สอดรับกันเป็นจังหวะคล้องจอง
นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ารายการความจริงวันนี้ ส่งสัญญาณปลุกพลพรรคชาวเสื้อแดงด้วยถ้อยคำที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ย้ำว่าจะต้องคืนความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและครอบครัว ถ้าอยากให้ทุกอย่างยุติ
**"ไม่ว่าจะต่อสู้บนนรกหรือสวรรค์ ก็จะต่อสู้ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้ก็จะไม่มีวันหยุดเคลื่อนไหว"
ใช้บทกร้าวประหนึ่งแม่ทัพยืนม้านำศึก เป็นกระบวนท่าสร้างความฮึกเหิมมวลชนสำหรับเกมภายในประเทศ แถมพกด้วยการใช้สีเขียวป้ายไปบนใบหน้ารัฐบาล ส่งออกไปยังต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง
"จู่ๆ ก็เอาทหารไปร่วมกับพันธมิตรฯ ปิดสนามบิน ทหารอยู่เบื้องหลังแอบจัดตั้งรัฐบาล"
แม้จะเป็นน้ำเสียงคนละโทนกับบทออดอ้อนผ่านหนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ก่อนที่บอกว่า เขามีสถานะการเงินที่ยากลำบาก ไม่สามารถอุดหนุนงานการเมืองหรือพรรคเพื่อไทยได้
แต่บทพูดต่างกรรมต่างวาระทั้งสองครั้ง กลับสอดรับกันกับธีมการต่อสู้ของเสื้อแดงและเครือข่ายแบบยิ่งกว่าบังเอิญ
**เป็นธีมการต่อสู้ในท่วงทำนอง"หลังพิงฝา-สัตว์สี่ขาใกล้จนตรอก"
นายใหญ่กำลังลำบาก เงินทองน้อยลง
นาวารัฐบาลมาร์คเริ่มตั้งลำแล้วก็เริ่มปล่อยอาวุธที่สื่อเรียกว่า"อภิประชานิยม"
กลุ่มเสื้อแดงอีสานแตกเป็นเสี่ยงมีอำนาจรบน้อยลงถนัดตา
พลพรรคเสื้อแดงเมืองเหนือที่พี่น้องตระกูลชินวัตรหวัง แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันประปรายตามประสาคนต้องมีผลประโยชน์ติดมือบ้าง แต่ก็ยังหวังพึ่งพาได้
ภายใต้สภาวะดังกล่าวกลับเป็นเหมือนยาโด๊ปให้ "กลุ่มรักเชียงใหม่ 51" ที่มีเงาของ"เจ๊แดง" อยู่เบื้องหลังรำไรกลับเร่งเครื่องแบบจมตีน ระดมพลออกมาสำแดงอิทธิฤทธิ์รายวัน
ก่อนหน้านี้เคยใช้เพลงคนรักแม้วเป็นเพลงนำในการทำรายการวิทยุ มารอบนี้ชักธงรบใช้เพลง "บางระจันวันเพ็ญ"เป็นเพลงหลักของสถานีแบบที่เปิดเวียนกันเป็นร้อยรอบในแต่ละวัน
ตอกย้ำซ้ำๆ ถี่ๆ ให้คนเสื้อแดงออกมาสู้ รักษาฐานที่มั่นสุดท้าย
เป็นเพลงที่โดนใจเหล่าคนรักทักษิณที่รู้สึกว่า ตนเองถูกล้อมกรอบทุกทาง
นี่จึงเป็นการสู้ที่สามารถดึงเอาผู้ที่คิดว่าตัว "หลังพิงฝา-เหมือนสัตว์สี่ขาจนตรอก" ให้ออกจากบ้านได้อย่างไม่ควรมองข้าม
วันศุกร์ไปล้อม"พุทธสถานภูผาน้ำฟ้า-สันติอโศก" อ้างว่าไปไล่ "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" แบบที่ไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะมีตำรวจนำไป ขนาดระดมยิงหนังสติ๊ก ไปทุบท่อน้ำ ไปเผากระท่อม เอาตีนตบไปโขกศีรษะสมณะผู้ทรงศีล ฯลฯ
ตำรวจเชียงใหม่ไม่เพียงแต่ยืนเฉย เจ้าหน้าที่ระดับล่างเขียนบันทึกประจำวันกรอกรายละเอียดเหตุการณ์ และความเสียหาย รุ่งขึ้นกลับมาใหม่พร้อมช่างประปาซ่อมแทนเสื้อแดงเสร็จสรรพ แล้วให้เจ้าของสถานที่ลงนามในบันทึกประจำวันฉบับแก้ไขใหม่
**บอกว่าไม่มีอะไรเสียหาย
วันรุ่งขึ้นระดมพลปิดล้อมทางเข้าออกสนามบินเชียงใหม่ทุกทาง ดักรอ"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ตั้งแต่บ่าย ตั้งด่านผีตรวจรถเข้าออกทุกคัน ตำรวจเชียงใหม่ไม่สนใจใยดี
ตกค่ำย้ายไปล้อมหอประชุมใหญ่ ม.ช. มีไพร่พลเริ่มแรกแค่ประมาณ 100 เจ้าหน้าที่เอาแผงเหล็กกั้น ถือโล่ตั้งด่านพอเป็นพิธี เพราะผู้ที่อยู่ด้านในคือ รองนายกฯ ผู้กำกับดูแลสตช. แต่ที่ไหนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มีมือดีขับรถชนแผงเหล็ก ตำรวจก็สลายโดยเร็วปล่อยให้คน 40-50 คน กรูกันเข้าไปภายในหอประชุมขณะที่ทางด้านหน้าเริ่มมีชาวเสื้อแดงทยอยมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ จากการปลุกผ่านวิทยุชุมชน
**นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการร่วมเดินข้างเคียงกับ "เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล" ผ่านแขกผู้มีเกียรติและศิษย์เก่าร่วม 2 พันคน เข้าไปในงานเพื่อตรวจดูว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้อยู่ภายในจริง
นายตำรวจคนเดียวกันก็คือผู้นำเหล่าเสื้อแดงวิสาสะบุกเข้าไปถึง พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก แล้วก็ปล่อยให้ทำลายข้าวของ เผากระท่อมตบศีรษะสมณะ และก็บังเอิญอย่างยิ่งที่เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์วันที่เสื้อแดงยกพลไปบุก"สถานีวิทยุวิหคเรดิโอ" และรุมทำร้าย"นายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา" จนเสียชีวิตโดยไม่ได้ห้ามปราม จับกุมใดๆ
ช่วงที่มีการยิงล้อรถ "เพชรวรรต" โกรธมาก ประกาศระดมพลเพื่อจะล้อมสถานีตำรวจ แต่เพียงชั่วโมงให้หลังไม่รู้ไปเคลียร์กับใครมา วิทยุชุมชนเสื้อแดงพลิกท่าทีหันมาจูบปากกับตำรวจเหมือนเดิม ที่สุดก็ตั้งแง่เรียกร้องให้ส่งตัวเจ้าหน้าที่ชั้นประทวนที่ชักปืนยิงล้อรถออกมาเพียงคนเดียว
ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติกับชาวเสื้อแดงที่เข้าไปจุกช่องล้อมวงประตูหอประชุมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนกับเป็นคนหัวอกเดียวกัน
**ถ้าพรรคเพื่อไทยและชาวเสื้อแดงมีความรู้สึกว่ากำลังถูกล้อมจนใกล้จนตรอก
**ถึงนาทีนี้-ตำรวจจำนวนหนึ่งก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากเสื้อแดงเท่าไรนัก
ภายใต้บรรยากาศที่นายตำรวจใหญ่กำลังเปิดศึกกับป.ป.ช. มีนายตำรวจใหญ่อีกจำนวนหนึ่งที่รู้ตัวว่าเก้าอี้ตนเองไม่มั่นคงเหมือนก่อน
สำหรับพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 - ภาคเหนือตอนบนอันเปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มการเมืองพรรคเพื่อไทยนั้นเริ่มมีการพูดคุยกันเรื่องผู้จะมาแทนตำแหน่งของ"พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว" ผบช.ภ.5 เพื่อร่วมรุ่น นรต. 26 ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ผู้ซึ่งเคยบุกขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กระชากไมโครโฟน"นายอวยชัย วะทา"
**วงการหยิบชื่อของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นมาแปะไว้ข้างฝากันแล้วก็มี
"พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว" เก็บตัวเงียบไม่ปรากฏกายต้อนรับนักการเมืองผู้มีตำแหน่งคนใดเลยนับจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ขณะที่นายตำรวจระดับรองลงมาแต่ละพื้นที่ซึ่งแต่ละคนประเมินตัวเองได้ดีว่ารับใช้ใกล้ชิดกับกลุ่มการเมือง หรือนักการเมืองคนใดบ้างก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตภายในหน่วยงานตน
จึงไม่แปลกอันใดที่มีนายตำรวจบางรายตัดสินใจเด็ดขาดภายใต้สภาวะหลังผิงฝา-สัตว์สี่ขาจนตรอก ปฏิบัติการตีสองหน้า หนุนช่วยอำนาจเก่าแบบเนียนๆ
วิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่ที่ปลุกระดมรายชั่วโมงออกปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดิน ยังกล้าประกาศออกอากาศแบบไม่เกรงใจใครเลยว่า
**“ไม่ต้องกลัว ตำรวจเป็นของเรา !!! ”
**ภายใต้สถานการณ์หลังพิงฝาของเหล่าเสื้อแดงที่กำหนดนัดระดมใหญ่ปลายเดือนนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ตกที่นั่งเดียวกันเป็นแนวร่วมที่อบอุ่นยิ่ง!!
นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ารายการความจริงวันนี้ ส่งสัญญาณปลุกพลพรรคชาวเสื้อแดงด้วยถ้อยคำที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ย้ำว่าจะต้องคืนความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและครอบครัว ถ้าอยากให้ทุกอย่างยุติ
**"ไม่ว่าจะต่อสู้บนนรกหรือสวรรค์ ก็จะต่อสู้ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้ก็จะไม่มีวันหยุดเคลื่อนไหว"
ใช้บทกร้าวประหนึ่งแม่ทัพยืนม้านำศึก เป็นกระบวนท่าสร้างความฮึกเหิมมวลชนสำหรับเกมภายในประเทศ แถมพกด้วยการใช้สีเขียวป้ายไปบนใบหน้ารัฐบาล ส่งออกไปยังต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง
"จู่ๆ ก็เอาทหารไปร่วมกับพันธมิตรฯ ปิดสนามบิน ทหารอยู่เบื้องหลังแอบจัดตั้งรัฐบาล"
แม้จะเป็นน้ำเสียงคนละโทนกับบทออดอ้อนผ่านหนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ก่อนที่บอกว่า เขามีสถานะการเงินที่ยากลำบาก ไม่สามารถอุดหนุนงานการเมืองหรือพรรคเพื่อไทยได้
แต่บทพูดต่างกรรมต่างวาระทั้งสองครั้ง กลับสอดรับกันกับธีมการต่อสู้ของเสื้อแดงและเครือข่ายแบบยิ่งกว่าบังเอิญ
**เป็นธีมการต่อสู้ในท่วงทำนอง"หลังพิงฝา-สัตว์สี่ขาใกล้จนตรอก"
นายใหญ่กำลังลำบาก เงินทองน้อยลง
นาวารัฐบาลมาร์คเริ่มตั้งลำแล้วก็เริ่มปล่อยอาวุธที่สื่อเรียกว่า"อภิประชานิยม"
กลุ่มเสื้อแดงอีสานแตกเป็นเสี่ยงมีอำนาจรบน้อยลงถนัดตา
พลพรรคเสื้อแดงเมืองเหนือที่พี่น้องตระกูลชินวัตรหวัง แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันประปรายตามประสาคนต้องมีผลประโยชน์ติดมือบ้าง แต่ก็ยังหวังพึ่งพาได้
ภายใต้สภาวะดังกล่าวกลับเป็นเหมือนยาโด๊ปให้ "กลุ่มรักเชียงใหม่ 51" ที่มีเงาของ"เจ๊แดง" อยู่เบื้องหลังรำไรกลับเร่งเครื่องแบบจมตีน ระดมพลออกมาสำแดงอิทธิฤทธิ์รายวัน
ก่อนหน้านี้เคยใช้เพลงคนรักแม้วเป็นเพลงนำในการทำรายการวิทยุ มารอบนี้ชักธงรบใช้เพลง "บางระจันวันเพ็ญ"เป็นเพลงหลักของสถานีแบบที่เปิดเวียนกันเป็นร้อยรอบในแต่ละวัน
ตอกย้ำซ้ำๆ ถี่ๆ ให้คนเสื้อแดงออกมาสู้ รักษาฐานที่มั่นสุดท้าย
เป็นเพลงที่โดนใจเหล่าคนรักทักษิณที่รู้สึกว่า ตนเองถูกล้อมกรอบทุกทาง
นี่จึงเป็นการสู้ที่สามารถดึงเอาผู้ที่คิดว่าตัว "หลังพิงฝา-เหมือนสัตว์สี่ขาจนตรอก" ให้ออกจากบ้านได้อย่างไม่ควรมองข้าม
วันศุกร์ไปล้อม"พุทธสถานภูผาน้ำฟ้า-สันติอโศก" อ้างว่าไปไล่ "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" แบบที่ไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะมีตำรวจนำไป ขนาดระดมยิงหนังสติ๊ก ไปทุบท่อน้ำ ไปเผากระท่อม เอาตีนตบไปโขกศีรษะสมณะผู้ทรงศีล ฯลฯ
ตำรวจเชียงใหม่ไม่เพียงแต่ยืนเฉย เจ้าหน้าที่ระดับล่างเขียนบันทึกประจำวันกรอกรายละเอียดเหตุการณ์ และความเสียหาย รุ่งขึ้นกลับมาใหม่พร้อมช่างประปาซ่อมแทนเสื้อแดงเสร็จสรรพ แล้วให้เจ้าของสถานที่ลงนามในบันทึกประจำวันฉบับแก้ไขใหม่
**บอกว่าไม่มีอะไรเสียหาย
วันรุ่งขึ้นระดมพลปิดล้อมทางเข้าออกสนามบินเชียงใหม่ทุกทาง ดักรอ"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ตั้งแต่บ่าย ตั้งด่านผีตรวจรถเข้าออกทุกคัน ตำรวจเชียงใหม่ไม่สนใจใยดี
ตกค่ำย้ายไปล้อมหอประชุมใหญ่ ม.ช. มีไพร่พลเริ่มแรกแค่ประมาณ 100 เจ้าหน้าที่เอาแผงเหล็กกั้น ถือโล่ตั้งด่านพอเป็นพิธี เพราะผู้ที่อยู่ด้านในคือ รองนายกฯ ผู้กำกับดูแลสตช. แต่ที่ไหนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มีมือดีขับรถชนแผงเหล็ก ตำรวจก็สลายโดยเร็วปล่อยให้คน 40-50 คน กรูกันเข้าไปภายในหอประชุมขณะที่ทางด้านหน้าเริ่มมีชาวเสื้อแดงทยอยมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ จากการปลุกผ่านวิทยุชุมชน
**นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการร่วมเดินข้างเคียงกับ "เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล" ผ่านแขกผู้มีเกียรติและศิษย์เก่าร่วม 2 พันคน เข้าไปในงานเพื่อตรวจดูว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้อยู่ภายในจริง
นายตำรวจคนเดียวกันก็คือผู้นำเหล่าเสื้อแดงวิสาสะบุกเข้าไปถึง พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก แล้วก็ปล่อยให้ทำลายข้าวของ เผากระท่อมตบศีรษะสมณะ และก็บังเอิญอย่างยิ่งที่เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์วันที่เสื้อแดงยกพลไปบุก"สถานีวิทยุวิหคเรดิโอ" และรุมทำร้าย"นายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา" จนเสียชีวิตโดยไม่ได้ห้ามปราม จับกุมใดๆ
ช่วงที่มีการยิงล้อรถ "เพชรวรรต" โกรธมาก ประกาศระดมพลเพื่อจะล้อมสถานีตำรวจ แต่เพียงชั่วโมงให้หลังไม่รู้ไปเคลียร์กับใครมา วิทยุชุมชนเสื้อแดงพลิกท่าทีหันมาจูบปากกับตำรวจเหมือนเดิม ที่สุดก็ตั้งแง่เรียกร้องให้ส่งตัวเจ้าหน้าที่ชั้นประทวนที่ชักปืนยิงล้อรถออกมาเพียงคนเดียว
ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติกับชาวเสื้อแดงที่เข้าไปจุกช่องล้อมวงประตูหอประชุมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนกับเป็นคนหัวอกเดียวกัน
**ถ้าพรรคเพื่อไทยและชาวเสื้อแดงมีความรู้สึกว่ากำลังถูกล้อมจนใกล้จนตรอก
**ถึงนาทีนี้-ตำรวจจำนวนหนึ่งก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากเสื้อแดงเท่าไรนัก
ภายใต้บรรยากาศที่นายตำรวจใหญ่กำลังเปิดศึกกับป.ป.ช. มีนายตำรวจใหญ่อีกจำนวนหนึ่งที่รู้ตัวว่าเก้าอี้ตนเองไม่มั่นคงเหมือนก่อน
สำหรับพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 - ภาคเหนือตอนบนอันเปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มการเมืองพรรคเพื่อไทยนั้นเริ่มมีการพูดคุยกันเรื่องผู้จะมาแทนตำแหน่งของ"พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว" ผบช.ภ.5 เพื่อร่วมรุ่น นรต. 26 ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ผู้ซึ่งเคยบุกขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กระชากไมโครโฟน"นายอวยชัย วะทา"
**วงการหยิบชื่อของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นมาแปะไว้ข้างฝากันแล้วก็มี
"พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว" เก็บตัวเงียบไม่ปรากฏกายต้อนรับนักการเมืองผู้มีตำแหน่งคนใดเลยนับจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ขณะที่นายตำรวจระดับรองลงมาแต่ละพื้นที่ซึ่งแต่ละคนประเมินตัวเองได้ดีว่ารับใช้ใกล้ชิดกับกลุ่มการเมือง หรือนักการเมืองคนใดบ้างก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตภายในหน่วยงานตน
จึงไม่แปลกอันใดที่มีนายตำรวจบางรายตัดสินใจเด็ดขาดภายใต้สภาวะหลังผิงฝา-สัตว์สี่ขาจนตรอก ปฏิบัติการตีสองหน้า หนุนช่วยอำนาจเก่าแบบเนียนๆ
วิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่ที่ปลุกระดมรายชั่วโมงออกปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดิน ยังกล้าประกาศออกอากาศแบบไม่เกรงใจใครเลยว่า
**“ไม่ต้องกลัว ตำรวจเป็นของเรา !!! ”
**ภายใต้สถานการณ์หลังพิงฝาของเหล่าเสื้อแดงที่กำหนดนัดระดมใหญ่ปลายเดือนนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ตกที่นั่งเดียวกันเป็นแนวร่วมที่อบอุ่นยิ่ง!!