตั้งเพื่อตอบแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่ประการใด
แต่นายกษิต เป็นคนมีประสบการณ์ทางการทูต เชี่ยวชาญในเรื่องระหว่างประเทศมายาวนาน ประสบการณ์ก็มาก ระยะเวลาที่ผ่านมาก็ทำงานได้เรียบร้อยดี
ครับ...ฝ่ายค้านกับพวกเสื้อแดงเวลานี้เท่ากับเป็นพวกเดียวกัน แต่ฝ่ายค้านนี่ก็แปลก
ไม่ได้มีภูมิปัญญาที่จะศึกษานโยบายของรัฐบาล แล้วชำแหละออกมาโจมตีแต่อย่างใด
เอาแต่โจมตีด่ารัฐมนตรี ซึ่งมักเป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น
นายกษิตนั้นเมื่อได้ทำงานก็ริเริ่มสานปัญหากับเขมรในเรื่องเขาพระวิหารทันที
เขมรก็ดีใจนะ
มีการต้อนรับนายกษิตด้วยมิตรไมตรีที่ดียิ่ง
จนกล่าวได้ว่าวิธีการทำงานของนายกษิตอยู่ในระดับเซียนเลยครับ เพราะเขมรพอใจมาก
เรื่องเขาพระวิหารก็เจรจากันได้ และโดยสรุปก็จะให้เป็นไปตามขั้นตอนให้ข้าราชการทำตามลำดับ คือพวกทำงานในกรรมการชายแดนทำงานไปโดยไม่มีฝ่ายการเมืองไปยุ่งหรือไปแทรกแซงการทำงาน
บอกให้รู้ว่า คนที่ไม่อยากเห็นนายกษิตเป็น รมต.ต่างประเทศที่สุดก็คือทักษิณ
เพราะกษิตรู้ถึงไส้ถึงพุงเขาและเขาไม่เคยเป็นคนในระบอบทักษิณนั่นเอง
แค่นี้แหละ หรือว่าทักษิณว่ามันไม่ยุติธรรมอีกที่ทางรัฐบาลไปตั้งคนที่ทำงานเก่งและรู้ทันทักษิณเป็น รมต.ต่างประเทศ
เรื่องของเรื่องเวลานี้คือประชาธิปัตย์ได้ยืนหยัดที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ขณะที่พวกฝ่ายค้านและพวกป่วนเมืองอย่างเสื้อแดงพยายามที่จะล้มรัฐบาลนี้ลงให้ได้
ไม่รู้มันกลัวไปทำไม
คือมันมีเหตุผลนะ
เหตุผลที่ว่าก็คือทุกวันนี้ช่องทางสื่อสารระหว่างทักษิณกับประชาชนนั้นมีอยู่ช่องทางเดียวที่จะกระจายข่าวไปได้ถึงคนมากที่สุด คือใช้วิธีโทรศัพท์โฟนอิน คนพวกนี้แน่ละต้องเป็นพวก “เสื้อแดง” และที่ผมไม่อยากพูดถึงก็คือเนื้อหาที่แกพูดมันซ้ำซากกัน
วนเวียนอยู่กับการที่คิดว่าตัวแกไม่ได้รับความยุติธรรม
จนเหมือนกับว่าแกเคยให้ความยุติธรรมกับใครไว้ทั่วไปหมด ซึ่งผมว่าก็ไม่ใช่กระมัง!
การที่แกต้องพูดซ้ำๆ กันก็เพื่อเป็นการเตือนเพื่อนฝูง พรรคพวกที่หวังจะให้แกกลับมาสู้หน้ากับคดีต่างๆ เป็นการเตือนว่าแกไม่กลับหรอกเพราะบ้านเมืองขาดความยุติธรรม
การโฟนอินครั้งหลังสุดมาแปลก พูดถึงนรกสวรรค์ และกลัวว่าจะมีคนมายิงแกถึงเมืองนอก ทำให้ข่าวลือได้ลือกันต่อไปว่ามีคนจะไปยิงแกจริงๆ แกยังบอกว่าถ้าแกตายไปหนึ่งคน ปัญหาไม่จบ ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก
ส่วนที่แกโอดครวญอีกเรื่องหนึ่ง คือแกไม่ค่อยเหลือเงิน
เท่านี้เองไอ้พวกอัปรีย์หัวขวดถึงกับว่าจะเรี่ยไรขอเงินชาวบ้านส่งไปให้
ทักษิณนี่ไม่เป็นการเมือง แกควรเอาจะเงินแบบนี้ มันดีในแง่ภาพลักษณ์ว่าแกมีคนเห็นใจและช่วยเหลือในระดับรากหญ้า
ยิ่งได้เป็นล้านหรือสัก 10 ล้านยิ่งดี
แต่อย่าลืมว่า พวก 3 เกลอหัวขวดนั้นคงชักดาบเป็นค่าหัวคิวไว้จำนวนหนึ่งอยู่อย่างแน่นอน
นี่แหละที่ทำให้ผมต้องมาเขียนในสิ่งที่ไม่อยากเขียน
แต่มันมีประเด็นใหม่ ตรงที่ว่าแกจนนี้แหละ
ทักษิณไม่ได้บอกว่าเหลือเงินเท่าไร
อาจแค่พันล้าน แกก็ว่าแกจนลงแล้ว เพราะเคยมีหลายหมื่นล้าน
ส่วนพวกเสื้อแดงนั้น นอกจากจะมีกิจกรรมจะตะลุมบอนกับรัฐบาลแล้ว ยังไปตะลุมบอนเอากับผู้หญิงที่เชียงใหม่ด้วย
ร้อนถึงผู้โดนทำร้ายและสมาคมศิษย์เก่า มช.ต้องรีบออกแถลงการณ์ประณามถึง “ความถ่อย” ของพวกเสื้อแดงทันที
ความถ่อยของพวกไม่มีหัวนอนปลายตีนเหล่านี้ มิใช่เป็นครั้งแรก แต่มันมีเสมอ จนเป็นสันดานครับพี่น้อง
ต้นตอการรังแกผู้หญิงก็ใช่ว่าใครที่ไหน
หัวหน้าถ่อยคือนายเพชรวรรฒ วัฒนพงศ์ศิริกุล เป็นประธานกลุ่มและเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยนั่นแหละ
ศิษย์ มช.เขาประชุมแบบครบ 45 ปี ของเขาดีๆ และมีคนมาจากทั่วประเทศ เดินทางมาจากต่างประเทศก็มี และมีคนมากถึง 130,000 คน
เมื่อพวกถ่อยไม่มีหัวนอนปลายตีนบุกเข้ามาทำร้ายผู้หญิง และทำลายทรัพย์สินเสียหายย่อยยับอย่างนี้ พวกผู้เสียหายก็ไปแจ้งความฟ้องกลับซิครับ โดยอธิการบดีสั่งให้เอาผิด และให้แจ้งความดำเนินคดี
แทนที่มันจะหยุด กลับไปปิดล้อมศาลากลางจังหวัดอีก
นี่แหละความที่มันลุอำนาจอยากโชว์พลัง เป็นเสียอย่างนี้ทำให้ชาวเชียงใหม่ชื่อเหม็นไปด้วย ทั้งๆ ที่คนเชียงใหม่แท้ๆ เขาเอือมระอาเหลือทนละครับพี่น้อง
ส่วนพวกที่ยังอาละวาดที่สภาฯ ก็มี
เป้าหมายนอกจากจะเล็งไปที่นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังมีนายกษิต ภิรมย์ ด้วย
ร้อนถึงนายอภิสิทธิ์ต้องบอกว่าคนที่ชวนนายกษิต ก็คือตนเอง และไม่ใช่ตั้งเพื่อตอบแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่ประการใด
แต่นายกษิต เป็นคนมีประสบการณ์ทางการทูต เชี่ยวชาญในเรื่องระหว่างประเทศมายาวนาน ประสบการณ์ก็มาก ระยะเวลาที่ผ่านมาก็ทำงานได้เรียบร้อยดี
ครับ...ฝ่ายค้านกับพวกเสื้อแดงเวลานี้เท่ากับเป็นพวกเดียวกัน แต่ฝ่ายค้านนี่ก็แปลก
ไม่ได้มีภูมิปัญญาที่จะศึกษานโยบายของรัฐบาล แล้วชำแหละออกมาโจมตีแต่อย่างใด
เอาแต่โจมตีด่ารัฐมนตรี ซึ่งมักเป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น
นายกษิตนั้นเมื่อได้ทำงานก็ริเริ่มสานปัญหากับเขมรในเรื่องเขาพระวิหารทันที
เขมรก็ดีใจนะ
มีการต้อนรับนายกษิตด้วยมิตรไมตรีที่ดียิ่ง
จนกล่าวได้ว่าวิธีการทำงานของนายกษิตอยู่ในระดับเซียนเลยครับ เพราะเขมรพอใจมาก
เรื่องเขาพระวิหารก็เจรจากันได้ และโดยสรุปก็จะให้เป็นไปตามขั้นตอนให้ข้าราชการทำตามลำดับ คือพวกทำงานในกรรมการชายแดนทำงานไปโดยไม่มีฝ่ายการเมืองไปยุ่งหรือไปแทรกแซงการทำงาน
บอกให้รู้ว่า คนที่ไม่อยากเห็นนายกษิตเป็น รมต.ต่างประเทศที่สุดก็คือทักษิณ
เพราะกษิตรู้ถึงไส้ถึงพุงเขาและเขาไม่เคยเป็นคนในระบอบทักษิณนั่นเอง
แค่นี้แหละ หรือว่าทักษิณว่ามันไม่ยุติธรรมอีกที่ทางรัฐบาลไปตั้งคนที่ทำงานเก่งและรู้ทันทักษิณเป็น รมต.ต่างประเทศ
เรื่องของเรื่องเวลานี้คือประชาธิปัตย์ได้ยืนหยัดที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ขณะที่พวกฝ่ายค้านและพวกป่วนเมืองอย่างเสื้อแดงพยายามที่จะล้มรัฐบาลนี้ลงให้ได้
ไม่รู้มันกลัวไปทำไม