แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ แฉแผนตำรวจซุ่มกำลังใน บชน. รอตลบหลังยึดทำเนียบฯ หากพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไป สตช. ชี้พบหลักฐานตำรวจใช้อาวุธร้ายแรงสลายชุมนุม ทั้งเศษเนื้อติดกระดูกกระเด็นติดต้นมะขาม และรูโหว่บนซุ้มประตู ชี้ชัดมีการใช้ปืนยิงขู่ แฉอีกคนในระบอบทักษิณนำ “ถุงขนม” ไปให้นายทหารระดับ ผบ.กองพันคราวนี้ เอาไป 100 กก.หลังจาก คราวก่อนเสนอให้ 50 กก.แต่ไม่กล้ารับ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอธิวัฒน์ บุญชาติ ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 13 ต.ค. นายอธิวัฒน์ บุญชาติ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อประมาณเที่ยงคืนครึ่งตนได้ไปดูที่สนามหลวง ปรากฏว่าคนที่มาร่วมชุมนุมที่ใส่เสื้อแดงกลัวว่าจะมีอันตราย ถอดเสื้อแดงออกหมดเลย และยังไม่ถึงเที่ยงคืนดีคนก็หายไปหมด เหมือนกับวันก่อนที่เมืองทองธานีก็เช่นกัน หลังจากออกมาแล้วก็มีปัญหาว่าทำไมบางคนได้ 300 บางคนได้ 500 ส่วนที่คุยนักว่ามากันเป็นหมื่นในนั้น จากแหล่งข่าวตนบอกว่าอย่างมากมีแค่ 5 พัน
นายอธิวัฒน์ กล่าวต่อว่า คืนนี้ตนพยายามขับรถวนดูทั่วกรุงเทพฯ พบว่าตำรวจไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว เมื่อตรวจสอบข่าวพบว่า พล.ต.ท.ธีรเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เอาตำรวจไปไว้ข้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ประมาณ 2 พันนาย แต่ถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใครทำเกินกว่าเหตุ ก็คือตำรวจ ถ้าเขาไม่มีความฮึกเหิมหรือมีความโกรธแค้นในใจ เขาต้องยิงแก๊สน้ำตาในระดับ 45 องศา จะไม่มีใครบาดเจ็บมากมายหรือมีคนเสียชีวิต แต่ที่ตำรวจทำ บอกได้เลยว่าทำเกินกว่าเหตุ
“เบื้องลึกเบื้องหลัง เขามีเจตนาว่าอยากให้ถึงขั้นเสียชีวิต แต่จากแหล่งข่าวเขายังไม่พอใจ เขาบอกว่าเสียชีวิตน้อยเกินไป” นายอธิวัฒน์กล่าว
นายอธิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้า กลางวัน และบ่ายของวันที่ผ่านมา ตนได้ไปตรวจสอบตามจุดเกิดเหตุที่สี่แยกพระบรมรูปทรงม้า ตรงหัวมุมนครบาล จุดที่น้องโบว์เสียชีวิต และพี่ตี๋นั่งชูนิ้ว ซึ่งวันนั้นตนก็อยู่ในที่เกิดเหตุ มีการยิงมาจากในรั้วชัดเจน และที่พื้นซีเมนต์ ถ้าเป็นแก๊สน้ำตาจะไม่ทำให้เกิดหลุมลึก 2-3 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ตรงซุ้มประตูลานพระบรมรูปฯ มีรอยกระสุนขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่กระสุนฝึก แต่เป็นกระสุนจริง เป็นการยิงข่มขู่ให้เสียงดัง แต่ถ้าถูกคนก็จะเสียชีวิต เพราะกลางคืน กะระยะสูงต่ำได้ยาก ถ้ามีคนยืนอยู่ในวิถีกระสุนจะมีคนเสียชีวิต
นายอธิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นแก๊สน้ำตาธรรมดาจะไม่สามารถทำคนแขนขาขาดได้ จากการที่ตนไปตรวจสอบ ตนพบเศษเนื้อติดกระดูก 2 จุด ที่เกาะกลางถนนติดกับต้นมะขาม ใต้พระบรมฉายาลักษณ์กลางถนน เป็นกระดูกและเนื้อของมนุษย์ นั่นแสดงว่าศักยภาพการทำลายล้างของอาวุธที่ตำรวจใช้ร้ายแรงมาก มีแรงอัดร้ายแรงกว่าแก๊สน้ำตา
นายอธิวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี บอกว่าประเทศจะมีงานสำคัญจึงขอเจรจาเพื่อปรองดองกับพี่น้องนั้น เป็นการปรองดองแต่ปาก ในวันนี้ ที่ บชน.มีตำรวจมากกว่าที่ สตช.มาก ถ้าแกนนำไม่เปลี่ยนแผนการไป สตช. ตำรวจที่นครบาลจะตลบหลังทันที ซึ่งมีคนของเราที่รักชาติบ้านเมือง คอยส่งข่าวมาเรื่อยๆ
วันนี้ตำรวจได้ใช้งบประมาณเพื่อให้มันหมด และแก๊สน้ำตาที่ซื้อมาก็เร่งใช้ให้หมด เพื่อจะเบิกงบประมาณไปซื้อใหม่ เพราะงบตำรวจมีถึง 69,621 ล้านบาท เขามีโครงซื้อเสื้อเกราะ 6 พันตัว มูลค่า 2,312 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วตัวหนึ่งตกตัวละ 3 แสนบาทแล้วมีงบฯ ค่าน้ำมันรถ 3 พันล้านบาท แต่คงตกมาไม่ถึงตำรวจชั้นผู้น้อย นี่ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีแต่รับกับรับ เพราะตำรวจเลวชั่วไม่กี่คนเท่านั้น
นายอธิวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากแหล่งข่าว ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการที่จะไปงานพระราชทานเพลิงศพ ถ้าเราไป สตช. แผนของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จะยึดทำเนียบเวลาตี 3 แต่ตอนนี้แผนเขาเปลี่ยน เขาจะให้ นปก.มาป่วนในวันที่ 14 และฉวยโอกาสนั้นยึดทำเนียบ
นายอธิวัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ข่าวล่ามาเร็ว ตามที่ตนเคยบอกว่า หลังบ้านนายสมชาย หรือคนในระบอบทักษิณ เคยหิ้วถุงขนมไปให้คนที่กองพัน หนัก 50 กก. แต่คนที่กองพันไม่กล้าปฏิวัติ ตอนนี้เพิ่ม 2 เท่า เอาไปให้อีก ผบ.กองพันคนไหน กินขนม 100 กก.นั้น ขอให้ถูกออกจากราชการ เพราะความลับจะต้องถูกเปิดเผย ถ้าท่านกิน ท่านจะต้องถูกออกราชการและติดคุก
“แผนปฏิวัตินั้นยังมีอยู่ มีการจัดเจรจากันที่ทุ่งสีกันดอนเมือง ตอนนี้อย่าคิกว่า ท่านปิดข่าวได้ อย่าคิดว่าจะทำอย่างไรตามใจได้ เพราะวันนี้ พันธมิตรฯ มีเครือจ่ายไปครอบคลุมยิ่งกว่าเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออีก” นายอธิวัฒน์กล่าว