"ชุมพล" เตรียมนัดเอกชนหารือ รวบรวมข้อมูลความเดือดร้อน หวัง กดดันทีมเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี เร่งพิจารณาเงินช่วยเหลือ ในโครงการ "ช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวฯ" วงเงิน 1.55 หมื่นล้านบาท พร้อมมอบนโยบาย ททท. เร่งโปรโมตคนไทยเที่ยวในประเทศ ตั้งสโลแกนเพิ่ม เร่งความถี่จัดงานคอนซูเมอร์ แฟร์ ขณะที่ประธานบอร์ด ททท. "วีระศักดิ์" เผย ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2551 ต่ำกว่าปี 2550 แต่มั่นใจปีนี้ เติบโต 2.3%
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า จะเชิญผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว มาพบปะ เพื่อ หารือ พร้อมแจ้งข้อมูลความคืบหน้า ที่ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือในความเดือดร้อนของภาคเอกชน พร้อมรับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน ในปัญหาและความเดือดร้อนเร่งด่วน ที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยเฉพาะ เรื่องของโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง วงเงิน 15,500 ล้านบาท ระยะโครงการ 4 ปี โดยจะยื่นขอใช้งบกลางปีงบประมาณ 2552 เป็นก้อนแรกในวงเงิน 6,800 ล้านบาท
**แนะรัฐเลิกระแวงเอกชน เร่งช่วยเหลือด่วน**
ทั้งนี้เพราะ ทีมเศรษฐกิจ ของรัฐบาล มองว่า โครงการดังกล่าว เป็นแผนการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะยาว จึง เก็บไว้รอพิจารณารวมกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เดือดร้อน ทั้งที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ยื่นเรื่อง เพื่อให้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.) ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 เพื่อ ขอพิจารณาอนุมัติวงเงินก้อนแรกดังกล่าว แต่ดูสถานการณ์แล้ว คงได้ยาก เพราะ วิธีคิดของทีมเศรษฐกิจ มองว่า ภาคธุรกิจอื่นๆก็เดือดร้อน เหมือนกัน จึงไว้รอพิจารณาพร้อมกัน
"ผมจะรอดูอีกสักระยะ ในเรื่องของการพิจารณางบประมาณ ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ การนัดเอกชนมาหารือพูดคุย ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ก็เพื่อดูปฎิกิริยาของเอกชน ว่า ขณะนี้ เขามีความเดือดร้อน และ มีความเร่งด่วนที่จะต้องใช้เงินกู้เพื่อไปเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ข้อมูลไปชี้แจงในที่ประชุม ค.ร.ม. และ ทีมเศรษฐกิจ เพราะ ถ้าเอกชนเดือดร้อนมาก ขาดสภาพคล่อง ก็อาจมีการเลิกจ้างงาน ดังนั้น ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ รัฐบาลไม่ควรที่จะตั้งข้อระแวงภาคเอกชนให้มากเกินไปนัก ซึ่ง ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เอกชนถือเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้น เมื่อเอกชนเดือดร้อน รัฐจะต้องช่วยเหลือให้มากที่สุด เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้" นายชุมพลกล่าว
***สั่งททท.เร่งกระตุ้นท่องเที่ยวในปะเทศ***
สำหรับ นโยบาย ที่ได้มอบหมายให้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คือให้เน้นกระตุ้นตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ โดยให้ ททท. คิดสโลแกนที่จะใช้กระตุ้นตลาดให้แรงขึ้น และเป็นข้อความที่จำง่าย จูงใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว โดยเป็นสโลแกนที่จะอยู่ภายใต้แคมเปญใหญ่ ที่ ททท.ตั้งไว้ คือ "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" นอกจากนั้น ยังให้ ททท. เร่งจัดกิจกรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ทั่วทุกภูมิภาค พร้อมกับเพิ่มความถี่ ของการจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ เชิญผู้ประกอบการมาออกบูธ จัดแพกเกจทัวร์ราคาประหยัด นำเสนอขายแก่นักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันต้องดูและเรื่องการใช้งบประมาณ ให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุด
**รับยอดนักท่องเที่ยวปี 51 น้อยกว่าปี 50**
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ด ททท.) กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้แก่ ททท. ในการจัดทำแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2553 โดยแบ่งเป็น 1. ตลาดในประเทศ ต้องให้ทุกสำนักงาน จัดทำปฎิทิน การท่องเที่ยว ในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ ททท.ส่วนกลาง ได้รวบรวมนำมาจัดทำปฎิทิน โปรโมตท่องเที่ยวได้ทุกเดือน โดยจัดหมวดหมู่เป็นรายภูมิภาค จะได้ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดใกล้เคียง ส่วน กิจกรรม เทศกาล งานประเพณีใด ที่เป็นเวิลด์อีเว้นต์ได้ ก็จะได้โปรโมตกันตั้งแต่ต้นปี นอกจากนั้น ให้เร่งหาพันธมิตร เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยว จัดแพกเกจทัวร์ เข้าตรงถึงผู้ซื้อ เช่น การรถไฟ สมาคมเรือไทย สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่ง และ สายการบินอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการบินไทย ที่เราได้จับมือร่วมกันแล้ว โดยชูสโลแกน เที่ยวไทย ... ช่วยชาติ
2. ตลาดต่างประเทศ เน้นการจัดกิจกรรม ให้เป็นระดับเวิลด์อีเว้นต์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามา เช่น การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ,การจัดประชุมตระกูลแซ่ ,โครงการกะทะเหล็ก , โยคะ และ คอมมิดี ฟิล์ม เฟสติวัล เป็นต้น โดยในส่วนของ คอมมิดี้ ฟิล์มฯ ต้องการให้เชิญ เซเรปเบอร์ตี้อารมณ์ดีจากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย ให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ต้อง แบ่งยุทธ์ศาสตร์การทำตลาดเป็น 2 แบบ โดยสำหรับตลาดเก่า ที่รู้จักประเทศไทย แล้ว ให้เน้น การตอกย้ำด้านการบริการ มิตรไมตรี และความคุ้มค่าเงิน แต่ ตลาดเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น จีน อินเดีย และ ตลาดในภูมิภาคอาเซียน ต้องนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว ให้ชัดเจน หลากหลาย
ทั้งนี้ในวันที่ 21 ม.ค.52 ในการประชุม บอร์ด ททท. จะหารือเรื่องการใช้งบประมาณ ปี 2552 จากเดิมที่ ททท. มีงบประจำปี เพื่อใช้จัดกิจกรรมอยู่ 2,9000 ล้านบาท ล่าสุด ตามที่ ค.ร.ม. อนุมัติมาให้เพิ่มอีก 450 ล้านบาท จากที่ยื่นของบฉุกเฉินไป 1,900 ล้านบาท ทำให้ ททท. มีงบสำหรับใช้กิจกรรมในปีงบ 2552 รวม 3,350 ล้านบาท
นายวีระศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะอยู่ประมาณ 14.8 ล้านคน เท่ากับปี 2550 โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 2.3% ขณะที่รายได้น่าจะอยู่ที่ 5.31 แสนล้านบาท น้อยกว่าปี 2550 ที่ได้ไว้ประมาณ 5.47 แสนล้านบาทหรือลดลง 3% ขณะที่ตลาดในประเทศ ตั้งเป้ากระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ประมาณ 87 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปี ที่ผ่านมา 4.5% เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ 407,600 ล้านบาท
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า จะเชิญผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว มาพบปะ เพื่อ หารือ พร้อมแจ้งข้อมูลความคืบหน้า ที่ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือในความเดือดร้อนของภาคเอกชน พร้อมรับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน ในปัญหาและความเดือดร้อนเร่งด่วน ที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยเฉพาะ เรื่องของโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง วงเงิน 15,500 ล้านบาท ระยะโครงการ 4 ปี โดยจะยื่นขอใช้งบกลางปีงบประมาณ 2552 เป็นก้อนแรกในวงเงิน 6,800 ล้านบาท
**แนะรัฐเลิกระแวงเอกชน เร่งช่วยเหลือด่วน**
ทั้งนี้เพราะ ทีมเศรษฐกิจ ของรัฐบาล มองว่า โครงการดังกล่าว เป็นแผนการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะยาว จึง เก็บไว้รอพิจารณารวมกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เดือดร้อน ทั้งที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ยื่นเรื่อง เพื่อให้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.) ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 เพื่อ ขอพิจารณาอนุมัติวงเงินก้อนแรกดังกล่าว แต่ดูสถานการณ์แล้ว คงได้ยาก เพราะ วิธีคิดของทีมเศรษฐกิจ มองว่า ภาคธุรกิจอื่นๆก็เดือดร้อน เหมือนกัน จึงไว้รอพิจารณาพร้อมกัน
"ผมจะรอดูอีกสักระยะ ในเรื่องของการพิจารณางบประมาณ ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ การนัดเอกชนมาหารือพูดคุย ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ก็เพื่อดูปฎิกิริยาของเอกชน ว่า ขณะนี้ เขามีความเดือดร้อน และ มีความเร่งด่วนที่จะต้องใช้เงินกู้เพื่อไปเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ข้อมูลไปชี้แจงในที่ประชุม ค.ร.ม. และ ทีมเศรษฐกิจ เพราะ ถ้าเอกชนเดือดร้อนมาก ขาดสภาพคล่อง ก็อาจมีการเลิกจ้างงาน ดังนั้น ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ รัฐบาลไม่ควรที่จะตั้งข้อระแวงภาคเอกชนให้มากเกินไปนัก ซึ่ง ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เอกชนถือเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้น เมื่อเอกชนเดือดร้อน รัฐจะต้องช่วยเหลือให้มากที่สุด เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้" นายชุมพลกล่าว
***สั่งททท.เร่งกระตุ้นท่องเที่ยวในปะเทศ***
สำหรับ นโยบาย ที่ได้มอบหมายให้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คือให้เน้นกระตุ้นตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ โดยให้ ททท. คิดสโลแกนที่จะใช้กระตุ้นตลาดให้แรงขึ้น และเป็นข้อความที่จำง่าย จูงใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว โดยเป็นสโลแกนที่จะอยู่ภายใต้แคมเปญใหญ่ ที่ ททท.ตั้งไว้ คือ "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" นอกจากนั้น ยังให้ ททท. เร่งจัดกิจกรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ทั่วทุกภูมิภาค พร้อมกับเพิ่มความถี่ ของการจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ เชิญผู้ประกอบการมาออกบูธ จัดแพกเกจทัวร์ราคาประหยัด นำเสนอขายแก่นักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันต้องดูและเรื่องการใช้งบประมาณ ให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุด
**รับยอดนักท่องเที่ยวปี 51 น้อยกว่าปี 50**
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ด ททท.) กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้แก่ ททท. ในการจัดทำแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2553 โดยแบ่งเป็น 1. ตลาดในประเทศ ต้องให้ทุกสำนักงาน จัดทำปฎิทิน การท่องเที่ยว ในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ ททท.ส่วนกลาง ได้รวบรวมนำมาจัดทำปฎิทิน โปรโมตท่องเที่ยวได้ทุกเดือน โดยจัดหมวดหมู่เป็นรายภูมิภาค จะได้ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดใกล้เคียง ส่วน กิจกรรม เทศกาล งานประเพณีใด ที่เป็นเวิลด์อีเว้นต์ได้ ก็จะได้โปรโมตกันตั้งแต่ต้นปี นอกจากนั้น ให้เร่งหาพันธมิตร เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยว จัดแพกเกจทัวร์ เข้าตรงถึงผู้ซื้อ เช่น การรถไฟ สมาคมเรือไทย สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่ง และ สายการบินอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการบินไทย ที่เราได้จับมือร่วมกันแล้ว โดยชูสโลแกน เที่ยวไทย ... ช่วยชาติ
2. ตลาดต่างประเทศ เน้นการจัดกิจกรรม ให้เป็นระดับเวิลด์อีเว้นต์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามา เช่น การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ,การจัดประชุมตระกูลแซ่ ,โครงการกะทะเหล็ก , โยคะ และ คอมมิดี ฟิล์ม เฟสติวัล เป็นต้น โดยในส่วนของ คอมมิดี้ ฟิล์มฯ ต้องการให้เชิญ เซเรปเบอร์ตี้อารมณ์ดีจากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย ให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ต้อง แบ่งยุทธ์ศาสตร์การทำตลาดเป็น 2 แบบ โดยสำหรับตลาดเก่า ที่รู้จักประเทศไทย แล้ว ให้เน้น การตอกย้ำด้านการบริการ มิตรไมตรี และความคุ้มค่าเงิน แต่ ตลาดเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น จีน อินเดีย และ ตลาดในภูมิภาคอาเซียน ต้องนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว ให้ชัดเจน หลากหลาย
ทั้งนี้ในวันที่ 21 ม.ค.52 ในการประชุม บอร์ด ททท. จะหารือเรื่องการใช้งบประมาณ ปี 2552 จากเดิมที่ ททท. มีงบประจำปี เพื่อใช้จัดกิจกรรมอยู่ 2,9000 ล้านบาท ล่าสุด ตามที่ ค.ร.ม. อนุมัติมาให้เพิ่มอีก 450 ล้านบาท จากที่ยื่นของบฉุกเฉินไป 1,900 ล้านบาท ทำให้ ททท. มีงบสำหรับใช้กิจกรรมในปีงบ 2552 รวม 3,350 ล้านบาท
นายวีระศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะอยู่ประมาณ 14.8 ล้านคน เท่ากับปี 2550 โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 2.3% ขณะที่รายได้น่าจะอยู่ที่ 5.31 แสนล้านบาท น้อยกว่าปี 2550 ที่ได้ไว้ประมาณ 5.47 แสนล้านบาทหรือลดลง 3% ขณะที่ตลาดในประเทศ ตั้งเป้ากระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ประมาณ 87 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปี ที่ผ่านมา 4.5% เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ 407,600 ล้านบาท