“รสนา” นอนมา ว่าที่ ส.ว.กทม.เปิดใจหลังรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการ เผยที่ได้รับเลือกเป็นเพราะผลงานที่ผ่านมา ให้คำมั่นจะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลให้ดีที่สุด ย้ำไม่หนักใจทำงานในรัฐบาล “หมัก”ด้านประธานกกต.เผยตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์คร่าวๆ ชี้เหตุที่มาใช้สิทธิลดลง เพราะหลายข่าวดังกลบกระแส อีกทั้งพื้นที่กทม.กว้างแต่เลือกส.ว.ได้แค่คนเดียว
นางสาวรสนา โตสิตระกูล ผู้รับสมัครสมาชิกวุฒิสภา หมายเลข 5 ได้เดินทางมายังศาลาว่าการ กทม.เพื่อติดตามผลการนับคะแนน และเปิดเผยความรู้สึกภายหลังทราบผลโพลนอกคูหาการเลือกตั้ง (Exit Poll) ว่า อันที่จริงตนไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้รับเลือกให้เป็น ส.ว.เนื่องจากคนที่จะได้รับเลือกจะต้องได้คะแนนมากกว่า 5 แสนคะแนน แต่เมื่อได้ทราบคะแนนขณะนี้ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7 แสนก็ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ คะแนนที่ได้ทั้งหมด เชื่อว่า เป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ โปร่งใส ซึ่งหากมีการประกาศผลรับรองการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ตนจะตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาล ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น นอกจากนี้ จะเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาให้เข้มข้น เพราะที่ผ่านมา ส.ว.เข้าไปเพียงออกกฎหมาย แต่การตรวจสอบไม่ค่อยได้เห็นนัก เห็นได้จากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ใช้มา 8-9 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถถอดถอนนักการเมืองที่ทุจริตได้จึงทำให้วุฒิสภากลายเป็นแค่เขื่อนกั้นน้ำเท่านั้น
ว่าที่ ส.ว.กทม.ยังกล่าวอีกว่า เราทุกคนจะต้องร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งนอกสภาและในสภา เพื่อผลประโยชน์ของเราทุกคน
“21 วันที่ผ่านมา ในการแนะนำตัว ทำให้ได้รู้ว่าชาวกทม.หมดความไว้วางใจ และเบื่อหน่ายการเมือง ส่วนเหตุผลที่ทำให้ได้รับเลือกเป็น ส.ว.ในครั้งนี้อาจจะเนื่องจากว่ามีประสบการณ์ในการตรวจสอบ และทำงานในเชิงการมีส่วนร่วม เช่นกรณี กฟฝ.”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกสื่อบ่อยครั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับเลือกหรือไม่? นางสาวรสนา บอกว่า การเป็นดาราอาจจะทำให้คนรู้จักจริง แต่งานตรวจสอบที่ตนทำอยู่เป็นส่วนที่ทำให้ชาวกทม.เข้าใจหน้าที่ของ ส.ว.ในเชิงตรวจสอบมากขึ้น และการเข้ามาเป็น ส.ว.ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชนั้น ไม่หนักใจแต่อย่างใด เชื่อว่า การเมืองที่ดีจะต้องมีธรรมาภิบาล และการตรวจสอบถ่วงดุลจะต้องทำควบคู่ไปกับการบริหารงาน ตนคิดว่ารัฐบาลจะเปิดโอกาสในการทำหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด
ส่วนการทำงานร่วมกับ ส.ว.สรรหานั้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่ตนไม่รู้จัก คงจะต้องไปทำความรู้จักเสียก่อน แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน และไม่ว่าจะมาจากการสรรหาหรือเลือกตั้งก็ต้องพิสูจน์ตัวเองทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แถลงผลการเลือกตั้งส.ว. อย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขณะนี้ นางสาวรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครหมายเลข 5 มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 743,397 คิดเป็น 49.78% อันดับสองหมายเลข 29 นายนิติพงษ์ ห่อนาค มีคะแนน 221,067 คิดเป็น 14.80% อันดับ 3 หมายเลข 6 มีคะแนน 195,714 คิดเป็น 13.11% อันดับ 4 หมายเลข 15 นายมานิต วิทยาเต็ม มีคะแนน 75,882 คิดเป็น 5.08% และอันดับ 5 หมายเลข 24 นายสรสินธุ ไตรจักรภพ มีคะแนน 40,551 คิดเป็น 2.72%
โดยการเลือกตั้งมี 6,355 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,208,405 คน มาใช้สิทธิ1,685,475 คน คิดเป็น 40.05% บัตรดี 1,493,257 ใบ คิดเป็น 88.60% บัตรเสีย 16,922 ใบ คิดเป็น 1.00% และไม่ประสงค์ลงคะแนน 175,296 ใบ คิดเป็น 10.40 %
เขตที่มาใช้สิทธิมากที่สุด 5 อันดับได้แก่ พญาไท 57,724 คน คิดเป็น 48.23% ทวีวัฒนา 52,868 คน คิดเป็น 48.05% ลาดพร้าว 91,822 คน คิดเป็น 44.70% บางรัก 34,692คน คิดเป็น 44.42% คันนายาว 61,448คน คิดเป็น 43.95% และเขตที่มีผู้มาใช้สิทธิน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์ ได้แก่ คลองเตย 82,411คน คิดเป็น 34.33% จอมทอง 123,330 คน คิดเป็น 34.88% ประเวศน์ 108,460 คน คิดเป็น 36.06% สายไหม 126,418 คน คิดเป็น 36.15% บางนา 75,126 คน คิดเป็น 36.20%
ผู้สื่อข่าวถามว่าพอใจกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิในครั้งนี้หรือไม่ ประธานกกต.กทม. กล่าวว่า การเลือกตั้งส.ว.ครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่าการเลือกตั้งส.ว.ครั้งที่ผ่านมา แต่ถึงแม้จะผิดเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็อยู่ในจำนวนที่รับได้ โดยส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีหลายตัวแปรที่ทำให้มีผู้มาใช้สิทธิลดลง เช่น พื้นที่กทม.กว้างแต่สามารถเลือกส.ว.ได้เพียงคนเดียว และประชาชนไม่รู้จักผู้รับสมัครเลือกตั้งส.ว. ประกอบกับบรรยากาศในการแนะนำตัว และกระแสข่าวอื่นๆ ที่มีในช่วงนี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งส.ว.ในวันนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามนายพิงค์ ขอความร่วมมือจากประชาชนในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ว่า ขอให้ชาวกทม.ไปใช้สิทธิอย่างเต็มที่ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในวันนี้ ให้ไปแจ้งสาเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธ์ในเขตที่มีรายชื่ออยู่ หรือที่ลงทะเบียนเลือกตั้งไว้ภายใน 7 วัน มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง
