ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลมาร์คเร่งสานฝันตั้งบริษัทค้ำประกันสินเชื่อหรือมอร์เกจอินชัวร์รันให้เป็นจริง ช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยไม่มีเงินออม มีบ้าน "กอร์ปศักดิ์" ฟุ้งไม่ต้องนำเงินในวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ เล็งเสนอ ครม.วันนี้ เผย ธอส.ถือหุ้น 20% ที่เหลือธนาคารออมสินกับบริษัทประกัน ภาคอสังหาฯ หนุนชี้เพิ่มความต้องการซื้อในตลาดได้ทั้งคนซื้อและคนขายบ้านระดับล่าง
กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้มีการจัดตั้งบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ (มอร์เกจอินชัวร์รัน) โดยนำเงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในการจัดตั้งนั้น วานนี้ (12 ม.ค.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (13 ม.ค.) โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีเงินออม แต่ต้องการซื้อบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจะไม่สามารถขอได้ทั้ง 100% ตามปกติจะไห้สินเชื่อประมาณ 80% ส่วนอีก 20% ประชาชนจะต้องจ่ายเองทั้งจำนวน ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านได้ หากมีบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ ในส่วนที่เป็นเงินดาวน์จะสามารถนำไปผ่อนรวมกับวงเงินสินเชื่อก้อนแรกได้เลย ส่วนที่เป็นเงินดาวน์นี้จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ซึ่งจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก บริษัทดังกล่าวจะเข้ามารับประกันในส่วนของเงินดาวน์บ้านเพื่อรับความเสี่ยงแทนธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยและไม่มีเงินดาวน์ ทำให้รัฐไม่จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณเข้าไปอัดฉีดโดยตรง
"ไม่ว่าใครที่อยากจะไปกู้เงินซื้อบ้านที่ธนาคารพาณิชย์ที่ไหนก็แล้วแต่ ในส่วนของเงินดาวน์ที่ไม่สามารถกู้ได้ บริษัทเหล่านี้จะเข้ามารับประกันให้ เป็นลักษณะที่ว่าเราไม่มีเงินดาวน์ให้แล้วธนาคารก็จะจัดการเรื่องเงินดาวน์แทน โดยธนาคารไม่ต้องมารับภาระความเสี่ยงในส่วนที่นอกเหนือจากวงเงินกู้" รองนายรัฐมนตรีอธิบาย
นอกจาก ธอส.เป็นผู้ก่อตั้งโดยถือหุ้น 20%แล้ว ธนาคารออมสินกับบริษัทประกันจะเข้าร่วมถือหุ้นเข้าร่วมถือหุ้น ถือเป็นอีก มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องนำเงินในวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้
ขณะที่มาตรการของผู้ซื้อบ้านที่มีรายได้สูงก็จะได้รับการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีจากกดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นกว่า 2 แสนบาท จากเดิมไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นการจูงใจเฉพาะคนที่เสียภาษี คนที่เป็นพลเมืองดีที่ยังเสียภาษีอยู่ คนที่ไม่เสียภาษีก็ไม่มีความหมาย เมื่อเกิดการซื้อขายอสังหาฯได้แล้วธุรกิจก็จะเริ่มหมุนได้ ตั้งแต่ผ้าม้านลงมา คือมีการตกแต่งบ้าน ขณะเดียวกันเจ้าของที่บ้านแล้วเมื่อเขาขายบ้านได้เขาก็สามารถสร้างใหม่ได้ธุรกิจก็จะเดินต่อไปได้
"สินค้าค้างสต๊อกในปัจจุบัน เช่น คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จ บ้านที่สร้างเสร็จ ที่มีเป็นจำนวนมาก หากไม่ระบายออกไปในอนาคตจะกลายเป็นเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินได้ และวิธีการระบายสต๊อก คือการสร้างแรงจูงใจให้คนที่มีเงินอยู่ในขณะนี้นำเงินออกมาซื้อ ซึ่งมาตรการหนึ่ง คือ การหักลดหย่อนภาษี"
**เอกชนเชื่อพยุงอสังหาฯ ไม่ทรุด**
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวสนับสนุนกรณีดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้ ธอส.สามารถปล่อยกู้ได้ 100% โดยที่ผู้ซื้อไม่ต้องวางเงินดาวน์ การปล่อยกู้ 100% จะเป็นการเพิ่มความต้องการซื้อในตลาดให้มีจำนวนมากขึ้น เพราะประชาชนบางส่วนที่มีรายได้ประจำแต่ไม่มีเงินออมเพื่อวางเงินดาวน์ ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านได้ อีกทั้งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายย่อยด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องของระดับราคาบ้าน โดยในส่วนของยอดขาย (presale) ปีนี้ บริษัทฯจะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ อาทิ การต่ออายุมาตรการลดภาษีอสังหาฯ รวมทั้งการซื้อบ้านโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ จะเป็นตัวช่วยที่สนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ทรงตัวได้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 20% จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้การดาวน์ 0% เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อแต่ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถทำได้ ซึ่งมีมาตรการนี้เข้ามาก็จะช่วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นได้ และในส่วนของเราก็ได้ประโยชน์แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าให้บ้านระดับราคาเท่าไหร่ ซึ่งมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่างๆ ของรัฐที่ออกมา ทั้งการลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอนต่างๆ และมาตรการใหม่ที่ซื้อบ้านโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก็น่าจะช่วยให้ภาพรวมอสังหาฯปีนี้ไม่หดตัวอย่างรุนแรงหรือสามารถทรงตัวอยู่ได้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวไม่น้อยกว่า 20%" นายธีระชนกล่าว.
กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้มีการจัดตั้งบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ (มอร์เกจอินชัวร์รัน) โดยนำเงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในการจัดตั้งนั้น วานนี้ (12 ม.ค.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (13 ม.ค.) โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีเงินออม แต่ต้องการซื้อบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจะไม่สามารถขอได้ทั้ง 100% ตามปกติจะไห้สินเชื่อประมาณ 80% ส่วนอีก 20% ประชาชนจะต้องจ่ายเองทั้งจำนวน ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านได้ หากมีบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ ในส่วนที่เป็นเงินดาวน์จะสามารถนำไปผ่อนรวมกับวงเงินสินเชื่อก้อนแรกได้เลย ส่วนที่เป็นเงินดาวน์นี้จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ซึ่งจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก บริษัทดังกล่าวจะเข้ามารับประกันในส่วนของเงินดาวน์บ้านเพื่อรับความเสี่ยงแทนธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยและไม่มีเงินดาวน์ ทำให้รัฐไม่จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณเข้าไปอัดฉีดโดยตรง
"ไม่ว่าใครที่อยากจะไปกู้เงินซื้อบ้านที่ธนาคารพาณิชย์ที่ไหนก็แล้วแต่ ในส่วนของเงินดาวน์ที่ไม่สามารถกู้ได้ บริษัทเหล่านี้จะเข้ามารับประกันให้ เป็นลักษณะที่ว่าเราไม่มีเงินดาวน์ให้แล้วธนาคารก็จะจัดการเรื่องเงินดาวน์แทน โดยธนาคารไม่ต้องมารับภาระความเสี่ยงในส่วนที่นอกเหนือจากวงเงินกู้" รองนายรัฐมนตรีอธิบาย
นอกจาก ธอส.เป็นผู้ก่อตั้งโดยถือหุ้น 20%แล้ว ธนาคารออมสินกับบริษัทประกันจะเข้าร่วมถือหุ้นเข้าร่วมถือหุ้น ถือเป็นอีก มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องนำเงินในวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้
ขณะที่มาตรการของผู้ซื้อบ้านที่มีรายได้สูงก็จะได้รับการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีจากกดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นกว่า 2 แสนบาท จากเดิมไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นการจูงใจเฉพาะคนที่เสียภาษี คนที่เป็นพลเมืองดีที่ยังเสียภาษีอยู่ คนที่ไม่เสียภาษีก็ไม่มีความหมาย เมื่อเกิดการซื้อขายอสังหาฯได้แล้วธุรกิจก็จะเริ่มหมุนได้ ตั้งแต่ผ้าม้านลงมา คือมีการตกแต่งบ้าน ขณะเดียวกันเจ้าของที่บ้านแล้วเมื่อเขาขายบ้านได้เขาก็สามารถสร้างใหม่ได้ธุรกิจก็จะเดินต่อไปได้
"สินค้าค้างสต๊อกในปัจจุบัน เช่น คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จ บ้านที่สร้างเสร็จ ที่มีเป็นจำนวนมาก หากไม่ระบายออกไปในอนาคตจะกลายเป็นเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินได้ และวิธีการระบายสต๊อก คือการสร้างแรงจูงใจให้คนที่มีเงินอยู่ในขณะนี้นำเงินออกมาซื้อ ซึ่งมาตรการหนึ่ง คือ การหักลดหย่อนภาษี"
**เอกชนเชื่อพยุงอสังหาฯ ไม่ทรุด**
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวสนับสนุนกรณีดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้ ธอส.สามารถปล่อยกู้ได้ 100% โดยที่ผู้ซื้อไม่ต้องวางเงินดาวน์ การปล่อยกู้ 100% จะเป็นการเพิ่มความต้องการซื้อในตลาดให้มีจำนวนมากขึ้น เพราะประชาชนบางส่วนที่มีรายได้ประจำแต่ไม่มีเงินออมเพื่อวางเงินดาวน์ ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านได้ อีกทั้งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายย่อยด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องของระดับราคาบ้าน โดยในส่วนของยอดขาย (presale) ปีนี้ บริษัทฯจะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ อาทิ การต่ออายุมาตรการลดภาษีอสังหาฯ รวมทั้งการซื้อบ้านโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ จะเป็นตัวช่วยที่สนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ทรงตัวได้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 20% จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้การดาวน์ 0% เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อแต่ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถทำได้ ซึ่งมีมาตรการนี้เข้ามาก็จะช่วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นได้ และในส่วนของเราก็ได้ประโยชน์แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าให้บ้านระดับราคาเท่าไหร่ ซึ่งมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่างๆ ของรัฐที่ออกมา ทั้งการลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอนต่างๆ และมาตรการใหม่ที่ซื้อบ้านโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก็น่าจะช่วยให้ภาพรวมอสังหาฯปีนี้ไม่หดตัวอย่างรุนแรงหรือสามารถทรงตัวอยู่ได้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวไม่น้อยกว่า 20%" นายธีระชนกล่าว.
