ASTVผู้จัดการรายวัน - สมเด็จฯ ฮุนเซน และรัฐบาลกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยอย่างอบอุ่นระหว่างการเยือนประเทศนี้อย่างเป็นทางการวันอาทิตย์กับวันจันทร์ (25-26 ม.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งได้เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์นโรดมสีหมุนี องค์พระประมุขด้วย
นายกษิตเดินทางถึงกรุงพนมเปญในเวลาค่ำวันอาทิตย์ และ นำคณะเข้าพบหารือข้อราชการกับนายฮอร์นัมฮอง รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประ เทศกัมพูชาเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในเช้าวันจันทร์ ก่อนจะร่วมกันเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับผลพบเจรจาครั้งนี้
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้ตกลงจะให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง พบเจรจากันหาทางแก้ไขปัญหาพรมแดนในสัปดาห์แรกของเดือนหน้า
"การพบปะวันนี้มีประเด็นที่ดีนั่นก็คือ นายกรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย กษิต ภิรมย์ จะพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาล (ไทย) แก้ไขปัญหาชายแดนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายฮองกล่าวระหว่างการแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศ
ส่วน รมว.ต่างประเทศของไทยกล่าวในการแถลงคราวเดียวกันว่า การพบหารือกับฝ่ายกัมพูชาครั้งนี้มีความสำคัญมากสำหรับสองประเทศและประชาชน ซึ่งความสัมพันธ์จะดำเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อในกัมพูชา
รัฐมนตรีทั้งสองได้ตกลงจะแจ้งให้คณะกรรมาธิการร่วมชายแดนสองประเทศพบเจรจากันครั้งใหม่ระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ. เพื่อหาทางปักปันเขตแดนตลอดความยาวกว่า 805 กิโลเมตร ขณะที่ รมว.กลาโหมของไทยจะไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 6 ก.พ.เพื่อพบเจรจากับฝ่ายกัมพูชา เกี่ยวกับการถอนทหารของสองฝ่ายออกจากแนวชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
รมว.ต่างประเทศกัมพูชากล่าวอีกว่า สองฝ่ายได้ตกลงให้คณะกรรมการชายแดนลงมือวัดพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร เพื่อเริ่มปักปันหลักเขตแดน ตามที่ได้มีการตัดสินใจในการประชุมเจรจาครั้งก่อน ซึ่งหมายถึงสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
อย่างไรก็ตามยังไม่คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้จากฝ่ายใด ซึ่งในปี 2505 ศาลระหว่างประเทศกรุงเฮกได้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แต่มิได้มีคำตัดสินเกี่ยวกับดินแดนโดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร
ไทยได้กล่าวอ้างสิทธิเหนือดินแดนดังกล่าวมาตลอดเวลาเกือบ 50 ปี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย อันเป็นเส้นพรมแดนธรรมชาติตามกฎหมายและความตกลงระหว่างประเทศ ส่วนกัมพูชากล่าวอ้างดินแดนดังกล่าวเป็นของตนตามแผนที่ที่ทำขึ้นโดยฝรั่งเศสเมื่อกว่า 100 ปีก่อน
อย่างไรก็ตามนอกจากการปักปันเส้นเขตแดนทางบกแล้ว คณะกรรมการชายแดนของทั้งสองฝ่ายจะได้ประชุมอีกครั้งหนึ่งในเดือน มี.ค.เพื่อหาทางแบ่งเขตแดนของสองประเทศในน่านน้ำอ่าวไทย นายฮองกล่าว
ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิตเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนี้เพื่อแนะนำตัวเองในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมิตรประเทศ
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้ถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่รับคำเชิญ จะเดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปลายเดือน ก.พ.ศกนี้
รมว.ต่างประเทศของไทยได้เข้าเยี่ยมคำนับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ในเวลาต่อมาและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองจากผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ
นายกษิต ยังได้เข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จฯ เจียซิม ประธานวุฒิสภาและสมเด็จฯ เฮงสัมริน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ เข้าเฝ้าฯ องค์พระประมุขแห่งกัมพูชา โดยมีกำหนดนำคณะเดินทางกลับประเทศไทยในเวลาค่ำวันจันทร์
ไทยและกัมพูชาได้เริ่มเผชิญหน้าทางทหารที่ชายแดนด้านพระวิหาร หลังจากฝ่ายกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนปราสาทอายุ 800 ปีเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ในขณะที่สองประเทศยังมีการกล่าวอ้างเขตแดนทับซ้อนโดยรอบ
การเผชิญหน้ากลายเป็นความตึงเครียดและเกิดการปะทะด้วยอาวุธครั้งแรกในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตทันที 2 นาย อีก 1 คนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 7 นาย ต่อมาได้เสียชีวิต 1 คน
ในระยะแรก นายกรัฐมนตรีได้คัดค้านกรณีที่ไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประจำกลุ่มอาเซียนปีนี้ เลื่อนการจัดประชุมผู้นำกลุ่มมาหลายครั้ง รวมทั้งการแยกจัดประชุมสุดยอดกับการประชุมร่วมกับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญต่างๆ ที่เรียกว่า อาเซียน+3 และ อาเซียน+6 ออกไปเป็นเดือน เม.ย.
ถึงแม้สองประเทศจะยังมีกรณีพิพาทชายแดน แต่สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้กล่าวอย่างชัดเจนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า จะไม่หยิบยกกรณีพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาในเวทีผู้นำอาเซียน และเชื่อว่าจะไม่มีผู้นำคนใดหยิบขึ้นหารือ เนื่องจากเป็นประเด็นทวิภาคีที่อยู่นอกเหนือกรอบความร่วมมือในระดับกลุ่ม
แต่ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า อาจจะมีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ระหว่างการพบเจรจานอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่มอาเซียนในเดือนหน้า.
นายกษิตเดินทางถึงกรุงพนมเปญในเวลาค่ำวันอาทิตย์ และ นำคณะเข้าพบหารือข้อราชการกับนายฮอร์นัมฮอง รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประ เทศกัมพูชาเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในเช้าวันจันทร์ ก่อนจะร่วมกันเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับผลพบเจรจาครั้งนี้
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้ตกลงจะให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง พบเจรจากันหาทางแก้ไขปัญหาพรมแดนในสัปดาห์แรกของเดือนหน้า
"การพบปะวันนี้มีประเด็นที่ดีนั่นก็คือ นายกรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย กษิต ภิรมย์ จะพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาล (ไทย) แก้ไขปัญหาชายแดนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายฮองกล่าวระหว่างการแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศ
ส่วน รมว.ต่างประเทศของไทยกล่าวในการแถลงคราวเดียวกันว่า การพบหารือกับฝ่ายกัมพูชาครั้งนี้มีความสำคัญมากสำหรับสองประเทศและประชาชน ซึ่งความสัมพันธ์จะดำเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อในกัมพูชา
รัฐมนตรีทั้งสองได้ตกลงจะแจ้งให้คณะกรรมาธิการร่วมชายแดนสองประเทศพบเจรจากันครั้งใหม่ระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ. เพื่อหาทางปักปันเขตแดนตลอดความยาวกว่า 805 กิโลเมตร ขณะที่ รมว.กลาโหมของไทยจะไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 6 ก.พ.เพื่อพบเจรจากับฝ่ายกัมพูชา เกี่ยวกับการถอนทหารของสองฝ่ายออกจากแนวชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
รมว.ต่างประเทศกัมพูชากล่าวอีกว่า สองฝ่ายได้ตกลงให้คณะกรรมการชายแดนลงมือวัดพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร เพื่อเริ่มปักปันหลักเขตแดน ตามที่ได้มีการตัดสินใจในการประชุมเจรจาครั้งก่อน ซึ่งหมายถึงสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
อย่างไรก็ตามยังไม่คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้จากฝ่ายใด ซึ่งในปี 2505 ศาลระหว่างประเทศกรุงเฮกได้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แต่มิได้มีคำตัดสินเกี่ยวกับดินแดนโดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร
ไทยได้กล่าวอ้างสิทธิเหนือดินแดนดังกล่าวมาตลอดเวลาเกือบ 50 ปี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย อันเป็นเส้นพรมแดนธรรมชาติตามกฎหมายและความตกลงระหว่างประเทศ ส่วนกัมพูชากล่าวอ้างดินแดนดังกล่าวเป็นของตนตามแผนที่ที่ทำขึ้นโดยฝรั่งเศสเมื่อกว่า 100 ปีก่อน
อย่างไรก็ตามนอกจากการปักปันเส้นเขตแดนทางบกแล้ว คณะกรรมการชายแดนของทั้งสองฝ่ายจะได้ประชุมอีกครั้งหนึ่งในเดือน มี.ค.เพื่อหาทางแบ่งเขตแดนของสองประเทศในน่านน้ำอ่าวไทย นายฮองกล่าว
ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิตเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนี้เพื่อแนะนำตัวเองในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมิตรประเทศ
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้ถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่รับคำเชิญ จะเดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปลายเดือน ก.พ.ศกนี้
รมว.ต่างประเทศของไทยได้เข้าเยี่ยมคำนับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ในเวลาต่อมาและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองจากผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ
นายกษิต ยังได้เข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จฯ เจียซิม ประธานวุฒิสภาและสมเด็จฯ เฮงสัมริน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ เข้าเฝ้าฯ องค์พระประมุขแห่งกัมพูชา โดยมีกำหนดนำคณะเดินทางกลับประเทศไทยในเวลาค่ำวันจันทร์
ไทยและกัมพูชาได้เริ่มเผชิญหน้าทางทหารที่ชายแดนด้านพระวิหาร หลังจากฝ่ายกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนปราสาทอายุ 800 ปีเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ในขณะที่สองประเทศยังมีการกล่าวอ้างเขตแดนทับซ้อนโดยรอบ
การเผชิญหน้ากลายเป็นความตึงเครียดและเกิดการปะทะด้วยอาวุธครั้งแรกในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตทันที 2 นาย อีก 1 คนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 7 นาย ต่อมาได้เสียชีวิต 1 คน
ในระยะแรก นายกรัฐมนตรีได้คัดค้านกรณีที่ไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประจำกลุ่มอาเซียนปีนี้ เลื่อนการจัดประชุมผู้นำกลุ่มมาหลายครั้ง รวมทั้งการแยกจัดประชุมสุดยอดกับการประชุมร่วมกับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญต่างๆ ที่เรียกว่า อาเซียน+3 และ อาเซียน+6 ออกไปเป็นเดือน เม.ย.
ถึงแม้สองประเทศจะยังมีกรณีพิพาทชายแดน แต่สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้กล่าวอย่างชัดเจนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า จะไม่หยิบยกกรณีพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาในเวทีผู้นำอาเซียน และเชื่อว่าจะไม่มีผู้นำคนใดหยิบขึ้นหารือ เนื่องจากเป็นประเด็นทวิภาคีที่อยู่นอกเหนือกรอบความร่วมมือในระดับกลุ่ม
แต่ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า อาจจะมีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ระหว่างการพบเจรจานอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่มอาเซียนในเดือนหน้า.
