ASTVผู้จัดการรายวัน- พลังงานยันตรึงแอลพีจีครัวเรือน ส่งซิกขยับราคาแอลพีจีขนส่งฯ ไม่ถึง 6 บาทต่อกก. วงในเผยตลาดโลกวูบขึ้นแค่ 2 บาทต่อ กก.หรือลิตรละ 1 บาทวัดใจ กพช.16 ม.ค.เคาะ ส่วนใช้ไฟฟรีปรับเป็นใช้ไม่เกิน 100 หน่วย แต่เพิ่มเงื่อนไขให้บ้านที่ติดมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ ค่าเอฟที ม.ค.-เม.ย.เคาะแล้วขึ้น14.85สต./หน่วยให้ กฟผ.แบกรับภาระกว่า 2 หมื่นล้าน ของเก่าค้างอีกกว่า 30 สต.ต่อหน่วยรอวันขยับ
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานวานนี้(12 ม.ค.) ว่า กระทรวงพลังงานยังยืนยันที่จะคงโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีออกมาเป็น 2 ราคาระหว่างภาคครัวเรือน กับ ขนส่งและอุตสาหกรรม(ยกเว้นปิโตรเคมี) ด้วยการตรึงภาคครัวเรือนออกไปอีกจากที่ครบกำหนด 6 มาตรการ 6 เดือนวันที่ 31 ม.ค.นี้ตามนโยบายรัฐบาลแต่ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมคงจะต้องปรับราคาขึ้นแต่จะไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เนื่องจากราคาตลาดโลกได้ปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะสรุปวันที่ 16 ม.ค.นี้
“เดิมมติกพช.กำหนดให้ขึ้นภาคขนส่งและอุตสาหกรรม 6 บาทต่อกก.แล้วทยอยขึ้นเดือนละ 2 บาทต่อกก.เนื่องจากตอนนี้ปตท.ต้องรับภาระมากเพราะตลาดโลกราคาสูงถึง 900 เหรียญต่อตันแต่ราคาในไทยถูกกำหนดไม่เกิน 330 เหรียญต่อตันแต่เวลานี้ราคาโลกลดลงเหลือแค่ 380 เหรียญต่อตันดูอย่างนี้แล้วคงจะขึ้นไม่ถึง 6 บาทต่อกก.แน่นอน และหากมีการขึ้นราคาจริงก็มีมาตรการดูแลไม่ให้ลักลอบนำแอลพีจีไปใช้ผิดประเภทเช่นการติดมอเตอร์ที่โรงบรรจุ จึงไม่ห่วงและการขึ้นก็จะไม่มากอย่างที่คิด ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวีก็ชะลอการขึ้นราคาเช่นกันแต่จะนานเพียงใดต้องดูอีกระยะหนึ่ง”น.พ.วรรณรัตน์กล่าว
ส่วนการขยายเวลา 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อไทยทุกคน ในส่วนการใช้ไฟฟ้าฟรีนั้นในที่ประชุมกพช.จะหารือในรายละเอียดอีกครั้งหลังจากเบื้องต้นแนวทางหนึ่งที่ได้หารือไว้คือ ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 100 หน่วยใช้ไฟฟรี ซึ่งตามแนวทางดังกล่าวคิดเป็นผู้ที่จะได้รับการคิดค่าไฟฟรีประมาณ 9 ล้านครัวเรือนหรือคิดเป็นเงินที่รัฐบาลจะต้องอุดหนุนผ่านงบประมาณให้กับการไฟฟ้าประมาณ 8,000 ล้านบาท(6เดือน) โดยมติการใช้ไฟฟรีเดิมนั้นจะกำหนดไว้ 2 แนวทางคือ หากใช้ไม่ถึง 80 หน่วยใช้ไฟฟ้าฟรี แต่หากใช้ไฟตั้งแต่ 80 หน่วย- 100 หน่วยจ่ายค่าไฟฟ้าครึ่งหนึ่ง
***เอฟทีขึ้น14.85สต./หน่วย
นาย ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์) กล่าวภายหลังประชุมเพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในเดือนม.ค.-เม.ย.วานนี้(12ม.ค.) ว่า ที่ประชุมสรุปให้ค่าเอฟทีปรับเพิ่มขิ้น 14.85 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 92.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนในบิลค่าไฟฟ้ารอบนี้เพิ่มขึ้น เป็น 3.17บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 4.91%
อย่างไรก็ตามในการคำนวณค่าเอฟทีงวดนี้ หากคิดตามราคาเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ค่าเอฟทีต้องปรับเพิ่มขึ้น 17.22 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจึงให้ปรับขึ้นแค่ 14.85 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนต่างที่เหลือ 2.37 สตางค์ต่อหน่วยหรือประมาณ 1,036 ล้านบาท ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)แบกรับภาระไปก่อน และเมื่อรวมกับภาระค่าเอฟทีงวดก่อน 19,931 ล้านบาทที่กฟผ.แบกรับภาระไว้จากเดิมที่ควรปรับขึ้น 44.57 สต.ต่อหน่วยก็ขึ้นไปแค่เพียง 14.85 สต.ต่อหน่วย จึงทำให้กฟผ.มีรายได้ค้างรับจากค่าเอฟทีถึง 20,967 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จะได้รับคืนจากในช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงปรับลดลง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มติเดิมกำหนดขึ้นแอลพีจีขนส่งฯ 6 บาทต่อ กก. ขณะนั้นแอลพีตลาดโลกขึ้นไปสูงกว่าเพดานกำหนดกว่า 150 เหรียญต่อตัน แต่แอลพีจีตลาดโลกปัจจุบันที่อยู่ระดับ 380 เหรียญต่อตัน เพดานกำหนดไว้ในประเทศ 330 เหรียญต่อตันจึงสูงกว่าเพียงเล็กน้อยการปรับราคาจึงลดลงเหลือเพียงประมาณ 2 บาทต่อ กก.เท่านั้นหรือคิดเป็นแอลพีจีเพียงลิตรละ 1 บาท ซึ่งแนวโน้มรัฐน่าจะขึ้นครั้งเดียวแล้วจบเพราะการขึ้นก็จะหยุดการไหลออกของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องไปอุดหนุน
***ไม่เกิน 100 หน่วยใช้ไฟฟรี
สำหรับค่าไฟฟ้านั้นกำลังพิจารณารายละเอียดอยู่เนื่องจากเดิมนั้นรัฐบาลกำหนดใช้ 80-150 หน่วยจะจ่ายครึ่งหนึ่งแต่ถ้าใช้ไม่เกิน 80 หน่วยใช้ไฟฟรีปรากฏว่าเดิมผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 80 หน่วยมีเพียง 6.7 ล้านครัวเรือนแต่ผลสำรวจล่าสุดมีครัวเรือนในกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 7 กว่าล้านครัวเรือนบ่งชี้ว่าประชาชนมีการประหยัดเพื่อให้สามารถใช้ไฟฟรีได้ ดังนั้นหากมีการกำหนดใหม่เป็นใช้ไฟไม่เกิน 100 หน่วยใช้ฟรีนั้นยอมรับว่าจะใช้เงินอุดหนุนมากกว่าเดิมและอาจมากกว่าที่คิดเพราะครัวเรือนที่เคยประหยัดอาจมีการใช้ไฟเพิ่มขึ้นอีกเพราะฐานขยายไปยัง 100 หน่วย
ดังนั้นจึงมีแนวทางเลือกอีกทางหนึ่งคือกำหนดใช้ไฟฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 100 หน่วยแต่กำหนดเงื่อนไขเพิ่มขึ้นไปว่าจะต้องเป็นบ้านที่ติดมิเตอร์ไฟไม่เกิน 5 แอมแปร์เท่านั้นเนื่องจากป้องกันบ้านที่มีการติดเครื่องปรับอากาศจำนวนมากแต่อาจไม่ได้ใช้ไฟมากเช่น บ้านตากอากาศ บ้านหลังที่สองของคนมีฐานะ ซึ่งทั้งหมดคงอยู่ที่กพช.ว่าจะพิจารณาเงื่อนไขหรือไม่.
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานวานนี้(12 ม.ค.) ว่า กระทรวงพลังงานยังยืนยันที่จะคงโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีออกมาเป็น 2 ราคาระหว่างภาคครัวเรือน กับ ขนส่งและอุตสาหกรรม(ยกเว้นปิโตรเคมี) ด้วยการตรึงภาคครัวเรือนออกไปอีกจากที่ครบกำหนด 6 มาตรการ 6 เดือนวันที่ 31 ม.ค.นี้ตามนโยบายรัฐบาลแต่ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมคงจะต้องปรับราคาขึ้นแต่จะไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เนื่องจากราคาตลาดโลกได้ปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะสรุปวันที่ 16 ม.ค.นี้
“เดิมมติกพช.กำหนดให้ขึ้นภาคขนส่งและอุตสาหกรรม 6 บาทต่อกก.แล้วทยอยขึ้นเดือนละ 2 บาทต่อกก.เนื่องจากตอนนี้ปตท.ต้องรับภาระมากเพราะตลาดโลกราคาสูงถึง 900 เหรียญต่อตันแต่ราคาในไทยถูกกำหนดไม่เกิน 330 เหรียญต่อตันแต่เวลานี้ราคาโลกลดลงเหลือแค่ 380 เหรียญต่อตันดูอย่างนี้แล้วคงจะขึ้นไม่ถึง 6 บาทต่อกก.แน่นอน และหากมีการขึ้นราคาจริงก็มีมาตรการดูแลไม่ให้ลักลอบนำแอลพีจีไปใช้ผิดประเภทเช่นการติดมอเตอร์ที่โรงบรรจุ จึงไม่ห่วงและการขึ้นก็จะไม่มากอย่างที่คิด ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวีก็ชะลอการขึ้นราคาเช่นกันแต่จะนานเพียงใดต้องดูอีกระยะหนึ่ง”น.พ.วรรณรัตน์กล่าว
ส่วนการขยายเวลา 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อไทยทุกคน ในส่วนการใช้ไฟฟ้าฟรีนั้นในที่ประชุมกพช.จะหารือในรายละเอียดอีกครั้งหลังจากเบื้องต้นแนวทางหนึ่งที่ได้หารือไว้คือ ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 100 หน่วยใช้ไฟฟรี ซึ่งตามแนวทางดังกล่าวคิดเป็นผู้ที่จะได้รับการคิดค่าไฟฟรีประมาณ 9 ล้านครัวเรือนหรือคิดเป็นเงินที่รัฐบาลจะต้องอุดหนุนผ่านงบประมาณให้กับการไฟฟ้าประมาณ 8,000 ล้านบาท(6เดือน) โดยมติการใช้ไฟฟรีเดิมนั้นจะกำหนดไว้ 2 แนวทางคือ หากใช้ไม่ถึง 80 หน่วยใช้ไฟฟ้าฟรี แต่หากใช้ไฟตั้งแต่ 80 หน่วย- 100 หน่วยจ่ายค่าไฟฟ้าครึ่งหนึ่ง
***เอฟทีขึ้น14.85สต./หน่วย
นาย ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์) กล่าวภายหลังประชุมเพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในเดือนม.ค.-เม.ย.วานนี้(12ม.ค.) ว่า ที่ประชุมสรุปให้ค่าเอฟทีปรับเพิ่มขิ้น 14.85 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 92.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนในบิลค่าไฟฟ้ารอบนี้เพิ่มขึ้น เป็น 3.17บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 4.91%
อย่างไรก็ตามในการคำนวณค่าเอฟทีงวดนี้ หากคิดตามราคาเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ค่าเอฟทีต้องปรับเพิ่มขึ้น 17.22 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจึงให้ปรับขึ้นแค่ 14.85 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนต่างที่เหลือ 2.37 สตางค์ต่อหน่วยหรือประมาณ 1,036 ล้านบาท ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)แบกรับภาระไปก่อน และเมื่อรวมกับภาระค่าเอฟทีงวดก่อน 19,931 ล้านบาทที่กฟผ.แบกรับภาระไว้จากเดิมที่ควรปรับขึ้น 44.57 สต.ต่อหน่วยก็ขึ้นไปแค่เพียง 14.85 สต.ต่อหน่วย จึงทำให้กฟผ.มีรายได้ค้างรับจากค่าเอฟทีถึง 20,967 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จะได้รับคืนจากในช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงปรับลดลง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มติเดิมกำหนดขึ้นแอลพีจีขนส่งฯ 6 บาทต่อ กก. ขณะนั้นแอลพีตลาดโลกขึ้นไปสูงกว่าเพดานกำหนดกว่า 150 เหรียญต่อตัน แต่แอลพีจีตลาดโลกปัจจุบันที่อยู่ระดับ 380 เหรียญต่อตัน เพดานกำหนดไว้ในประเทศ 330 เหรียญต่อตันจึงสูงกว่าเพียงเล็กน้อยการปรับราคาจึงลดลงเหลือเพียงประมาณ 2 บาทต่อ กก.เท่านั้นหรือคิดเป็นแอลพีจีเพียงลิตรละ 1 บาท ซึ่งแนวโน้มรัฐน่าจะขึ้นครั้งเดียวแล้วจบเพราะการขึ้นก็จะหยุดการไหลออกของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องไปอุดหนุน
***ไม่เกิน 100 หน่วยใช้ไฟฟรี
สำหรับค่าไฟฟ้านั้นกำลังพิจารณารายละเอียดอยู่เนื่องจากเดิมนั้นรัฐบาลกำหนดใช้ 80-150 หน่วยจะจ่ายครึ่งหนึ่งแต่ถ้าใช้ไม่เกิน 80 หน่วยใช้ไฟฟรีปรากฏว่าเดิมผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 80 หน่วยมีเพียง 6.7 ล้านครัวเรือนแต่ผลสำรวจล่าสุดมีครัวเรือนในกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 7 กว่าล้านครัวเรือนบ่งชี้ว่าประชาชนมีการประหยัดเพื่อให้สามารถใช้ไฟฟรีได้ ดังนั้นหากมีการกำหนดใหม่เป็นใช้ไฟไม่เกิน 100 หน่วยใช้ฟรีนั้นยอมรับว่าจะใช้เงินอุดหนุนมากกว่าเดิมและอาจมากกว่าที่คิดเพราะครัวเรือนที่เคยประหยัดอาจมีการใช้ไฟเพิ่มขึ้นอีกเพราะฐานขยายไปยัง 100 หน่วย
ดังนั้นจึงมีแนวทางเลือกอีกทางหนึ่งคือกำหนดใช้ไฟฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 100 หน่วยแต่กำหนดเงื่อนไขเพิ่มขึ้นไปว่าจะต้องเป็นบ้านที่ติดมิเตอร์ไฟไม่เกิน 5 แอมแปร์เท่านั้นเนื่องจากป้องกันบ้านที่มีการติดเครื่องปรับอากาศจำนวนมากแต่อาจไม่ได้ใช้ไฟมากเช่น บ้านตากอากาศ บ้านหลังที่สองของคนมีฐานะ ซึ่งทั้งหมดคงอยู่ที่กพช.ว่าจะพิจารณาเงื่อนไขหรือไม่.
