ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค"มั่นใจมีขบวนการค้ามนุษย์ หลังพบ"โรฮิงยา" หลบหนีเข้าเมืองจำนวนมาก ถึงขั้นตั้งชมรม ลั่นต้องผลักดันออก โยน"บัวแก้ว" เจรจา UNHCR แก้ปัญหาที่ต้นตอ "ปณิธาน"แจงการดูแลผู้อพยพ เป็นหน้าที่ของ สมช.-บัวแก้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (22 ม.ค.) ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่งคงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นาย อดุลน์ กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ส่วนฝ่ายทหาร ได้ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมการประชุมแทน เพราะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ติดภารกิจในต่างประเทศ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ และพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ติดภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า มีการหารือเรื่องภาคใต้ เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันในเรื่องนโยบายของรัฐบาล และมีเรื่องโรฮิงยา ประการแรกเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง จะมีการประสานงานให้กระชับมากขึ้น หน่วยงานที่มีข้อมูลจะส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง ในส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ มีความสนใจทางกระทรวงการต่างประเทศ จะพูดคุย เพราะเราเองก็ต้องการให้เขาดูแลจากต้นเหตุ ต้นทาง ซึ่งเขาเองก็ดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นทางแล้ว ฉะนั้นหากเขาดูแลต้นทางดี ปัญหาต่างๆ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราจะลดลงไป เราได้ขอให้เขาดูแลตรงนี้ด้วย และเรามีความพยายามที่จะร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
สำหรับแง่ปัญหาคนของเราเองที่อาจจะไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ได้กำชับไปว่าจะดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องของตำรวจ และทางหน่วยข่าวกรองจะเดินหน้าต่อในการตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนในแง่ปฎิบัติการทางทะเลทั้งหมดได้ให้เร่งเรื่องการศึกษา การมีหน่วยงาน การดูแลป้องกันอย่างใกล้ชิด หรือ โคลสการ์ด เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง ซึ่งจะเป็นการบูรณาการหลายหน่วยงานที่ทำงานอยู่ในขณะนี้ เพราะเรามีทั้งในส่วนของกองทัพเรือ ตำรวจน้ำ หรือหน่วยงานอื่นๆที่ทำงาน ถ้าบูรณาการกันได้ เหมือนกับที่หลายประเทศมี น่าจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหน่วยงานใหม่ขึ้นมาหรือรูปแบบไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังเร่งการศึกษาอยู่ เพราะจะมีรูปแบบหลากหลายในต่างประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มมุสลิมโรฮิงยาชาวพม่าที่เข้าเมืองมา ถือเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการไม่ให้เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า จะประสานประเทศต้นตออย่างไร ที่ปล่อยให้คนกลุ่มเหล่านี้เข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังทำในกรอบของ บีมสเท็ก ซึ่งจริงๆแล้ว ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้ามาก็ถูกต้องแล้ว เพราะเขาจะรับคนเหล่านี้ไปบังคลาเทศ และที่เข้ามาก็ถือว่าเข้ามาเยอะถึงขั้นมีชมรมอะไรต่างๆแล้วด้วย
เมื่อถามว่า ทำไมไทยถึงไม่คุยกับทางพม่าให้ชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องคุยกันหลายๆทาง เพื่อประสานให้เกิดความเข้าใจ และต้องกวดขันกระบวนการที่เอื้ออำนวย หรืออำนวยความสะดวกให้คนพวกนี้เข้ามา และมาหาผลประโยชน์ในเรื่องการจัดแรงงานที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะขอพบกับกลุ่มโรฮิงยานั้น จะให้คุยผ่านกระทรวงการต่างประเทศก่อนคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีกลุ่มค้ามนุษย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าน่าจะมีกระบวนการอยู่ ตนได้กำชับไปแล้วว่า ต้องเร่งจัดการ และเรามีเครื่องมือในทางกฎหมายเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ฉะนั้นต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ และถ้ามีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องด้วย ก็ต้องจัดการเพราะเป็นความผิดแน่นอน ต้องเอาจริง ถ้าไม่ทำ จะลุกลามทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคง เพราะกระทบกระเทือนกับโอกาสแรงงานไทย
เมื่อถามว่า มีขบวนการนอกประเทศร่วมด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรารับผิดชอบในส่วนภายในประเทศของเราก่อน ว่ามีคนของเราอำนวยความสะดวกการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เป็นนายหน้าค้าแรงงานต่างๆ ต้องจัดการตรงนี้
เมื่อถามว่า จะผลักดันกลับพม่า หรือส่งไปประเทศที่ 3 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องผลักดันออกไปพร้อมกับแก้ปัญหาที่ต้นตอควบคู่กันไป และคิดว่าขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ มีท่าทีที่ชัดเจน และมีการเชิญทูตหลายประเทศที่เกี่ยวข้องเข้ามา รวมทั้งในกรอบของบีมสเท็กด้วย
เมื่อถามว่า การประชุม สมช.นัดแรกมีปัญหาอะไรที่ต้องรีบดำเนินการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงแล้วบางเรื่องเป็นเรื่องที่ยาวนาน เช่น ปัญหาภาคใต้ เรื่องการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลแต่ละชุดมีจุดเน้นที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องของภาคใต้ รัฐบาลนี้เน้นย้ำอีกครั้งว่า ในส่วนรัฐบาลนี้เอาเรื่องกระบวนการพัฒนามาเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติต่างๆ ได้มีการซักซ้อม และทำความเข้าใจกัน รวมทั้งการประชุมที่มีการลงไปในพื้นที่ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ในแง่การรักษาความปลอดภัย หรือการลดปริมาณของเหตุการณ์ในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา มีความคืบหน้า มีการใช้กำลังและทรัพยากรมาก ขั้นต่อไปต้องสามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หรือไม่ให้เลวลง จะต้องใช้ทรัพยากรน้อยลง และเอากระบวนการพัฒนาที่จริงจังลงไปเสริม
เมื่อถามว่า รู้หรือไม่ว่า ผู้ก่อความไม่สงบเป็นกลุ่มไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีข้อมูลที่ทางสมช. พอทราบอยู่ แต่มีความหลากหลายของกลุ่มที่เคลื่อนไหวบ้าง หรืออ้างว่ามีส่วนในการเคลื่อนไหวบ้าง แต่การที่โรฮิงยาเข้ามา ทางความมั่นคงไม่ได้มองว่า เกี่ยวข้องกับความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อถามว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงกลุ่มเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มี
นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้อพยพเข้ามาในประเทศไทยว่า มีหลายหมื่นคน ส่วนการทำงานก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นจุดศูนย์รวมในการประสานนโยบายทั้งหมด และต้องประสานงานร่วมกับ กอ.รมน. ตำรวจ และพลเรือนที่เกี่ยวข้อง ให้มีการเร่งรัดข้อมูลต่างๆ ให้ออกมา และจะร่วมมือกันทำงานกับต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ทางสำนักงานกรมข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่กรอบทำงานทั้งหมดจะเป็น สมช. กับกระทรวงการต่างประเทศดูแล โดยกรอบนโยบายทั้งหมดมีอยู่แล้ว
ส่วนที่มีการขอให้ตั้งศูนย์อพยพขึ้นภายในประเทศ นายปณิธาน กล่าวว่า ก็คงต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ เพราะขั้นตอนกระบวนการเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (22 ม.ค.) ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่งคงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นาย อดุลน์ กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ส่วนฝ่ายทหาร ได้ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมการประชุมแทน เพราะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ติดภารกิจในต่างประเทศ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ และพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ติดภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า มีการหารือเรื่องภาคใต้ เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันในเรื่องนโยบายของรัฐบาล และมีเรื่องโรฮิงยา ประการแรกเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง จะมีการประสานงานให้กระชับมากขึ้น หน่วยงานที่มีข้อมูลจะส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง ในส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ มีความสนใจทางกระทรวงการต่างประเทศ จะพูดคุย เพราะเราเองก็ต้องการให้เขาดูแลจากต้นเหตุ ต้นทาง ซึ่งเขาเองก็ดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นทางแล้ว ฉะนั้นหากเขาดูแลต้นทางดี ปัญหาต่างๆ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราจะลดลงไป เราได้ขอให้เขาดูแลตรงนี้ด้วย และเรามีความพยายามที่จะร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
สำหรับแง่ปัญหาคนของเราเองที่อาจจะไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ได้กำชับไปว่าจะดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องของตำรวจ และทางหน่วยข่าวกรองจะเดินหน้าต่อในการตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนในแง่ปฎิบัติการทางทะเลทั้งหมดได้ให้เร่งเรื่องการศึกษา การมีหน่วยงาน การดูแลป้องกันอย่างใกล้ชิด หรือ โคลสการ์ด เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง ซึ่งจะเป็นการบูรณาการหลายหน่วยงานที่ทำงานอยู่ในขณะนี้ เพราะเรามีทั้งในส่วนของกองทัพเรือ ตำรวจน้ำ หรือหน่วยงานอื่นๆที่ทำงาน ถ้าบูรณาการกันได้ เหมือนกับที่หลายประเทศมี น่าจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหน่วยงานใหม่ขึ้นมาหรือรูปแบบไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังเร่งการศึกษาอยู่ เพราะจะมีรูปแบบหลากหลายในต่างประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มมุสลิมโรฮิงยาชาวพม่าที่เข้าเมืองมา ถือเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการไม่ให้เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า จะประสานประเทศต้นตออย่างไร ที่ปล่อยให้คนกลุ่มเหล่านี้เข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังทำในกรอบของ บีมสเท็ก ซึ่งจริงๆแล้ว ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้ามาก็ถูกต้องแล้ว เพราะเขาจะรับคนเหล่านี้ไปบังคลาเทศ และที่เข้ามาก็ถือว่าเข้ามาเยอะถึงขั้นมีชมรมอะไรต่างๆแล้วด้วย
เมื่อถามว่า ทำไมไทยถึงไม่คุยกับทางพม่าให้ชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องคุยกันหลายๆทาง เพื่อประสานให้เกิดความเข้าใจ และต้องกวดขันกระบวนการที่เอื้ออำนวย หรืออำนวยความสะดวกให้คนพวกนี้เข้ามา และมาหาผลประโยชน์ในเรื่องการจัดแรงงานที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะขอพบกับกลุ่มโรฮิงยานั้น จะให้คุยผ่านกระทรวงการต่างประเทศก่อนคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีกลุ่มค้ามนุษย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าน่าจะมีกระบวนการอยู่ ตนได้กำชับไปแล้วว่า ต้องเร่งจัดการ และเรามีเครื่องมือในทางกฎหมายเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ฉะนั้นต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ และถ้ามีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องด้วย ก็ต้องจัดการเพราะเป็นความผิดแน่นอน ต้องเอาจริง ถ้าไม่ทำ จะลุกลามทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคง เพราะกระทบกระเทือนกับโอกาสแรงงานไทย
เมื่อถามว่า มีขบวนการนอกประเทศร่วมด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรารับผิดชอบในส่วนภายในประเทศของเราก่อน ว่ามีคนของเราอำนวยความสะดวกการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เป็นนายหน้าค้าแรงงานต่างๆ ต้องจัดการตรงนี้
เมื่อถามว่า จะผลักดันกลับพม่า หรือส่งไปประเทศที่ 3 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องผลักดันออกไปพร้อมกับแก้ปัญหาที่ต้นตอควบคู่กันไป และคิดว่าขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ มีท่าทีที่ชัดเจน และมีการเชิญทูตหลายประเทศที่เกี่ยวข้องเข้ามา รวมทั้งในกรอบของบีมสเท็กด้วย
เมื่อถามว่า การประชุม สมช.นัดแรกมีปัญหาอะไรที่ต้องรีบดำเนินการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงแล้วบางเรื่องเป็นเรื่องที่ยาวนาน เช่น ปัญหาภาคใต้ เรื่องการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลแต่ละชุดมีจุดเน้นที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องของภาคใต้ รัฐบาลนี้เน้นย้ำอีกครั้งว่า ในส่วนรัฐบาลนี้เอาเรื่องกระบวนการพัฒนามาเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติต่างๆ ได้มีการซักซ้อม และทำความเข้าใจกัน รวมทั้งการประชุมที่มีการลงไปในพื้นที่ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ในแง่การรักษาความปลอดภัย หรือการลดปริมาณของเหตุการณ์ในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา มีความคืบหน้า มีการใช้กำลังและทรัพยากรมาก ขั้นต่อไปต้องสามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หรือไม่ให้เลวลง จะต้องใช้ทรัพยากรน้อยลง และเอากระบวนการพัฒนาที่จริงจังลงไปเสริม
เมื่อถามว่า รู้หรือไม่ว่า ผู้ก่อความไม่สงบเป็นกลุ่มไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีข้อมูลที่ทางสมช. พอทราบอยู่ แต่มีความหลากหลายของกลุ่มที่เคลื่อนไหวบ้าง หรืออ้างว่ามีส่วนในการเคลื่อนไหวบ้าง แต่การที่โรฮิงยาเข้ามา ทางความมั่นคงไม่ได้มองว่า เกี่ยวข้องกับความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อถามว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงกลุ่มเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มี
นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้อพยพเข้ามาในประเทศไทยว่า มีหลายหมื่นคน ส่วนการทำงานก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นจุดศูนย์รวมในการประสานนโยบายทั้งหมด และต้องประสานงานร่วมกับ กอ.รมน. ตำรวจ และพลเรือนที่เกี่ยวข้อง ให้มีการเร่งรัดข้อมูลต่างๆ ให้ออกมา และจะร่วมมือกันทำงานกับต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ทางสำนักงานกรมข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่กรอบทำงานทั้งหมดจะเป็น สมช. กับกระทรวงการต่างประเทศดูแล โดยกรอบนโยบายทั้งหมดมีอยู่แล้ว
ส่วนที่มีการขอให้ตั้งศูนย์อพยพขึ้นภายในประเทศ นายปณิธาน กล่าวว่า ก็คงต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ เพราะขั้นตอนกระบวนการเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
