เอเอฟพี/เอเยนซีส์ – “โอบามา”ตอบโต้เสียงวิจารณ์ในรัฐสภาที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าอย่างน้อย 775,000 ล้านดอลลาร์ของเขา รวมทั้งมุ่งปลอบขวัญชาวอเมริกันภายหลังเพิ่งมีการประกาศตัวเลขคนว่างงานจำนวนมหึมาในเดือนธันวาคมและตลอดปีที่แล้ว โดยเขาระบุว่าแผนการนี้จะช่วย ‘รักษาหรือสร้างงานได้ถึง 3-4 ล้านตำแหน่ง’
ในการแถลงทางวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันเสาร์ (10) บารัค โอบามา ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 นี้ อ้างถึงรายงานการวิเคราะห์ความยาว 14 หน้าที่คาดการณ์ว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของตนจะช่วยสร้างงานจำนวนมาก ขณะที่บรรดาผู้ช่วยของเขาก็เร่งพยายามกดดันให้สภาคองเกรสยอมรับแผนดังกล่าวท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ที่ปรึกษาระดับสูงด้านเศรษฐกิจ และเดวิด แอกเซลร็อด นักยุทธศาสตร์การเมืองของโอบามา มีกำหนดจะกลับไปยังรัฐสภาวานนี้(11) เพื่อบรรยายสรุปให้สมาชิกรัฐสภาทราบถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในแผนการของโอบามา ซึ่งมีทั้งมาตรการการลดภาษีและการจัดทำโครงการงานโยธาต่างๆ
“รายงานยืนยันว่าแผนของเราจะรักษาหรือสร้างงานได้ 3-4 ล้านตำแหน่ง โดย 90% ของตำแหน่งงานเหล่านี้จะเกิดขึ้นในภาคเอกชน อีก 10% เป็นงานในภาครัฐที่เราให้ความช่วยเหลือเป็นส่วนใหญ่ เช่น ครู ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่ให้บริการสำคัญแก่ชุมชนของเรา”
ก่อนหน้านี้โอบามากล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะรองรับตำแหน่งงาน 3 ล้านตำแหน่ง แต่การวิเคราะห์ที่ออกมาเมื่อวันเสาร์โดยที่ปรึกษาระดับสูงของเขาคือ คริสตินา โรเมอร์ และจาเร็ด เบิร์นสไตน์ ชี้ว่าข้อเสนอนี้น่าจะสร้างหรือรักษางานสูงสุดถึง 4 ล้านตำแหน่ง
รายงานการวิเคราะห์ของที่ปรึกษาทั้งสองยังเตือนว่า หากปราศจากมาตรการกระตุ้น ก็อาจนำไปสู่การปลดพนักงาน 4 ล้านคนในช่วงหลายเดือนและหลายปีต่อจากนี้ เพิ่มเติมจากที่ปลดไปจำนวนมากมายแล้วก่อนหน้านี้
โอบามาเปิดเผยรายงานฉบับนี้หลังจากวุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งออกมาคัดค้านมาตรการลดภาษีมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ที่บรรจุอยู่ในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาด้วย วุฒิสมาชิกเหล่านี้ตั้งคำถามว่าการลดภาษีให้แก่ธุรกิจขนาดย่อมจะช่วยสร้างงานได้จริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน พวกสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการที่แผนการกระตุ้นนี้ดูจะมีมูลค่ามหาศาล โดยอ้างว่ากลัวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณเบ่งบาน ถึงแม้พวกเขาสนับสนุนการลดภาษีในแผนการดังกล่าวนี้ก็ตามที
ทว่า โอบามากล่าวว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจขาดดุลงบประมาณถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ก็อาจเกิดความสูญเสียมากกว่า เช่น อัตราว่างงานอาจพุ่งขึ้นเป็นอัตราเลขสองหลัก พร้อมกันนี้ยังอ้างอิงคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญว่า สหรัฐฯ อาจสูญเสียขีดความสามารถแข่งขัน ซึ่งถือเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ บนเวทีโลก
การโต้เถียงเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นนี้มีขึ้นขณะที่ข้อมูลของกระทรวงแรงงานที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (9) บ่งชี้ว่านายจ้างในอเมริกาปลดพนักงานถึง 524,000 ล้านคนในเดือนธันวาคม รวมแล้วตลอดทั้งปีมีการลอยแพพนักงานถึง 2.6 ล้านคน สูงสุดนับจากปี 1945
รายงานของทีมเศรษฐกิจของโอบามายังระบุว่า จะมีการสร้างงานราว 500,000 ตำแหน่งจากการลงทุนในพลังงานสะอาด และการเพิ่มการผลิตพลังงานทางเลือกเป็นสองเท่าตัวในช่วงสามปีข้างหน้า ขณะที่การบูรณะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และโรงเรียน จะทำให้เกิดการจ้างงานราว 400,000 คน และอีกนับแสนตำแหน่งจากการปรับปรุงระบบสาธารณสุข
โอบามาเสริมว่า แผนการของตนยังจะช่วยคนตกงานโดยการขยายการประกันการว่างงานและประกันสุขภาพ และด้วยการช่วยไม่ให้มลรัฐต่างๆ ต้องตัดงบประมาณสำหรับบริการที่จำเป็น เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และสาธารณสุข
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า สืบเนื่องจากด้วยสมมติฐานต่างๆ ของโมเดลเศรษฐกิจของแผนการ และความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากการพิจารณาข้อเสนอนี้ของรัฐสภา จึงทำให้การประเมินวิเคราะห์ของทีมงานที่โอบามานำเอามาอ้างอิง อาจมีสัดส่วนความผิดพลาดสูง
โอบามายังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดหลังภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อทศวรรษ 1930 และสถานการณ์อาจเลวร้ายลงก่อนที่จะฟื้นคืนสภาพ กระนั้น ว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่าหากร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อเมริกันชนจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้
ในการแถลงทางวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันเสาร์ (10) บารัค โอบามา ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 นี้ อ้างถึงรายงานการวิเคราะห์ความยาว 14 หน้าที่คาดการณ์ว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของตนจะช่วยสร้างงานจำนวนมาก ขณะที่บรรดาผู้ช่วยของเขาก็เร่งพยายามกดดันให้สภาคองเกรสยอมรับแผนดังกล่าวท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ที่ปรึกษาระดับสูงด้านเศรษฐกิจ และเดวิด แอกเซลร็อด นักยุทธศาสตร์การเมืองของโอบามา มีกำหนดจะกลับไปยังรัฐสภาวานนี้(11) เพื่อบรรยายสรุปให้สมาชิกรัฐสภาทราบถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในแผนการของโอบามา ซึ่งมีทั้งมาตรการการลดภาษีและการจัดทำโครงการงานโยธาต่างๆ
“รายงานยืนยันว่าแผนของเราจะรักษาหรือสร้างงานได้ 3-4 ล้านตำแหน่ง โดย 90% ของตำแหน่งงานเหล่านี้จะเกิดขึ้นในภาคเอกชน อีก 10% เป็นงานในภาครัฐที่เราให้ความช่วยเหลือเป็นส่วนใหญ่ เช่น ครู ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่ให้บริการสำคัญแก่ชุมชนของเรา”
ก่อนหน้านี้โอบามากล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะรองรับตำแหน่งงาน 3 ล้านตำแหน่ง แต่การวิเคราะห์ที่ออกมาเมื่อวันเสาร์โดยที่ปรึกษาระดับสูงของเขาคือ คริสตินา โรเมอร์ และจาเร็ด เบิร์นสไตน์ ชี้ว่าข้อเสนอนี้น่าจะสร้างหรือรักษางานสูงสุดถึง 4 ล้านตำแหน่ง
รายงานการวิเคราะห์ของที่ปรึกษาทั้งสองยังเตือนว่า หากปราศจากมาตรการกระตุ้น ก็อาจนำไปสู่การปลดพนักงาน 4 ล้านคนในช่วงหลายเดือนและหลายปีต่อจากนี้ เพิ่มเติมจากที่ปลดไปจำนวนมากมายแล้วก่อนหน้านี้
โอบามาเปิดเผยรายงานฉบับนี้หลังจากวุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งออกมาคัดค้านมาตรการลดภาษีมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ที่บรรจุอยู่ในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาด้วย วุฒิสมาชิกเหล่านี้ตั้งคำถามว่าการลดภาษีให้แก่ธุรกิจขนาดย่อมจะช่วยสร้างงานได้จริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน พวกสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการที่แผนการกระตุ้นนี้ดูจะมีมูลค่ามหาศาล โดยอ้างว่ากลัวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณเบ่งบาน ถึงแม้พวกเขาสนับสนุนการลดภาษีในแผนการดังกล่าวนี้ก็ตามที
ทว่า โอบามากล่าวว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจขาดดุลงบประมาณถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ก็อาจเกิดความสูญเสียมากกว่า เช่น อัตราว่างงานอาจพุ่งขึ้นเป็นอัตราเลขสองหลัก พร้อมกันนี้ยังอ้างอิงคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญว่า สหรัฐฯ อาจสูญเสียขีดความสามารถแข่งขัน ซึ่งถือเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ บนเวทีโลก
การโต้เถียงเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นนี้มีขึ้นขณะที่ข้อมูลของกระทรวงแรงงานที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (9) บ่งชี้ว่านายจ้างในอเมริกาปลดพนักงานถึง 524,000 ล้านคนในเดือนธันวาคม รวมแล้วตลอดทั้งปีมีการลอยแพพนักงานถึง 2.6 ล้านคน สูงสุดนับจากปี 1945
รายงานของทีมเศรษฐกิจของโอบามายังระบุว่า จะมีการสร้างงานราว 500,000 ตำแหน่งจากการลงทุนในพลังงานสะอาด และการเพิ่มการผลิตพลังงานทางเลือกเป็นสองเท่าตัวในช่วงสามปีข้างหน้า ขณะที่การบูรณะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และโรงเรียน จะทำให้เกิดการจ้างงานราว 400,000 คน และอีกนับแสนตำแหน่งจากการปรับปรุงระบบสาธารณสุข
โอบามาเสริมว่า แผนการของตนยังจะช่วยคนตกงานโดยการขยายการประกันการว่างงานและประกันสุขภาพ และด้วยการช่วยไม่ให้มลรัฐต่างๆ ต้องตัดงบประมาณสำหรับบริการที่จำเป็น เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และสาธารณสุข
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า สืบเนื่องจากด้วยสมมติฐานต่างๆ ของโมเดลเศรษฐกิจของแผนการ และความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากการพิจารณาข้อเสนอนี้ของรัฐสภา จึงทำให้การประเมินวิเคราะห์ของทีมงานที่โอบามานำเอามาอ้างอิง อาจมีสัดส่วนความผิดพลาดสูง
โอบามายังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดหลังภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อทศวรรษ 1930 และสถานการณ์อาจเลวร้ายลงก่อนที่จะฟื้นคืนสภาพ กระนั้น ว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่าหากร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อเมริกันชนจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้