อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงทำตัวเป็นข่าวให้โด่งดังไปทั่วโลก และทั่วประเทศไทย ด้วยการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศ และโฟนอินผ่านรายการความจริงวันนี้ของ 3 สมุนผู้จงรักภักดีอย่างไม่มีเสื่อมคลาย วีระ จตุพร และณัฐวุฒิ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่ว่าจะต่อสู้ในนรกหรือสวรรค์ก็จะต่อสู้ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้ก็จะไม่หยุดเคลื่อนไหว ทุกวันนี้มีความพยายามดำเนินคดีและรังแกทุกอย่าง
พ.ต.ท.ทักษิณ บอกด้วยว่า อย่าคิดว่าจะสั่งคนไปฆ่าเขาที่ต่างประเทศ เพราะถึงตายก็ไม่หยุดแน่
การประกาศต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ หนนี้เห็นทีจะสร้างความสับสนไม่เฉพาะในหมู่ประชาชนทั่วไป แม้ในกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะสับสนเช่นเดียวกัน
เพราะก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว
เมื่อครั้งที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนซึ่งมีเสียงข้างมากเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป จะเป็นนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็สนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คราวนั้นถึงกับมีแถลงการณ์ของ 73 ส.ส.พรรคพลังประชาชนออกมา มีข้อเรียกร้องภายในพรรคข้อหนึ่งว่า
73 ส.ส.ได้เรียกร้องต่อคณะผู้บริหารพรรคว่า เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว แต่มักจะมีข่าวแอบอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพลังประชาชนเสียหาย จึงขอให้คณะผู้บริหารพรรคดูแลไม่ให้มีการแอบอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทางที่จะเป็นผลเสียหายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพลังประชาชนอีกต่อไป
และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคพลังประชาชน เพราะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำไมจึงมี ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่เคยจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ความร้าวฉานภายในพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้นตั้งแต่ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช โน่นแล้ว
นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่มีการยึดอำนาจโดยคณะทหารที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และก็แค้นฝังใจเรื่อยมา
ความคับแค้นยิ่งทับทวีขึ้น เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อพบความผิดแล้วก็มีขั้นตอนส่งให้สำนักงานอัยการ อัยการส่งฟ้องต่อศาลสถิตยุติธรรม
ลูกเมียของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็โดนไปด้วย
นี่จะไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ คับแค้นได้อย่างไร
ในความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก
เหตุเพราะเขาประสบความสำเร็จจนน่าอิจฉา ทำธุรกิจก็ร่ำรวยเป็นหมื่นเป็นแสนล้านด้วยเวลาอันรวดเร็ว เล่นการเมืองก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศครบเทอม สมัยที่สองก็ได้รับเลือกตั้งอีกด้วยเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลด้วยพรรคเดียว
การบริหารประเทศ ก็เป็นที่พออกพอใจของประชาชน จนเลือกพรรคไทยรักไทยของเขามากที่สุด จัดตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียวดังได้กล่าวแล้ว
เขาไม่คิด ไม่รับรู้ ไม่ยอมรับหรอกว่า พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากเพราะรวม ส.ส.รวมนักการเมืองจากหลายพรรค หลายมุ้ง การรวมก็ใช้วิธีเทคโอเวอร์เหมือนทำธุรกิจ ถ้าพรรคใดที่ไม่มาร่วมมารวมก็จะอยู่ลำบาก ทั้งทางการเมือง การทำธุรกิจ
เขาไม่รับรู้หรอกว่า คำว่ามาจากประชาธิปไตยที่เขาอ้างถึงอยู่เสมอๆ นั้น ระหว่างการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค เขาให้ความสำคัญแก่สภาผู้แทนราษฎรแค่ไหน เขาตอบกระทู้ในสภาฯ กี่ครั้ง เขาสนใจเสียงของสมาชิกสภาฯ บ้างหรือไม่
เขาแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ปปง. ฯลฯ อย่างไร
เขามีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไง
และเมื่อเขาขายธุรกิจของเขาซึ่งได้มาจากสัมปทาน เขาใช้วิธีเลี่ยงภาษีอย่างไร
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยยอมรับ และยอมเข้าใจในสิ่งเหล่านี้เลย เขาจึงคิดได้แต่เพียงว่า เขาถูกรังแก ประเทศไทย และคนไทยจะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่เขา
ถอยกลับไปสู่เหตุการณ์ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 อย่างนั้นหรือ?
จะทำได้อย่างไร คตส. คณะกรรมการที่ คมช.แต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคณะกรรมการที่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว คดีความบางคดี ศาลก็ตัดสินไปแล้ว ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกจำคุก
คดีภริยาอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี พ.ต.ท.ทักษิณถึงที่สุดแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็รู้ว่า จะรอดได้ก็ด้วยวิถีทางการเมือง นั่นก็คือ ทำให้ได้อำนาจรัฐซึ่งทำแล้วคือ สนับสนุนพรรคพลังประชาชนให้ได้เป็นรัฐบาล ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้อรรคคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปเสียจากสารบบของศาลทุกศาล
แต่สองนายกรัฐมนตรีที่มาทำหน้าที่ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เห็นทีจะต้องยืนหยัดสู้ต่อไป เอาอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สิครับ เขาสู้ 193 วัน พ.ต.ท.ทักษิณน่าที่จะให้ชุมนุมที่สนามหลวงหรือสนามกีฬาฯ ที่ใดสักแห่ง 194 วัน หรือจะเป็น 2 เท่าของพันธมิตรฯ เลยก็ได้ เช่าหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ออกแถลงการณ์ เช่ารายการทีวีช่อง 3 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 ออกทุกวัน ขบวนรถไถ ขบวนคนเดินจากเหนือ จากอีสานก็น่าจะเดินเข้ามาอย่างที่เคย
เอาเลยครับ
เอาให้ชนะ!
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่ว่าจะต่อสู้ในนรกหรือสวรรค์ก็จะต่อสู้ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้ก็จะไม่หยุดเคลื่อนไหว ทุกวันนี้มีความพยายามดำเนินคดีและรังแกทุกอย่าง
พ.ต.ท.ทักษิณ บอกด้วยว่า อย่าคิดว่าจะสั่งคนไปฆ่าเขาที่ต่างประเทศ เพราะถึงตายก็ไม่หยุดแน่
การประกาศต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ หนนี้เห็นทีจะสร้างความสับสนไม่เฉพาะในหมู่ประชาชนทั่วไป แม้ในกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะสับสนเช่นเดียวกัน
เพราะก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว
เมื่อครั้งที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนซึ่งมีเสียงข้างมากเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป จะเป็นนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็สนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คราวนั้นถึงกับมีแถลงการณ์ของ 73 ส.ส.พรรคพลังประชาชนออกมา มีข้อเรียกร้องภายในพรรคข้อหนึ่งว่า
73 ส.ส.ได้เรียกร้องต่อคณะผู้บริหารพรรคว่า เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว แต่มักจะมีข่าวแอบอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพลังประชาชนเสียหาย จึงขอให้คณะผู้บริหารพรรคดูแลไม่ให้มีการแอบอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทางที่จะเป็นผลเสียหายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพลังประชาชนอีกต่อไป
และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคพลังประชาชน เพราะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำไมจึงมี ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่เคยจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ความร้าวฉานภายในพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้นตั้งแต่ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช โน่นแล้ว
นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่มีการยึดอำนาจโดยคณะทหารที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และก็แค้นฝังใจเรื่อยมา
ความคับแค้นยิ่งทับทวีขึ้น เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อพบความผิดแล้วก็มีขั้นตอนส่งให้สำนักงานอัยการ อัยการส่งฟ้องต่อศาลสถิตยุติธรรม
ลูกเมียของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็โดนไปด้วย
นี่จะไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ คับแค้นได้อย่างไร
ในความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก
เหตุเพราะเขาประสบความสำเร็จจนน่าอิจฉา ทำธุรกิจก็ร่ำรวยเป็นหมื่นเป็นแสนล้านด้วยเวลาอันรวดเร็ว เล่นการเมืองก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศครบเทอม สมัยที่สองก็ได้รับเลือกตั้งอีกด้วยเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลด้วยพรรคเดียว
การบริหารประเทศ ก็เป็นที่พออกพอใจของประชาชน จนเลือกพรรคไทยรักไทยของเขามากที่สุด จัดตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียวดังได้กล่าวแล้ว
เขาไม่คิด ไม่รับรู้ ไม่ยอมรับหรอกว่า พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากเพราะรวม ส.ส.รวมนักการเมืองจากหลายพรรค หลายมุ้ง การรวมก็ใช้วิธีเทคโอเวอร์เหมือนทำธุรกิจ ถ้าพรรคใดที่ไม่มาร่วมมารวมก็จะอยู่ลำบาก ทั้งทางการเมือง การทำธุรกิจ
เขาไม่รับรู้หรอกว่า คำว่ามาจากประชาธิปไตยที่เขาอ้างถึงอยู่เสมอๆ นั้น ระหว่างการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค เขาให้ความสำคัญแก่สภาผู้แทนราษฎรแค่ไหน เขาตอบกระทู้ในสภาฯ กี่ครั้ง เขาสนใจเสียงของสมาชิกสภาฯ บ้างหรือไม่
เขาแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ปปง. ฯลฯ อย่างไร
เขามีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไง
และเมื่อเขาขายธุรกิจของเขาซึ่งได้มาจากสัมปทาน เขาใช้วิธีเลี่ยงภาษีอย่างไร
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยยอมรับ และยอมเข้าใจในสิ่งเหล่านี้เลย เขาจึงคิดได้แต่เพียงว่า เขาถูกรังแก ประเทศไทย และคนไทยจะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่เขา
ถอยกลับไปสู่เหตุการณ์ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 อย่างนั้นหรือ?
จะทำได้อย่างไร คตส. คณะกรรมการที่ คมช.แต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคณะกรรมการที่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว คดีความบางคดี ศาลก็ตัดสินไปแล้ว ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกจำคุก
คดีภริยาอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี พ.ต.ท.ทักษิณถึงที่สุดแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็รู้ว่า จะรอดได้ก็ด้วยวิถีทางการเมือง นั่นก็คือ ทำให้ได้อำนาจรัฐซึ่งทำแล้วคือ สนับสนุนพรรคพลังประชาชนให้ได้เป็นรัฐบาล ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้อรรคคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปเสียจากสารบบของศาลทุกศาล
แต่สองนายกรัฐมนตรีที่มาทำหน้าที่ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เห็นทีจะต้องยืนหยัดสู้ต่อไป เอาอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สิครับ เขาสู้ 193 วัน พ.ต.ท.ทักษิณน่าที่จะให้ชุมนุมที่สนามหลวงหรือสนามกีฬาฯ ที่ใดสักแห่ง 194 วัน หรือจะเป็น 2 เท่าของพันธมิตรฯ เลยก็ได้ เช่าหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ออกแถลงการณ์ เช่ารายการทีวีช่อง 3 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 ออกทุกวัน ขบวนรถไถ ขบวนคนเดินจากเหนือ จากอีสานก็น่าจะเดินเข้ามาอย่างที่เคย
เอาเลยครับ
เอาให้ชนะ!