แบงก์ชาติรับลูกหลังนายกฯ นำทีมเศรษฐกิจเข้าหารือ เล็งเพิ่มประมาณการณ์จีดีพีใหม่ เผยเห็นสัญญาณเศรษฐกิจไทยดีขึ้นจากการเร่งใช้จ่ายภาครัฐ ประกอบกับการต่ออายุ 6 มาตรการ 6 เดือนช่วยหนุน ชี้การเมืองที่คลี่คลายกับรัฐบาลชุดใหม่เป็นตัวแปรช่วยฟื้นภาคท่องเที่ยว
นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) ว่า จะมีการทบทวนตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2552 อีกครั้ง พร้อมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณา ในการประชุมวันที่ 14 ม.ค.นี้ โดยยอมรับว่าล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี
"ธปท.พบว่าในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐบาล น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทำให้การใช้จ่ายที่แท้จริงดีขึ้น และรัฐบาลยังมีการสานต่อนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการฯ ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย" นางอมรากล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ได้เดินทางมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้บริหาร ธปท. ซึ่งในวันดังกล่าว นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าฯ ธปท.ประมาณการณ์เศรษฐกิจว่า อัตราการขยายตัวในปี 2552 เบื้องต้นจะขยายตัวเพียง 0.5-2.5%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ในรายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยหลังเหตุการณ์ชุมนุมปิดสนามบิน น.ส.เกศสรินทร์ ตันสุวรรณรัตน์ เศรษฐกร ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยในปี 52 มีแนวโน้มชะลอตัวจากปี 51 โดยประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในไปประเทศทั้งสิ้น 12.8 ล้านรายลดลง 8.8% เทียบกับปีก่อน ทำให้รายได้ลดลง14.1%
ขณะที่การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้แก่ประเทศในสัดส่วน 10% ของมูลค่าการส่งออกและบริการ และคิดเป็นสัดส่วน 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์ปิดสนามบินก็น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ทั้งสิ้น 15.6 ล้านราย แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะทำให้ทำให้การท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกชะลอลงบ้าง แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะเป็นปัจจัยบวก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองที่ปรับดีขึ้นและมีรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยหากรัฐบาลสามารถฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและกู้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวให้กลับคืนมาโดยเร็วได้ รวมถึงการสื่อสารกับรัฐบาลประเทศอื่นๆให้ยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางมายังไทยได้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายรับจากภาคการท่องเที่ยวในปี 52 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) ว่า จะมีการทบทวนตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2552 อีกครั้ง พร้อมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณา ในการประชุมวันที่ 14 ม.ค.นี้ โดยยอมรับว่าล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี
"ธปท.พบว่าในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐบาล น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทำให้การใช้จ่ายที่แท้จริงดีขึ้น และรัฐบาลยังมีการสานต่อนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการฯ ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย" นางอมรากล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ได้เดินทางมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้บริหาร ธปท. ซึ่งในวันดังกล่าว นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าฯ ธปท.ประมาณการณ์เศรษฐกิจว่า อัตราการขยายตัวในปี 2552 เบื้องต้นจะขยายตัวเพียง 0.5-2.5%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ในรายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยหลังเหตุการณ์ชุมนุมปิดสนามบิน น.ส.เกศสรินทร์ ตันสุวรรณรัตน์ เศรษฐกร ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยในปี 52 มีแนวโน้มชะลอตัวจากปี 51 โดยประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในไปประเทศทั้งสิ้น 12.8 ล้านรายลดลง 8.8% เทียบกับปีก่อน ทำให้รายได้ลดลง14.1%
ขณะที่การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้แก่ประเทศในสัดส่วน 10% ของมูลค่าการส่งออกและบริการ และคิดเป็นสัดส่วน 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์ปิดสนามบินก็น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ทั้งสิ้น 15.6 ล้านราย แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะทำให้ทำให้การท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกชะลอลงบ้าง แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะเป็นปัจจัยบวก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองที่ปรับดีขึ้นและมีรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยหากรัฐบาลสามารถฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและกู้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวให้กลับคืนมาโดยเร็วได้ รวมถึงการสื่อสารกับรัฐบาลประเทศอื่นๆให้ยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางมายังไทยได้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายรับจากภาคการท่องเที่ยวในปี 52 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้