ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้ผลิตเหล็กโอดวิกฤติเศรษฐกิจฉุดคำสั่งซื้อเหล็กแทบไม่มี ดันสต็อกสินค้าพุ่ง 2 ล้านตัน โรงงานต้องหยุดผลิตชั่วคราวหรือเดินเครื่องผลิต 30-40% เท่านั้น ชี้แย่ยิ่งกว่าวิกฤติปี 40 ยอมรับวางแผนไม่ถูก ต้องรอมาตรการฟื้นเศรษฐกิจจากรัฐเป็นสำคัญ หวังไตรมาส 2 จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่ชะลอตัวลงส่งผลให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นสูง ผู้ประกอบการเหล็กบางส่วนได้หยุดการผลิตลงชั่วคราวและที่เดินเครื่องผลิตอยู่ก็จะผลิตเฉลี่ยเพียง 30-40% เท่านั้น ซึ่งภาวะการผลิตเหล็กดังกล่าวหากเทียบกับปี 2540 ถือว่าค่อนข้างวิกฤติกว่าในแง่ของตลาดเนื่องจากปี 2540 ส่วนใหญ่มีปัญหาการขาดสภาพคล่องแต่ตลาดยังเติบโตสูงโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศแต่ปีนี้ตลาดหดตัวหนักทั้งในและต่างประเทศ
“สต็อกเหล็กหรือสินค้าคงคลังภาพรวมเหลือเยอะเพราะคำสั่งซื้อแทบไม่มี ผู้ประกอบการจึงต้องพยายามลดการผลิตลงให้ต่ำสุดเพื่อรักษาสินค้าคงคลังไม่ให้มากเกินไป ไตรมาสแรกปีนี้ยอมรับว่าผู้ผลิตเองยังไม่รู้ว่าจะวางแผนอย่างไรเพราะต้องดูทิศทางภาวะเศรษฐกิจของไทยและของโลกก่อนคาดว่าไตรมาส 2 ภาพน่าจะชัดเจนขึ้น”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับราคาเหล็กภาพรวมปีนี้น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ราคาค่อนข้างแกว่งตัวหนัก โดยเฉพาะราคาสินแร่จะมีทิศทางที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากความต้องการของโลกจะลดต่ำลง ซึ่งปี 2551 อุตสาหกรรมเหล็กไทยโดยรวมมีการผลิตเหล็ก 13 ล้านตันมีการขยายตัวอัตรา 2%
นายกรกต ผดุงจิตต์ กรรมการกลุ่มเหล็กส.อ.ท. กล่าวว่า ยอมรับว่าสต็อกเหล็กภาพรวมเหลืออยู่เฉลี่ยประมาณ 2 ล้านตันเนื่องจากเศรษฐกิจไทยและโลกถดถอยอย่างรวดเร็วทำให้การจำหน่ายไม่เป็นไปตามแผนการผลิตที่วางไว้โดยระยะนี้แทบมีคำสั่งซื้อเหล็กเลย ดังนั้นปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กอาจเติบโตเป็นศูนย์ ขณะที่ปี 2551 การผลิตมีอัตราที่เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับปี 2550 แต่การส่งออกลดลง 12% หรืออยู่ที่ประมาณ 2 ล้านตัน
“อุตสาหกรรมเหล็กไทยนั้นคงจะเติบโตลดต่ำตามภาวะอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ใช้เหล็กคือ ยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และอสังหาริมทรัพย์ แต่หากภาครัฐมีการกระตุ้นการลงทุนเมกะโปรเจกต์ก็จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีโอกาสเติบโตได้แต่มีเงื่อนไขว่ารัฐจะต้องใช้สินค้าไทยด้วย ส่วนราคาเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นปีนี้ภาพรวมคงจะอยู่ประมาณ 450-500 เหรียญต่อตันซึ่งถือเป็นอัตราที่ปรับตัวลดลงกว่าปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยอยู่สูงกว่า 500 เหรียญต่อตัน”นายกรกตกล่าว
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่ชะลอตัวลงส่งผลให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นสูง ผู้ประกอบการเหล็กบางส่วนได้หยุดการผลิตลงชั่วคราวและที่เดินเครื่องผลิตอยู่ก็จะผลิตเฉลี่ยเพียง 30-40% เท่านั้น ซึ่งภาวะการผลิตเหล็กดังกล่าวหากเทียบกับปี 2540 ถือว่าค่อนข้างวิกฤติกว่าในแง่ของตลาดเนื่องจากปี 2540 ส่วนใหญ่มีปัญหาการขาดสภาพคล่องแต่ตลาดยังเติบโตสูงโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศแต่ปีนี้ตลาดหดตัวหนักทั้งในและต่างประเทศ
“สต็อกเหล็กหรือสินค้าคงคลังภาพรวมเหลือเยอะเพราะคำสั่งซื้อแทบไม่มี ผู้ประกอบการจึงต้องพยายามลดการผลิตลงให้ต่ำสุดเพื่อรักษาสินค้าคงคลังไม่ให้มากเกินไป ไตรมาสแรกปีนี้ยอมรับว่าผู้ผลิตเองยังไม่รู้ว่าจะวางแผนอย่างไรเพราะต้องดูทิศทางภาวะเศรษฐกิจของไทยและของโลกก่อนคาดว่าไตรมาส 2 ภาพน่าจะชัดเจนขึ้น”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับราคาเหล็กภาพรวมปีนี้น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ราคาค่อนข้างแกว่งตัวหนัก โดยเฉพาะราคาสินแร่จะมีทิศทางที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากความต้องการของโลกจะลดต่ำลง ซึ่งปี 2551 อุตสาหกรรมเหล็กไทยโดยรวมมีการผลิตเหล็ก 13 ล้านตันมีการขยายตัวอัตรา 2%
นายกรกต ผดุงจิตต์ กรรมการกลุ่มเหล็กส.อ.ท. กล่าวว่า ยอมรับว่าสต็อกเหล็กภาพรวมเหลืออยู่เฉลี่ยประมาณ 2 ล้านตันเนื่องจากเศรษฐกิจไทยและโลกถดถอยอย่างรวดเร็วทำให้การจำหน่ายไม่เป็นไปตามแผนการผลิตที่วางไว้โดยระยะนี้แทบมีคำสั่งซื้อเหล็กเลย ดังนั้นปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กอาจเติบโตเป็นศูนย์ ขณะที่ปี 2551 การผลิตมีอัตราที่เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับปี 2550 แต่การส่งออกลดลง 12% หรืออยู่ที่ประมาณ 2 ล้านตัน
“อุตสาหกรรมเหล็กไทยนั้นคงจะเติบโตลดต่ำตามภาวะอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ใช้เหล็กคือ ยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และอสังหาริมทรัพย์ แต่หากภาครัฐมีการกระตุ้นการลงทุนเมกะโปรเจกต์ก็จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีโอกาสเติบโตได้แต่มีเงื่อนไขว่ารัฐจะต้องใช้สินค้าไทยด้วย ส่วนราคาเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นปีนี้ภาพรวมคงจะอยู่ประมาณ 450-500 เหรียญต่อตันซึ่งถือเป็นอัตราที่ปรับตัวลดลงกว่าปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยอยู่สูงกว่า 500 เหรียญต่อตัน”นายกรกตกล่าว