xs
xsm
sm
md
lg

เสถียรภาพของรัฐบาลอภิสิทธิ์ – ผู้ว่าฯ กทม.!

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น กล่าวคือ การเลือกตั้งซ่อม 22 จังหวัด 26 เขต 29 คน กระจายไปเกือบทั่วประเทศ มีเพียง 1 เขตเท่านั้นในกรุงเทพมหานคร และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“อิทธิฤทธิ์” ของบรรดา “องค์กรอิสระ” ได้แสดงออกมากับการจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งเป็นผลของการตรวจสอบการทุจริตคดโกงการเลือกตั้งก็ดี หรือการตรวจสอบกรณีข้อกล่าวหาการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ ที่นับวันเริ่มทวีความเข้มข้นในการเป็น “องค์กรอิสระ” จริงๆ มิได้มีการแทรกแซงเหมือนเช่นในอดีต ที่มีข้อสงสัยกันว่า องค์กรอิสระนั้นสามารถ “แทรกแซง” ได้ “ด้วยเงิน!”

“องค์กรอิสระ”
ที่ว่านี้ อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลฎีกา แผนกเลือกตั้ง เป็นต้น ที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “แผลงฤทธิ์” อย่างมากมาย จนสามารถทำให้ “การเมืองสะอาด!” บ้างไม่มากก็น้อย และก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยว่า “องค์กรอิสระ” ต่างๆ เหล่านี้ ต้อง “ยึดถือ-ยึดมั่น” ในความเป็น “อิสระ-กลาง-โปร่งใส” อย่างแท้จริง เพราะมิฉะนั้นแล้ว “การเมืองไทย” ก็จะ “จมปลัก” อยู่ใน “วังวน” แห่ง “วงจรอุบาทว์”

เราต่างต้องยอมรับความจริงว่า สภาพบ้านเมืองเราทุกด้าน ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ได้รับความเสียหายจน “บอบช้ำ” อย่างมาก ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจาก “การเมืองไทย” โดยเฉพาะ “นักธุรกิจการเมือง”

ว่าไปแล้ว “แสงแดด” ทั้ง “บ่น-บริภาษ” กับ “ไอ้เจ้าบรรดานักธุรกิจการเมือง” เหล่านี้มายาวนานแล้ว ซึ่งก็คงมิใช่เฉพาะ “แสงแดด” บ้าบอคอแตกอยู่เพียงคนเดียว กลุ่มบุคคลอีกมากมายในสังคมไทยต่างซาบซึ้งดีกับ “พฤติการณ์-พฤติกรรม” ของ “นักการเมือง” จำพวกนี้ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรม “นักการเมืองดี” ก็ยังพอมีอยู่มาก และไม่สำคัญเท่ากับว่า เราต้องการ “นักการเมืองอุดมคติ” ที่ “บริสุทธิ์ผุดผ่อง!” นั้น น่าจะหายากมาก “แสงแดด” ยังพอรับได้บ้าง ที่ไม่ถึงกับ “ชั่วช้าสามานย์” ถึงขั้น “ขายชาติบ้านเมืองได้!” เอาเพียงแค่ “หอมปากหอมคอ” ไม่ถึงขั้นกับ “ทำลายชาติ” เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกเท่านั้น พร้อมทั้ง “สวาปาม” มากมายก่ายกองนับแสนล้านบาท ต้องตะโกนดังๆ ว่า “มากเกินไปแล้วนาย!”

การเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่น (กทม.) และระดับชาติ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เราต่าง “เฝ้าจับตามอง” และ “ลุ้น” กันพอสมควร ว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. และผลการเลือกตั้งซ่อม พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน จะได้ที่นั่งจำนวนมากน้อยเท่าใด

เหตุผลสำคัญของ “การลุ้น-เฝ้าจับตามอง” การเลือกตั้งในครั้งสำคัญนี้ จะมีผลอย่างมากต่อรัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” ในกรณีของการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้ง 29 คน เนื่องด้วยจะทำให้จำนวนที่นั่ง และ/หรือ เสียงของส.ส.ในซีกฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่จะ “ห่าง” หรือ “ก้ำกึ่ง!” นั้น จนจะมีผลต่อการผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ในการเปิดสภาฯสมัยสามัญทั่วไปปลายเดือนมกราคมนี้

“ความกังวลใจ” ของฝ่ายรัฐบาล ในกรณี “เสียงปริ่มน้ำ” นั้น ก่อนหน้านี้มีอยู่สูงมาก เพราะถ้าฝ่ายรัฐบาลที่มีที่นั่งเดิมในสภาผู้แทนราษฎร 235 ที่นั่ง ฝ่ายค้านมี 198 ที่นั่ง ถ้าฝ่ายรัฐบาลได้เพียง 10 ที่นั่ง และฝ่ายค้าน 19 ที่นั่ง จะก่อให้เกิด “ความปริ่ม-ความก้ำกึ่ง” ขึ้นมาทันที เนื่องด้วยจะมีเสียงแตกต่างกันเพียงประมาณ 20 กว่าที่นั่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผลของการเลือกตั้งซ่อมก็ออกมาแล้ว ต้องบอกว่า “โล่งอก!” กับจำนวนที่นั่งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้มาถึง 20 ที่นั่ง เรียกว่า “ความกังวล” กับ “เสียงปริ่มน้ำ” นั้น มลายหายไปในบัดดล โดยจำนวน ส.ส.ในซีกพรรคร่วมรัฐบาลมีสูงถึง 257 ที่นั่ง เกินไปถึง 48 ที่นั่ง ฝ่ายค้านมีเพียง 209 ที่นั่ง เรียกว่า “เสถียรภาพ” ของรัฐบาล “แน่นปั้ก!” ไม่ต้องห่วงใยกังวลกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน

ทีนี้ มาลองดูผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเราต่างรู้ผลเรียบร้อยแล้ว และขอแสดงความยินดีกับ ท่านผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่เอี่ยมอ่อง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ดังที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์กันไว้ล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับ “ผลสำรวจ (Poll)”จากหลายสำนักได้ทำการสำรวจประชามติมาล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้ “มหาวิทยาลัยศรีปทุม” ได้ทำ “Exit Poll” ในวันเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า “คุณชายสุขุมพันธุ์” คะแนนนำไปเกือบร้อยละ 50 แล้ว

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2551 มีชาวกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิจำนวน 2.2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 54.18 จากผู้มีสิทธิลงคะแนน 4 ล้านกว่าคน ซึ่งเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2547 มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนสูงถึงร้อยละ 62.50 ซึ่งมากกว่าครั้งสุดท้าย วันที่ 5 ตุลาคม 2551 ส่อนัยว่า ประชาชนชาว กทม.เอือมระอาและอาจเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้ง

แต่ “แสงแดด” วิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นผลของเหตุการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวาย ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การชุมนุมประท้วง” และ “กีฬาสี : เหลือง-แดง” ในช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้การเลือกตั้งในครั้งนี้ มีชาวกรุงเทพฯ มาใช้สิทธิถึงร้อยละ 51.1 เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่ว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีค่าเบี่ยงเบนมากมายนัก เหตุผลสำคัญน่าจะเกิดจาก พี่น้องชาวกทม.ฯ เดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด เพราะอากาศหนาวเย็น ประกอบกับอาจนอนหลับทับสิทธิเล็กน้อย คิดว่ามีคนไปใช้สิทธิมากแล้วก็อาจเป็นได้

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีทั้งหมด 50 เขต หน่วยเลือกตั้ง 6,337 หน่วย และมีผู้สมัครจำนวน 14 คน “แสงแดด” จำไม่ได้ว่ามากน้อยแตกต่างกันเท่าใดกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่แล้ว น่าจะอยู่ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน

จากผู้สมัครทั้ง 14 คน นั้น “แสงแดด” ขอเสียมารยาทที่วิเคราะห์ถึงตัวผู้สมัครฯ ที่โดดเด่นเท่านั้น และอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้สมัครบางคนด้วยเช่นเดียวกัน

ผู้สมัครในครั้งนี้ ไม่ค่อยสงสัยเท่าใดนักจากผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย (พลังประชาชนเดิม) และผู้สมัครอิสระอีก 2-3 คนเท่านั้น

การที่พรรคประชาธิปัตย์เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร นั้น สาเหตุหลัก ก็เพราะว่า คุณชายสุขุมพันธุ์ เป็นทั้งอดีต ส.ส.เขตจากกรุงเทพฯ มายาวนาน และเป็น ส.ส.สัดส่วนในครั้งนี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งคุณชายสุขุมพันธุ์ลงสมัครผู้ว่าฯ ในครั้งนี้ เพราะมีฐานเสียงเดิม และไม่เสียที่นั่ง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร

คุณชายสุขุมพันธุ์ เป็นบุคลากรสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ มีความรู้ความสามารถ แต่ต้องขอเสียมารยาทว่า การทำงานต้องเป็น “ทีมเวิร์ก” เพราะมิฉะนั้น “ไม่เวิร์กแน่!” ความเด็ดเดี่ยวของคุณชายสุขุมพันธุ์อาจยังบกพร่อง แถมเวลาพูดจานั้น “น่าเบื่อ!” เนื่องด้วย พูดเนิบและช้าเกินไป ไม่น่าฟัง และขอย้ำว่าคุณชายต้องมีทีมงานที่ดี และขยันในการทำงาน 7 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ แต่คะแนนได้ไป 9 แสนกว่าๆ

คุณ “แซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี ดูหน้าตาดี แต่ไม่มั่นใจเรื่อง “กึ๋น!” เท่าใดนัก เนื่องด้วย มีประชาชน นักวิชาการ และสื่อฯ วิจารณ์คุณแซมว่า “ดูหน่อมแน้ม” และอาจจะ “แอ๊บแบ๊ว” ไปบ้าง พร้อม “กระดูกอ่อน” กับการเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่บังเอิญฐานเสียงเดิมของ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน” ดี คะแนนจึงได้หลัก 6 แสนกว่า “เกินคาด!”

คุณ “ปลื้ม” มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ท่าทางทะมัดทะแมง มีอุดมการณ์ดี และเอาจริง เอาจัง เพียงแต่อายุน้อยไปหน่อย ประสบการณ์ในการบริหารงานอาจมีไม่มาก ดังนั้น “ทีมงาน” ต้องดีเช่นเดียวกัน คะแนนที่ได้มา คาดการณ์ไว้แล้ว แต่ “แสงแดด” ฟันธงเลยว่า คุณปลื้ม มาถูกทางแล้ว ทำงานการเมืองไปเรื่อยๆ รับรองว่า “อนาคตสดใสแน่!” หลายๆ ฝ่ายให้กำลังใจ เพราะเป็น “คนรุ่นใหม่จริง!” โกยคะแนนไป 3 แสนกว่าๆ นับว่าดีทีเดียว!

อาจารย์ “แก้ว” แก้วสรร อติโพธิ ไม่ควรกระโดดลงเวทีการเมืองเลย เพราะ “เปลืองตัว” มาก คะแนนที่ได้ไม่สมราคาของอาจารย์แก้วสรรเลย เพียงแต่ต้องการขายความซื่อสัตย์ เอาจริงเท่านั้น ในทางการเมือง จะมีคะแนนเสียงเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะต้องฟันธงว่า “ฐานกระสุน-ฐานกระแส” สำคัญที่สุด! และไม่สำคัญเท่ากับต้อง “สังกัดพรรคการเมือง”

ส่วนคนอื่นๆ นั้น ต้องบอกได้เลยว่า “ไม่รู้จะเสียเงินเสียทองไปทำไม?” หรือไม่ก็ “อยากดัง” ทั้งผู้ชายและ “ผู้หญิงบ้าๆ บอๆ” บางคน ที่น่าจะรู้ตัวเสียทีว่า “มีแต่คนเขาสะอิดสะเอียน” กันถ้วนหน้า มีเพียงแต่หน้าม้าคอยเชียร์เพียง 30-50 คนเท่านั้น

ผู้สมัครฯ คนอื่นๆ ที่ไม่ได้เอ่ยนาม ก็ต้องขออภัย เพราะไม่รู้ว่าจะลงมาสมัครทำไม เสียเงินฟรี แถมเดินไปไหนมาไหนไม่มีใครรู้จักจำได้อีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับ “ท่านผู้ว่าฯ คนใหม่ คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร” และต้องลุยทำงานเลย ไม่มีเวลา “ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์” แต่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีทีมงานของอดีตผู้ว่าฯ กทม.อภิรักษ์ โกษะโยธิน รองรับไว้เรียบร้อย

ส่วนรัฐบาลจะเป็นอย่างไรนั้น คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว มีเสถียรภาพมากเพียงพอที่ไม่ต้องกังวลกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าไปแล้วน่าจะอยู่ยาวถึง 8 เดือน หรือ 1 ปี เพียงแต่ต้อง “ทุ่มเท-จริงจัง-ซื่อสัตย์” และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เรียก “ความเชื่อมั่น-ศรัทธา” ให้จงได้

ก็ขอให้กำลังใจในการทำงาน!
กำลังโหลดความคิดเห็น