เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่กระบวนการกฎหมายสามารถถูกกดดันได้อย่างแปลกประหลาด โดยกลุ่มผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเป็นผู้ลุแก่อำนาจทำผิดเสียเองได้ใช้พวกเสื้อแดงซึ่งถ่อยทรามบังหน้า
ที่กล่าวอย่างนี้เพราะว่าในการปราบประชาชนเมื่อ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและถึงเสียชีวิต ตำรวจเองก็ออกมาบิดเบือนข่าวสารไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนั้นก็ไม่มีใครออกมากล่าวว่าได้ทำไปตามหน้าที่ แต่ก็รู้กันว่ามีการทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังจงใจกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ พกพาระเบิดไว้บนกระเป๋าเสื้อ
ทั้งๆ ที่เธอเป็นสตรี และไม่มีทางออกมาสู้เลย เนื่องจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว
หลังจากนั้นเรื่อง 7 ตุลาฯ ก็หายไป แต่แน่ๆ มีผู้รับผิดชอบและจะต้องถูกลงโทษอยู่หลายคน
แล้วจู่ๆ ก็มีการระดมตำรวจนับพันคน โดยมีการนำเอาอดีตนายกสมาคมตำรวจและ อดีต กตร. คือ พล.ต.อ.สุพาสน์ จีระพันธ์ แถมยังมีอาจารย์ ดร.พนา ทองมีอาคม ซึ่งเคยอยู่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แต่ปัจจุบันไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว โดยเป็นคณบดีคณะนิเทศศาสตร์มาเข้าร่วมด้วย
คนเหล่านี้ได้มีกลุ่มเสื้อแดงสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังครับพี่น้อง
พวกตำรวจมาประชุมถึง 2,000 คน จากทั่วประเทศที่สโมสรตำรวจ
เจ้าเก่าอย่าง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ก็มากับเขาด้วย
ประเด็นสำคัญคือจะมีการให้ถอดถอน ป.ป.ช.ด้วย
และหาว่าเหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคมฯ นั้น ไม่เป็นผลดีต่อขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจ และตำรวจตกเป็นแพะรับบาป สังคมเห็นเป็นจำเลย
ที่ประชุมยังเอาวีซีดีของพันธมิตรฯ ที่ชื่อ “ตำรวจฆ่าประชาชน” มาดู แล้วกล่าวหาว่าเป็นสกู๊ปที่เกินเลยความจริง ทั้งๆ ที่ภาพในวีซีดีนั้นไม่มีการตกแต่ง ถ่ายจากเหตุการณ์สดๆ และเป็นไปตามความจริงทุกอย่าง
เพียงแต่พวกนี้ไม่กล้าสู้ภาพที่เป็นจริงเท่านั้น
คนกลุ่มเสื้อแดงและตำรวจเห็นว่า ป.ป.ช.มีอำนาจมากเช่นเดียวกับองค์กรอิสระทั้งหลายด้วย
การที่พวกคนเหล่านี้รีบออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ก็เพราะ ป.ป.ช.กำลังจะชี้มูลความผิดคดีที่เกิดเมื่อ 7 ตุลาฯ นั่นแหละครับ
ดังนั้น เพื่อหาทางตัดไฟต้นลม พวกมันก็เลยชั่วโดยหวังเขี่ย ป.ป.ช.ให้พ้นจากตำแหน่ง จะได้ไม่สามารถชี้มูลความผิดของพวกมันได้
แสดงว่าคนพวกนี้รู้อยู่แก่อกตัวเองแล้วว่ามันทำผิดจริง
ถ้ามันไม่ผิด จะไปกลัวทำไมในเมื่อ ป.ป.ช.ก็จะตัดสินใจไปตามข้อเท็จจริง ไม่ได้เข้าข้างหนึ่งข้างใดอยู่แล้ว
ความจริงนั้น ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ชื่อและสถานะองค์กรก็บอกอยู่แล้วว่า ทำงานโดยอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมือง ดังนั้นการที่จะชี้มูลใดๆ ก็จะใช้ข้อมูลเท่าที่มี และหาได้
แทนที่พวกเวรจะไปหาข้อมูล กลับรวบรัดหวังขับไล่เขาเสียอย่างนี้ มันฟ้องตัวเองครับ
ป.ป.ช.นั้นจะเลือกปฏิบัติไม่ได้อยู่แล้ว และนี่ขนาดเร่งพิจารณาแล้ว เรื่องยังยาวมาถึงป่านนี้ เขาต้องดูถึงมูลเหตุว่าทำไมจึงมีการปะทะกันของ 2 ฝ่าย และทำไมตำรวจปล่อยให้มีการปะทะกัน ป.ป.ช.เองก็มีเรื่องคาค้างต้องดูแลอีกหลายเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ และเร่งด่วนทั้งสิ้น
การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงมาดูเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ นั้น ใช้ข้อมูลหลากหลายครับ รวมทั้งนำจากหลักฐานที่สื่อมวลชนมีมาดูด้วย และมีข้อกล่าวหาว่า พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แห่งชาติ และ ผบ.ตร.นครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว รวมทั้งรอง ผบ.นครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน เป็นคนสั่งการสลายที่ชุมนุม โดยใช้อาวุธที่มันร้ายแรงเกินกว่าเหตุ
ซึ่งทำให้เป็นที่มาของการลุแก่อำนาจนั่นเอง
แต่พวกเวรกลับเห็นว่า ทาง ป.ป.ช.นั้น ไม่ได้ไต่สวนไปตามขั้นตอนของกฎหมายเสียฉิบ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์มันรุนแรงมีคนตายไปถึง 2 คน บาดเจ็บสาหัสนับร้อย
และมันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง
แต่พวกเวรถ่อยกลับมองว่า เป็นการชี้นำให้สังคมเห็นถึงแนวทางว่าการที่เกิดมีคนตายและบาดเจ็บเป็นเพราะตำรวจเท่านั้น ที่ใช้อาวุธและความรุนแรง
ทั้งที่รูปการ, ภาพถ่ายสื่อมวลชน, รายงาน, วิดีทัศน์รายการทีวี, ภาพจากทีวี ฯลฯ ก็บ่งชี้ให้เห็นอยู่แล้วถึงพฤติกรรมความรุนแรงของตำรวจว่าทำไปเกินเหตุเหมือนจงใจทำให้ที่ชุมนุมต้องได้รับความเสียหาย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
ยังมีข่าวกล่าวด้วยว่า กลุ่มนายตำรวจที่เป็นแกนเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความสนิทสนมใกล้ชิดและฝักใฝ่กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งให้ท้ายการชุมนุมครั้งนี้อยู่อย่างชัดเจน และเหตุผลก็คือ ทักษิณเข้ามาดำเนินการด้วยตนเองไม่ได้ ก็ต้องอาศัยสมาคมตำรวจขับเคลื่อน เพื่อยับยั้ง ป.ป.ช.ไม่ให้เอาผิดนายตำรวจหลายคน ที่ส่อว่ามีความผิดกันตามกระบวนการทางกฎหมาย
แถมหากทำสำเร็จก็เท่ากับสั่นคลอนรัฐบาล
ขณะนี้แค่เคลื่อนไหว ก็เขย่าบัลลังก์นายกฯ คนปัจจุบันและหักหน้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้อยู่แล้ว
พฤติกรรมเยี่ยงนี้ นอกจากจะเป็นการกระทำไม่สมกับเป็นข้าราชการกินเงินเดือนประชาชนแล้ว ยังไม่สมควรเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เราจึงต้องสาปแช่งคนกลุ่มนี้ ผู้บงการทั้งหลายรวมทั้งพวกเสื้อแดงที่ทำการแทนอดีตนายกฯ ทักษิณด้วย
ที่กล่าวอย่างนี้เพราะว่าในการปราบประชาชนเมื่อ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและถึงเสียชีวิต ตำรวจเองก็ออกมาบิดเบือนข่าวสารไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนั้นก็ไม่มีใครออกมากล่าวว่าได้ทำไปตามหน้าที่ แต่ก็รู้กันว่ามีการทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังจงใจกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ พกพาระเบิดไว้บนกระเป๋าเสื้อ
ทั้งๆ ที่เธอเป็นสตรี และไม่มีทางออกมาสู้เลย เนื่องจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว
หลังจากนั้นเรื่อง 7 ตุลาฯ ก็หายไป แต่แน่ๆ มีผู้รับผิดชอบและจะต้องถูกลงโทษอยู่หลายคน
แล้วจู่ๆ ก็มีการระดมตำรวจนับพันคน โดยมีการนำเอาอดีตนายกสมาคมตำรวจและ อดีต กตร. คือ พล.ต.อ.สุพาสน์ จีระพันธ์ แถมยังมีอาจารย์ ดร.พนา ทองมีอาคม ซึ่งเคยอยู่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แต่ปัจจุบันไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว โดยเป็นคณบดีคณะนิเทศศาสตร์มาเข้าร่วมด้วย
คนเหล่านี้ได้มีกลุ่มเสื้อแดงสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังครับพี่น้อง
พวกตำรวจมาประชุมถึง 2,000 คน จากทั่วประเทศที่สโมสรตำรวจ
เจ้าเก่าอย่าง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ก็มากับเขาด้วย
ประเด็นสำคัญคือจะมีการให้ถอดถอน ป.ป.ช.ด้วย
และหาว่าเหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคมฯ นั้น ไม่เป็นผลดีต่อขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจ และตำรวจตกเป็นแพะรับบาป สังคมเห็นเป็นจำเลย
ที่ประชุมยังเอาวีซีดีของพันธมิตรฯ ที่ชื่อ “ตำรวจฆ่าประชาชน” มาดู แล้วกล่าวหาว่าเป็นสกู๊ปที่เกินเลยความจริง ทั้งๆ ที่ภาพในวีซีดีนั้นไม่มีการตกแต่ง ถ่ายจากเหตุการณ์สดๆ และเป็นไปตามความจริงทุกอย่าง
เพียงแต่พวกนี้ไม่กล้าสู้ภาพที่เป็นจริงเท่านั้น
คนกลุ่มเสื้อแดงและตำรวจเห็นว่า ป.ป.ช.มีอำนาจมากเช่นเดียวกับองค์กรอิสระทั้งหลายด้วย
การที่พวกคนเหล่านี้รีบออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ก็เพราะ ป.ป.ช.กำลังจะชี้มูลความผิดคดีที่เกิดเมื่อ 7 ตุลาฯ นั่นแหละครับ
ดังนั้น เพื่อหาทางตัดไฟต้นลม พวกมันก็เลยชั่วโดยหวังเขี่ย ป.ป.ช.ให้พ้นจากตำแหน่ง จะได้ไม่สามารถชี้มูลความผิดของพวกมันได้
แสดงว่าคนพวกนี้รู้อยู่แก่อกตัวเองแล้วว่ามันทำผิดจริง
ถ้ามันไม่ผิด จะไปกลัวทำไมในเมื่อ ป.ป.ช.ก็จะตัดสินใจไปตามข้อเท็จจริง ไม่ได้เข้าข้างหนึ่งข้างใดอยู่แล้ว
ความจริงนั้น ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ชื่อและสถานะองค์กรก็บอกอยู่แล้วว่า ทำงานโดยอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมือง ดังนั้นการที่จะชี้มูลใดๆ ก็จะใช้ข้อมูลเท่าที่มี และหาได้
แทนที่พวกเวรจะไปหาข้อมูล กลับรวบรัดหวังขับไล่เขาเสียอย่างนี้ มันฟ้องตัวเองครับ
ป.ป.ช.นั้นจะเลือกปฏิบัติไม่ได้อยู่แล้ว และนี่ขนาดเร่งพิจารณาแล้ว เรื่องยังยาวมาถึงป่านนี้ เขาต้องดูถึงมูลเหตุว่าทำไมจึงมีการปะทะกันของ 2 ฝ่าย และทำไมตำรวจปล่อยให้มีการปะทะกัน ป.ป.ช.เองก็มีเรื่องคาค้างต้องดูแลอีกหลายเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ และเร่งด่วนทั้งสิ้น
การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงมาดูเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ นั้น ใช้ข้อมูลหลากหลายครับ รวมทั้งนำจากหลักฐานที่สื่อมวลชนมีมาดูด้วย และมีข้อกล่าวหาว่า พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แห่งชาติ และ ผบ.ตร.นครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว รวมทั้งรอง ผบ.นครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน เป็นคนสั่งการสลายที่ชุมนุม โดยใช้อาวุธที่มันร้ายแรงเกินกว่าเหตุ
ซึ่งทำให้เป็นที่มาของการลุแก่อำนาจนั่นเอง
แต่พวกเวรกลับเห็นว่า ทาง ป.ป.ช.นั้น ไม่ได้ไต่สวนไปตามขั้นตอนของกฎหมายเสียฉิบ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์มันรุนแรงมีคนตายไปถึง 2 คน บาดเจ็บสาหัสนับร้อย
และมันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง
แต่พวกเวรถ่อยกลับมองว่า เป็นการชี้นำให้สังคมเห็นถึงแนวทางว่าการที่เกิดมีคนตายและบาดเจ็บเป็นเพราะตำรวจเท่านั้น ที่ใช้อาวุธและความรุนแรง
ทั้งที่รูปการ, ภาพถ่ายสื่อมวลชน, รายงาน, วิดีทัศน์รายการทีวี, ภาพจากทีวี ฯลฯ ก็บ่งชี้ให้เห็นอยู่แล้วถึงพฤติกรรมความรุนแรงของตำรวจว่าทำไปเกินเหตุเหมือนจงใจทำให้ที่ชุมนุมต้องได้รับความเสียหาย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
ยังมีข่าวกล่าวด้วยว่า กลุ่มนายตำรวจที่เป็นแกนเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความสนิทสนมใกล้ชิดและฝักใฝ่กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งให้ท้ายการชุมนุมครั้งนี้อยู่อย่างชัดเจน และเหตุผลก็คือ ทักษิณเข้ามาดำเนินการด้วยตนเองไม่ได้ ก็ต้องอาศัยสมาคมตำรวจขับเคลื่อน เพื่อยับยั้ง ป.ป.ช.ไม่ให้เอาผิดนายตำรวจหลายคน ที่ส่อว่ามีความผิดกันตามกระบวนการทางกฎหมาย
แถมหากทำสำเร็จก็เท่ากับสั่นคลอนรัฐบาล
ขณะนี้แค่เคลื่อนไหว ก็เขย่าบัลลังก์นายกฯ คนปัจจุบันและหักหน้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้อยู่แล้ว
พฤติกรรมเยี่ยงนี้ นอกจากจะเป็นการกระทำไม่สมกับเป็นข้าราชการกินเงินเดือนประชาชนแล้ว ยังไม่สมควรเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เราจึงต้องสาปแช่งคนกลุ่มนี้ ผู้บงการทั้งหลายรวมทั้งพวกเสื้อแดงที่ทำการแทนอดีตนายกฯ ทักษิณด้วย
