ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันมาตรการผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจัดทำแล้วเสร็จ ทั้งมาตรการทางภาษี ตั้งบริษัทค้ำประกันเงินดาวน์ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแต่อยากมีบ้าน นัดชงเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการที่รัฐบาลอาจจะพิจารณาการจ่ายค่าประกันสังคมให้แก่ลูกจ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ในขณะนี้กำลังดูอยู่หลายแนวทางแต่ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งต้องรอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสียก่อน แต่แนวทางที่กำลังดูอยู่ในขณะนี้คือ ทำอย่างไรจะส่งเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งเป็นหลักการใหญ่ที่สุด และเป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลดีที่สุด
เมื่อถามว่าเรื่องที่จะเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้มีเรื่องใดที่เกี่ยวกับมาตรการทางเศรษฐกิจ นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า มีอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องของภาษีทุกเรื่อง ทั้งเอสเอ็มอี เงินซอฟต์โลน บางส่วนที่สามารถใช้เงินงบประมาณเข้าไปดูแลได้ แต่ในส่วนของกระทรวงการคลังจะไม่มีผลกระทบต่อยอดเงิน หมายความว่าเราไม่ต้องใช้เงินแสนล้านของมาตรการภาษี ในส่วนที่เกี่ยวกับตนรับผิดชอบคือเรื่องเม็ดเงิน
ส่วนกรณีที่มีการเอาเงินออกมาจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แล้วตั้งเป็นบริษัทค้ำประกัน นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนนั้นก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องของเม็ดเงิน แต่จะมีหลายมาตรการซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ยกตัวอย่างในส่วนที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ สำหรับคนที่มีรายได้น้อยแต่ต้องการมีบ้าน แล้วขณะนี้เกิดปัญหาที่ว่าเงินที่กู้มาไม่สามารถกู้ได้ทั้งหมด เพราะธนาคารพาณิชย์ทั่วไปจะให้กู้ได้เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ เช่นจะกู้เงิน 2 ล้านบาท ก็กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน ซึ่งผู้กู้ก็จะไม่มีที่ขาดไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ คือ 4 แสนบาท ส่วนของธนาคารสงเคราะห์ที่กำลังดูอยู่ในขณะนี้คือจะใช้ระบบที่เรียกว่า มาร์เกตอินชัวรัน หมายความว่าเงิน 4 แสนบาท สามารถผ่อนส่งได้ คือผ่อนส่งทั้งเงินต้น และเงินดาวน์ ในส่วนของเงินดาวน์ที่จะต้องผ่อนก็จะต้องเพิ่ม คือ การเพิ่มเบี้ยประกัน ซึ่งเป็นยอดไม่มาก โดยงานที่เรียกว่ามาร์เกตอินชัวรันนั้น ธนาคารอาคารสงเคาระห์จะเป็นผู้ริเริ่มถือหุ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะเป็นบริษัทประกันทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ทำมาเยอะแล้วพร้อมที่จะออกได้ทันที
ถามอีกว่าจะเป็นหลักการค้ำประกันเงินกู้ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครที่อยากจะไปกู้ธนาคารพาณิชย์ที่ไหนก็ตาม ในส่วนของเงินดาวน์ที่ไม่สามารถกู้ได้นั้น บริษัทเหล่านี้จะเข้ามารับประกันให้ เป็นลักษณะที่ว่าหากเราไม่มีเงินดาวน์ให้แล้วธนาคารก็จะจัดการเรื่องเงินดาวน์แทน แต่ส่วนนี้ธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบที่บริษัทนี้ประกันไว้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีการกู้เงินที่ธนาคารกรุงเทพก็จะปล่อยให้กู้โดยไม่เป็นห่วงเรื่องภาระความเสี่ยง ซึ่งธนาคารจะต้องรับผิดชอบเพียง 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ มีคนมารับประกันความเสี่ยงให้ และในส่วนที่จะเป็นบริษัทใดเข้ามารับประกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ตอบ
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคนที่มีเงิน ความเป็นห่วงของเราคือของที่ค้างสต๊อกอยู่ เช่น คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้ว บ้านที่สร้างเสร็จแล้วมีเป็นจำนวนมาก หากเราไม่เคลียร์ออกไปในอนาคตจะกลายเป็นเอ็นพีแอลต่อระบบสถาบันการเงิน และวิธีการเคลียร์ก็คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนที่มีเงินอยู่แล้วในขณะนี้ออกมาใช้เงินตัวนี้ มาตรการหนึ่งคือ การหักภาษี ซึ่งเรากำลังพิจารณาอยู่ว่าจากแสนบาทที่ลดอยู่ในขณะนี้จะลดให้พิ่มหรือไม่ อย่างไร แต่เป็นการจูงใจเฉพาะคนที่เสียภาษี คนที่เป็นพลเมืองดีที่ยังเสียภาษีอยู่ คนที่ไม่เสียภาษีก็ไม่มีความหมาย เมื่อเกิดการซื้อขายอสังหาฯ ได้แล้ว ธุรกิจจะเริ่มหมุนได้ตั้งแต่ผ้าม่านมาลง คือมีการตกแต่งบ้าน ขณะเดียวกัน เจ้าของที่บ้านแล้วเมื่อเขาขายบ้านได้เขาก็สามารถสร้างใหม่ได้ธุรกิจก็จะเดินต่อไปได้
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้จัดทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงงบประมาณกลางปีที่ได้มีการเพิ่มเป็น 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งจะนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (13 ม.ค.) ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะได้ผลมากขึ้น หากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้นจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่มีอยู่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวอีกว่า นอกจากมาตรการต่างๆ จะที่จัดทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการทางภาษี ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการหารือกันบ้างแล้ว และจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจภายในสิ้นเดือนนี้อีกด้วย
